Chompoo-Kitchen.pantown.com
อาหาร+1 <<
กลับไปหน้าแรก
Baklava
สูตรยังไม่มาค่ะ เอาประวัติไปก่อนแล้วกัน แบบว่าชอบเล่าน่ะคะ
Baklava
ขนมนี้เชื่อกันว่ามีกำเนิดมาจากชาวอัสสิเรียนตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 8 แต่บางที่ก็อ้างว่ากำเนิดมาจากอาณาจักรตุรกีสมันศตวรรษที่ 15 อย่างไรก็ตามก็ถือว่าเป็นขนมของถิ่นตะวันออกลาง ยุคแรกๆจะมีลักษณะเป็นแป้งขนมปังแผ่นบางๆซ้อนๆกันโดยแต่ละชั้นฉาบด้วยน้ำผึ้ง ในสมัยก่อน บัคลาวาเป็นขนมที่ทำในโอกาสพิเศษเท่านั้น และถือว่ามีแต่คนรวยเท่านั้นถึงจะมีปัญญากินได้ จนในตุรกีมี คำกล่าวที่ว่า ฉันไม่รวยพอที่จะมีบัคลาวา หรือ บอเร็ก กินทุกวัน (boerek แป้งอย่างเดียวกับบัคลาวา แต่ใส้เป็นของคาว ทำนองเดียวกับไส้พาย อร่อยเหมือนกัน) เรียกว่าขนาดคนชั้นกลางลงไปก็ไม่มีปัญญาแล้ว
นักเดินเรือชาวกรีกเป็นผู้นำขนมนี้จากตะวันออกลางเข้าสู่เอเธนส์ ชาวกรีกเป็นผู้ปรับปรุงเทคนิคการทำแป้งให้บางเป็นแผ่นกระดาษ แป้งที่ใช้ทำบัคลาว่าจึงเรียกว่า Phyllo หรือ Filo ซึ่งหมายถึงใบไม้ในภาษากรีก
ชาวอเมเนียนซึ่งมีอาณาจักรอยู่บนเส้นทางสายไหมซึ่งเป็นเส้นทางที่ค้าไหมจากเมืองจีนและเครื่องเทศจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ใส่อบเชย (cinnamon) และกานพลู (clove) เข้าไปในส่วนผสมของบัคลาว่า
ชาวอาหรับเป็นผู้เติมน้ำกุหลาบและลูกกระวาน (cardamom)
ดังนั้นในปะเทศแถบตะวันออกกลาง รวมไปจนถึงกรีกและตุรกี แม้จะมีบัคลาว่าเหมือนกันแต่จะมีส่วนผสมและรสชาติต่างกันไปเล็กน้อย
ขนมชนิดนี้ครอบคลุมตั้งแต่อาณาจักรเปอร์เซีย ข้ามไปถึงอาณาจักรโรมันตะวันออก(ไบแซนไทน์)ซึ่งในที่ศตวรรษที่ 15 ถูกพวกเติร์กเข้าไปครอบครองและถูกเปลี่ยนชื่อเป็นอาณาจักรออตโตมัน และเมืองหลวงหรือศูนย์กลางถูกเปลี่ยนชื่อจากคอนสแตนติโนเปิลเป็นอิสตันบูล พวกเติร์กหรือตุรกีมีอำนาจอยู่ถึง 400 ปี และในห้องเครื่องของราชสำนัก มีพ่อครัวเอกจากชาติต่างๆที่พวกตุรกีเข้าไปครอบครอง รวมทั้งจ้างมาเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับสุลต่าน พ่อครัวเหล่านี้มีทั้ง Armenian, Greek, Persian, Egyptian, Assyrian, Serbian, Hungarian หรือแม้กระทั่ง พ่อครัวชาวฝรั่งเศส ความหลากหลายของวัฒนธรรมและวิธีการต่างๆที่พ่อครัวแต่ละชาตินำมา ได้ช่วยพัฒนาให้บัคลาว่าถึงขีดสุด
การล่มสลายของอาณาจักรออตโตมันในศตวรรษที่19 ทำให้ขนมชนิดนี้เริ่มแพร่หลายไปในหมู่ประชาชนคนธรรมดา โดยผ่านทางร้านขนมที่จะมีอยู่ทั่วๆไปตามหัวเมืองใหญ่
อีกเหตุผลหนึ่งที่เชื่อกันว่าทำให้ขนมนี้เป็นที่นิยม ก็เป็นเพราะว่า ส่วนผสมหลักสองอย่างคือ วอลนัทและน้ำผึ้งถือว่าเป็นอาหารบำรุงความรัก หรือภาษาเราๆก็เรียกว่าเป็นยาโป๊ว จึงเป็นสิ่งที่ต้องจัดหาให้สุลต่านผู้มีสนมอยู่ในฮาเล็มนับร้อย เครื่องเทศ 2-3 อย่างถูกเสริมเข้าไปเพื่อเป็นยาบำรุงรักด้วย ขึ้นอยู่กับว่าถ้าเป็นหญิงก็จะใส่อบเชย ลูกกระวานจะสำหรับชาย และกานพลูสำหรับทั้งสองเพศ
โดยปรกติบัคลาว่าจะมีรูปร่างเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจตุรัส, สี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน หรือสามเหลี่ยม แต่ในศตวรรษที่ 18 ราชสำนักมีการว่าจ้างพ่อครัวชาวฝรั่งเศสผู้เคยเป็น Pastry chef ให้กับราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระนางมารีอังตัวเนตต์ และถูกเนรเทศออกจากฝรั่งเศสเมื่อ เกิดการปฏิวัติซึ่งพ่อครัวท่านนี้ได้สร้างรูปร่างแบบใหม่ให้กับขนม
ขนมชนิดนี้ถือเป็นขนมสำหรับเทศกาลอีสเตอร์ ในกรีก โดยจะปูแป้งฟิโล 40 ชั้นซึ่งหมายถึง 40 วันของช่วงเทศกาล
ที่มา :
https://www.kitchenproject.com/history/Baklava.htm
,
Jov of Cooking by Irma S. Rombauer
The Turkish Kitchen
โดย: ตุ้ม [13 ส.ค. 48 16:14] ( IP A:61.91.173.215 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
สูตรขนม
ส่วนผสมตัวขนม
แป้งฟิโล (phyllo หรือ filo) 1 ห่อ (1 LB) มีขายตามซุปเปอร์มาเกต
เนยจืด 250 กรัม หรือจะใช้เป็นสัก 1ถ้วยก็ได้
ถั่วต่างๆ(วอลนัท พิทาสชิโอ อัลมอนด์ พีแคน) สับหยาบ 3 ถ้วย เลือกตามชอบ แต่พี่จะใช้วอลนัทกับพิทาสชิโอ
น้ำตาล ¼ ถ้วย
ผิวมะนาว 1 ช้อนชา
ผงอบเชย ½ ช้อนชา
ส่วนผสมน้ำเชื่อม
น้ำตาล 1 1/3 ถ้วย
น้ำ 1 1/3 ถ้วย (ถ้ามีน้ำกุหลาบผสมด้วยก็ดี)
น้ำผึ้ง 1/3 ถ้วย
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ (นี่ก็จำเป็นทำให้น้ำเชื่อมไม่ตกผลึก)
ผิวส้ม 1 ชิ้น
ถาดขนาด 13 x 9 นิ้ว ได้ถาดแก้วก็จะดีเพราะตอนตัดถาดจะได้ไม่เป็นรอย
วิธีทำ
1. ละลายเนยจืดทิ้งให้เย็นหรือแค่พออุ่นๆก็ได้ แต่อย่าใช้ตอนร้อนจัด
2. ผสมน้ำตาลและผิวมะนาว อบเชยใส่ชามพักไว้
3. ตัดแป้งฟิโลให้ได้ขนาดเท่าถาด (13x 9นิ้ว) เอาผ้าชื้นๆคลุมไว้เพราะแป้งจะแห้งเร็วมาก แล้วค่อยหยิบมาใช้
4. เอาแป้งฟิโล 2 แผ่นปูลงบนถาด แล้วเอาแปรงจุ่มเนยละลายทาให้ทั่ว
5. ทำซ้ำแบบข้อ 4 จนครบ 6 แผ่น
6. ใส่ถั่วครึ่งหนึ่งลงไปบนแป้ง โรยทับด้วยส่วนผสมน้ำตาลอีกครึ่งหนึ่ง
7. เอาแป้งฟิโลอีก 2 แผ่น ปูทับหน้าถั่ว
8. ทาเนยละลายบนแผ่นบนให้ทั่ว
9. ทำซ้ำแบข้อ 4 จนครบหกแผ่น
10. ใส่ถั่วและน้ำตาลที่เหลือ
11. ปูแป้งฟิโลทับ โดยปูทีละ 2 แผ่นแล้วทาด้วยเนยละลาย ปูทับอีก 2 แผ่น ทาด้วยเนยละลาย ทำเช่นนี้จนหมดแป้ง
12. ทาเนยละลายทับบนแผ่นบนสุด
13. ใช้มีดที่คม (เน้นต้องคมมากๆนะคะ ไม่อย่างนั้นจะตัดไม่ขาด) ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจตุรัส หรือขนมเปียกปูนหรือ สามเหลี่ยมก็ได้ ชิ้นจะเป็นขนาด 2x2 นิ้ว ถ้าได้มีดฟันเลื่อยได้ก็ดี แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างมีดฟันเลื่อยปลายมน กับมีดคมปลายแหลม มีดคมปลายแหลมจะดีกว่า ตรงนี้สำคัญมากนะคะ ต้องตัดก่อนเอาเข้าอบ เพราะถ้าอบเสร็จแล้วจะตัดไม่ได้เพราะจะแตกหมด และถ้าไม่ตัดเลยเราจะไม่สามารถพรมน้ำเชื่อมได้เลย
14. ไฟ 325F อบ 30 นาที แล้วลดไฟลงเหลือ 300F อบต่ออีก 45-60 นาทีหรือจนเหลืองทอง
15. เตรียมน้ำเชื่อม โดยผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันยกเว้นน้ำมะนาว จนเดือดปุดๆ แต่ไม่แรง ลดไฟลง เคี่ยว แบบไม่ปิดฝา ประมาณ 15 นาที เติมน้ำมะนาวก่อนปิดไฟ 5 นาที
16. เอาผิวส้มออก กรองน้ำเชื่อมร้อนๆลงบน บัคลาว่าที่อบเสร็จและทิ้งให้อุ่นๆแล้ว
17. ตั้งทิ้งไว้เพื่อให้ขนมดูดซึมน้ำตาลเข้าไป
18. ทิ้งให้เย็นในอุณหภูมิห้องอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ก่อนเสริฟ์ แต่ถ้าทานไม่หมดก็เก็บใส่กล่องเข้าตู้เย็นได้ค่ะ
น้ำเชื่อมอีกสูตรหนึ่ง
น้ำตาล 4 ถ้วย
น้ำ 3 ถ้วย
น้ำมะนาว ½ ผล
เอารูปของคุณสามาแปะค่ะ นี่เป็นการตัดแบบดั้งเดิม
โดย: ตุ้ม [14 ส.ค. 48 17:32] ( IP A:61.91.177.75 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
หมายเหตุ :
ขนมนี้หวานมากๆๆๆๆๆ ถ้าอยากลดความหวานต้องลดความหวานที่น้ำเชื่อม แต่ถ้าลดมากเกินไป น้ำเชื่อมเข้มข้นไม่พอ เอาไปเทราดขนมก็จะทำให้ขนมไม่กรอบ
แก้หวานด้วยการกินกับกาแฟดำ (Kahve) ไม่ใส่น้ำตาล กาแฟตุรกีจะถ้วยเล็ก แต่เข้มข้นมาก เมื่อดื่มหมดถ้วย เขาจะให้คว่ำถ้วย แล้วหงายขึ้นมาทันที สามารถทำนายโชคชะตาได้จากรอยกาแฟที่ก้นถ้วย แต่ชงไม่เป็นค่ะ เคยแต่กิน รู้แต่ว่าจะมีหม้อต้มพิเศษ แล้วต้องเป็นผงกาแฟเฉพาะ กาแฟจะมีฟองเยอะข้างบน ถ้วยที่มีฟองเยอะที่สุดจะต้องให้แขกที่มีพิเศษสุด หรือ ผู้อาวุโสสุด อย่างเราๆก็กินกาแฟดำไปแทนก็แล้วกัน
ชา (Cay มีสระ อูใต้ตัว C ) จะเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ดื่มกันแพร่หลาย แต่จะมีหม้อต้มชาโดยเฉพาะ คลับคล้ายคลับคลาว่าเรียกหม้อต้มชานี้ว่า ชามอฟว่า โดยน้ำจะถูกต้มให้เดือด ไอน้ำจะถูกผ่านขึ้นไปที่ข้างบนหม้อชาที่ใส่ใบชาเอาไว้ และถูกลั่นออกมาใส่ถ้วยแก้วใบเล็กๆครึ่งถ้วย แล้วค่อยใส่น้ำเดือดตามไปอีกที ถ้วยชาจะถูกเสริฟ์พร้อมวางน้ำตาลมาต่างหากให้ 2 ก้อน อันนี้เคยเห็นเขาชงเลยเล่าถูก
รูปนี้จะใช้แป้งฟิโลปูบนกระดาน ทาเนย ให้ได้หลายๆชั้นก่อน แล้วค่อยโรยไส้ แล้วม้วน พอม้วนเสร็จ ก็ตัดเป็นชิ้นวางใส่ถาดที่มีก้นบ้างเอาเช้าอบ แล้วค่อยมาราดนำเชื่อมค่ะ
โดย: ตุ้ม [14 ส.ค. 48 17:35] ( IP A:61.91.177.75 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
ส่วนรูปนี้ ทำคล้ายรูปบนเพียงแต่ใส่ชั้นแป้งน้อยกว่า
โดย: ตุ้ม [14 ส.ค. 48 17:37] ( IP A:61.91.177.75 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
รูปนี้ไม่เคยทำ แต่เข้าใจว่าน่าจะตัดแป้งให้ขนาดใหญกว่าพิมพ์ที่เป็นคำเล็ก แล้วใส่แป้งทาเนยเข้าไปหลายๆชั้น ใส่ไส้ตรงกลางแล้วเอาแป้งตลบปิด โรยด้วยถั่วอีกที ที่เห็นเป็นเขียวๆคือถั่วพิทาสชิโอสับค่ะ
โดย: ตุ้ม [14 ส.ค. 48 17:40] ( IP A:61.91.177.75 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
เพิ่มเติมนิดหนึ่งนะคะ ว่าเนยที่จะเอาไปละลายส่วนผสมใช้ได้ตั้งแต่ประมาณ 200-250 กรัมค่ะ ไม่ต้องถึงกับเป๊ะๆค่ะ
โดย: ตุ้ม [14 ส.ค. 48 21:00] ( IP A:58.10.115.118 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
คุณสาส่วนผสมต้นตำรับไม่มีนมข้นค่ะ ที่คนตุรกีเขาเคยทำให้ดูก็ไม่มีค่ะ เพียงแต่มันก็จะเหมือนขนมพื้นบ้านของเราค่ะ คือแต่ละครอบครัว หรือท้องถิ่นก็อาจมีสูตรพิเศษของตัวเอง เพิ่มเติมหรือลดบางอย่างเข้าไปได้ เช่นเคยมีอีกคอบครัวหนึ่งเอามาให้ก็ไม่ใส่อบเชย แล้วหน้าก็โรยทับด้วยพิทาสชิโอจนเขียวเลยค่ะ ถ้าคุณสาชอบแบบรสที่มีนมข้นก็ลองลดน้ำตาลหรือนำผึ้งลง แล้วใส่นมข้นพอให้มีกลิ่นก็น่าจะได้นะคะ
คุณสาวไหมคะ ขนมนี้จะหวานมันมากกกกกก บำรุงน้ำหนักอย่างดีค่ะ
โดย: ตุ้ม [15 ส.ค. 48 8:38] ( IP A:61.91.171.149 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
ขอแชร์สูตรยังไม่เคยทำนะคะ วิธีทำคงเหมือนข้างบน แต่บอกวิธีวางแผ่นแป้งเผื่อคุณสาจะได้ประโยชน์บ้าง คุณแม่บอกว่าเป็นสูตรของโรงแรม
Baklava
ถั่วพิตาชิโอ 300 กรัม
วอลนัท 300 กรัม
น้ำตาล 300 กรัม
อบเชย 20 กรัม
แป้งฟิโล
วิธีจัด
วางแผ่นแป้งซ้อนกัน 9 แผ่น
ใส่ส่วนผสมของถั่ว
วางแผ่นแป้ง 2 แผ่น
ใส่ส่วนผสมของถั่ว
วางแผ่นแป้ง 9 แผ่น
Baklava Syrup
น้ำตาล 1250 กรัม
น้ำ 300 ml
น้ำเลมอน 60 ml
น้ำส้ม 75 ml
น้ำซันคิสต์ 200 ml
โดย: nocturne [16 ส.ค. 48 10:14] ( IP A:202.28.4.12 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
คุณชมพู่ลองหาเเผ่นเเป้งดูที่เเผนกช่องเเช่เเข็งไม๊คะ ที่นี่เขาอยู่ใกล้กับเเผ่นเเป้งพัฟฟ์ในช่องเเช่เเข็ง
โดย: ปลาหวาน [16 ส.ค. 48 14:18] ( IP A:84.81.89.154 X: )
ความคิดเห็นที่ 26
แป้งเปาะเปี๊ยะพี่เคยเอามาลองแล้วตอนกลับมาเมืองไทยใหม่ๆ ใช้ไม่ได้ค่ะ แข็งกระด้างกินไป กินได้แต่ตอนเสร็จใหม่ๆ ของเหลือต้องทิ้งหมดเลยค่ะ
โดย: ตุ้ม [17 ส.ค. 48 8:01] ( IP A:61.91.172.99 X: )
ความคิดเห็นที่ 28
เคยเห็นแวบๆทีร้านซิดาร์ ข อาหารเลบานอน เมื่อหลายปีมาแล้ว ไม่ทราบเดี๋ยวนี้ยังมีหรือไม่ค่ะ ร้านอาหารพวกตะวันออกกลาง อาจจะมีค่ะ
โดย: ตุ้ม [20 ส.ค. 48 8:26] ( IP A:61.91.174.139 X: )
ความคิดเห็นที่ 29
ส่งการบ้านค่ะ คุณครูตุ้ม ทำออกมาแล้วหน้าตาพอดูได้เลยเอามาฝากคุณครูและสมาชิกทุกคนค่ะ เอากล่องฟิโลมาฝากคุณสาและรูปขั้นตอนบางขั้นตอนค่ะ
โดย: สาวไหม [21 ส.ค. 48 9:43] ( IP A:129.123.38.7 X: )
ความคิดเห็นที่ 30
สาวไหมทำครึ่งสูตรค่ะ ใช้ผิวมะนาวเหลืองแทนผิวส้ม ส่วนถั่วต่าง ๆ ใช้พิคอน วอลนัทและออลมอนล์ เอาไปคั่วให้หอมนิดนึงแล้วเอาไปบุบค่ะ ไม่กล้าใส่เครื่องปั่นกลัวจะละเอียดเกินไป
ผลออกมาจากเสียงนักกินในบ้าน บอกว่าอร่อยค่ะ หวานถึงใจ กรอบ อร่อยไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมคุณสาถึงอยากทำ ตอนอบหอมถั่วต่าง ๆมาก นี่ขนาดไม่มีน้ำดอกกุหลาบ แค่นี้ก็อร่อยแล้วค่ะ สาวไหมทำแบบม้วนด้วยค่ะ ทำเล็ก ๆ ตัดเป็นท่อน ๆ ต้องขอโทษคุณครูด้วยเพราะทำเสร็จ ไม่รอให้น้ำเชื่อมเข้าขนมเลย คนทำกินแบบกลมหมดซะก่อน ไม่ได้ถ่ายรูปเลยค่ะ แต่แบบสี่เหลี่ยมเก็บไว้เป็นของหวานหลังอาหารเย็น แต่ตอนที่ส่งการบ้านเป็นตอนหลังอาหารเย็น เลยหมดเกลี้ยงแล้วค่ะ คุณสามีบอกว่า จะโปะด้วยไอศครีม โอโห้ขนาดนี้ยังหวานไม่พออีก แถมคุณเธอยังเล่าให้ฟังเกี่ยวกับประวัติขนมอีกว่า ในสมัยก่อนนั้น สาวคนไหนที่ทำขนมนี้เก่งทำแป้งออก มาบางและหลายชั้นมาก ๆ มีวิธีแยบยลที่ทำให้ขนมอร่อย ก็จะเป็นที่เลื่องลือและเป็นที่หมายปองของหนุ่ม ๆ รู้สึกว่าไม่ว่าขนมอะไรแปลก เธอจะรู้ไปหมดเพราะเป็นนักกินและนักอ่าน ดีที่สาวไหมไม่ทำเต็มสูตรไม่งั้น คงเพิ่มพุงให้คนข้างตัวและคนทำแน่ ๆ
โดย: สาวไหม [21 ส.ค. 48 9:45] ( IP A:129.123.38.7 X: )
ความคิดเห็นที่ 32
โห....เร็วมากเลย ทำการบ้านมาส่งแล้ว นี่คนขอสูตรยังคลำหาแผ่นแป้งอยู่เลยค๊า ที่ชอบมากๆคือมันมีรสนมข้นหวาน แต่เดาว่าคงเป็นเนยนะคะ รูปที่9อร่อยที่สุด อ่านประวัติแล้ว ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ขนมนี้มีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น ขอบคุณพี่ไหมค๊า ที่ เอากล่องมาให้ดู ถ้าหาเจอแล้วจะต้องส่งการบ้านแน่ๆค๊า พี่ตุ้มหายไปไหนค๊า มาตรวจการบ้านด้วยนะค๊า เห็นว่าไปเที่ยวไม่รู้กลับมารึยัง? คืดถึงพี่ตุ้มจัง เลยค๊า...
สาขออนุญาติเอารูปไปช่วยปรับแสงให้ใหม่นะคะพี่ไหม
โดย: ชมพู่ [21 ส.ค. 48 11:32] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 35
กลับมาตรวจการบ้านแล้วค่ะ หายไปหลายวัน คุณไหม เก่งจริงๆ น่ารับประทานมาก เห็นรูปแล้วอยากชงกาแฟเลย แต่ถ้าอยากให้เหมือนต้นตำรับ ขอแนะนำให้ตัดชิ้นให้เล็กลงกว่านี้อีกนิดหนึ่งค่ะ น้ำเชื่อมจะได้ซึมทั่วถึง แต่ถ้าชอบชิ้นใหญ่ๆก็ไม่เป็นไรค่ะ ดีใจที่คุณไหมทำได้น่าทานขนาดนี้ คงได้เป็นเมนูประจำบ้านอีกเมนูนะคะ คุณไหมลองเปลี่ยนบรรยากาศตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนก็น่าทานนะคะ ตัดทะแยงในถาดเลยค่ะ
วันหลังจะเอาสูตร"บอแรก" มาแปะให้ อันนี้ก็เป็นเมนูโปรดเหมือนกันใช้แป้งแบบเดียวกันแต่เป็นของคาว เด็กๆน่าจะชอบ สมัยตอนเรียนอยู่ที่โน่น จะทำไอ้เจ้าบอแรกนี้ไว้ถาดใหญ่ๆ วันแรกก็กินแบบกรอบกับสลัดอีก 1 ชาม วันอื่นๆห่อไปเป็นอาหารเทียงที่โรงเรียน ถึงไม่กรอบก็ยังอร่อย
คุณแพทคะ ขนมจะหวานมากค่ะ แต่รับประทานคู่กับกาแฟดำร้อนๆเข้มๆ จะอร่อยลืมโลกเลยค่ะ
คุณสาคะ ในหนังสือของตุรกีเขามีวิธีทำแป้งให้ด้วยค่ะ แต่พี่ดูแล้วมันยากเกินไป เพราะแป้งต้องคลึงให้บางเท่ากับแผ่นกระดาษเลยไม่ได้เอามาลงให้ ลองดูตามตู้ที่แช่แข็งพวก puff pastry นะคะ น่าจะอยู่ด้วยกัน
โดย: ตุ้ม [23 ส.ค. 48 10:44] ( IP A:61.91.176.53 X: )
ความคิดเห็นที่ 36
คุณชมพู่ ที่นี่เเป้งฟิโล กล่องหนึ่งมี 10เเผ่น ราคา1.45ยูโรค่ะ เอามาทำปอเปี๊ยะน่าจะดีเหมือนกัน
โดย: ปลาหวาน [25 ส.ค. 48 16:27] ( IP A:84.81.89.154 X: )
ความคิดเห็นที่ 37
ลืมส่งรูป เอามาเเปะเผื่อคุณเจี๊ยบกับคุณนกอยากทำมั่ง
โดย: ปลาหวาน [25 ส.ค. 48 16:28] ( IP A:84.81.89.154 X: )
ความคิดเห็นที่ 40
ขอบคุณ คุณ nocturne มากๆคะ แต่เข้าไปดูแล้วนะ มันเป็นสูตรพายแอ๊บเปิ้ลอะไม่รู้ว่าสูตรไหนกันแน่
https://www.pantown.com/board.php?id=5495&name=board7&topic=259&action=view
โดย: ชมพู่ [28 ส.ค. 48 18:09] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 41
กำลังหาสูตรมาแปะให้อยู่นะคะ ช่วงนี้ยุ่งมากๆๆค่ะ ถ้าจะให้เหมือนใช้แป้งแบบ Apfelstrudel ไม่น่าจะได้นะคะเพราะแป้งน่าจะดูดเนยซึมเข้าไปเลย แต่แป้งฟิโลจะกักเนยไว้แต่ละชั้นเพื่อให้กรอบ แต่ข้อแนะนำของคุณ Nocturne ก็ข่าสนใจนะคะ ใช้แป้งแบบของคุณมายา แล้วทำไส้แบบบัคลาว่า แต่คงต้องไม่ใช้เนยละลายฉาบแต่ละชั้น
โดย: ตุ้ม [28 ส.ค. 48 18:12] ( IP A:61.91.176.58 X: )
ความคิดเห็นที่ 44
พอดีวันนี้พอมีเวลานิดหน่อยเลยเข้ามาขยายความให้ค่ะ
ดีใจด้วยค่ะทีสามีคุณสาวไหมแข็งแรงขึ้นแล้ว เพิ่งทราบเหมือนกันเพราะไม่ค่อยได้เข้ามาเนื่องจาช่วงนี้กำลังวุ่นวายอยู่ค่ะ เวลาตัดไม่ต้องกลัวเสียค่ะ เพราะถ้าเราทาเนยได้ที่จะออกมาสวยเลย สมัยที่ทำจะตัดขนาดชิ้นพอคำ น่ารักดีค่ะ
คุณชมพู่คะ แปลสูตรแป้งมาให้แล้วค่ะ แต่ไม่รู้สูตรเชื่อได้แค่ไหนนะคะ สูตรแรกเอามาจาก web ของอเมริกัน แต่สูตรที่สองเอามาจากหนังสือที่มีอยู่ค่ะ แต่เคยเห็นเขาทำค่อนข้างต้องใช้ความชำนาญสูงมาก (ไปของเขาชะโงกดูที่ร้านเบเกอรี่ เขาเห็นหน้าหมวยๆ เลยต้อนรับใหญ่เลย) และไม้คลึงแป้งเขาก็จะเป็นแบบพิเศษ ยาวประมาณ 70 เซนต์ได้
แต่ก็ยังอยากแนะนำคุณสาไปหาซื้อดู ลองถามร้านที่ขายขนมซิคะ ว่าเขายอมแบ่งขายไหม
สูตรตามนี้ค่ะ
สูตรแป้งสูตรที่ 1
แป้งอเนกประสงค์ 2 2/3 ถ้วย (ร่อน)
เกลือ 1 ช้อนชา
น้ำอุ่น ½ ถ้วย
น้ำมันสลัด 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งและเกลือใส่นชาม
2. ค่อยๆเติมน้ำลงไป คนจนแป็นก้อนแป้งแน่นๆ
3. เอาแป้งออกมาวางบนกระดานนวด
4. เทน้ำมันใส่ถ้วย แล้วค่อยๆ เอาถูที่อุ้งมือบางๆ นวดแป้งไปเรื่อยๆ ด้วยวิธีม้วนทบเข้ามา แล้วก็หมุนแป้งไปด้วย
5. เอาน้ำมันลูบมือเพิ่มมื่อแป้งเริ่มแน่นแข็ง ทำตาม 4-5 ไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าแป้งเนียนและมีความยืดหยุ่นดี (ถึงขั้นนี้น้ำมันก็จวนหมดแล้ว)
6. เอาก้อนแป้งที่กนวดจนกลมเนียนไปคลุกในชามน้ำมันเพื่อให้ น้ำมันที่เหลือเกาะผิวนอกแป้งให้ทั่ว
7. เอาผ้าคลุมชามแป้งทิ้งพักไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้นในที่ที่อุ่นๆและชื้น (เอาใส่ไว้ในเตาอบอุ่นๆ ได้ยิ่งดี)
8. แบ่งแป้งมา 1/4 ก้อน คลึงแผ่ออกจนได้ความหนา ¼ นิ้ว บนกระดานคลึงแป้งให้โรยแป้งข้าวโพดเป็นนวล
9. พักทิ้งไว้ 10 นาที
10. เอาผ้าบางเนื้อละเอียดปูลงบนโต๊ะคลึงแป้ง แล้วค่อยๆยกเอาแผ่นแป้งไปวางไว้บนผ้านั้น
11. คว่ำมือสอดไปใต้แผ่นแป้ง แล้วค่อยๆยืดแป้งออกทีละน้อยด้วยหลังมือ ค่อยๆทำโดยเดินไปรอบโต๊ะ ทำไปเรื่อยๆจนแป้งบางเท่ากระดาษทิชชู่ ถ้าขอบแป้งเริ่มยาวเลยโต๊ะหรือแป้งเป็นรูบ้างก็ไม่เป็นไร
12. ตัดขอบหนาๆทิ้ง แต่เก็บเศษแป้งไว้
13. หลังจากนั้นตัดแป้งฟิโลตามขนาดที่ต้องการ และสามารถใช้ได้ทันที่ถ้าต้องการใช้แบบสด แต่ถ้าต้องการแป้งแห้ง ต้องทิ้งให้แห้งประมาณ 10 นาที ก่อนตัดตามขนาดต้องการ
14. เศษแป้งที่ตัดออกมา สามารถเก็บเข้าไปใส่ชามแป้งที่คลุมผ้าชื้นไว้ แล้วเอามานวดและคลึงอีกที
จาก
https://www.baking911.com/recipes/pastry/phyllo.htm
สูตรแป้งสูตรที่ 2
แป้งฟิโล
ส่วนผสมแป้ง
แป้ง 500 กรัม
โซดาไบคาบอเนต ½ ช้อนชา
น้ำมะนาว ½ ช้อนชา
เกลือ 1 หยิบมือ
น้ำอุ่น
เนยละลายทิ้งไว้จนเย็น
ส่วนผสมแป้งนวล
แป้งข้าวโพด 1 ถ้วย
แป้งสาลี ½ ถ้วย
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งลงบนหระดานนวดแป้ง
2. ทำหลุมตรงกลาง
3. ผสมเกลือ น้ำมะนาว โซดาไบคาบอเนตเข้าด้วยกัน
4. เอาส่วนผสมจากข้อ 3 เทลงหลุมแป้ง
5. ค่อยๆผสมน้ำอุ่นลงไปในแป้ง แค่พอให้แป้งเข้ากันเป็นก้อนนุ่ม
6. นวดก้อนแป้งให้เนียน แล้วแบ่งเป็น 30 ก้อน
7. เอาแป้งแต่ละก้อนมาคลึงให้ได้เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เซนติเมตร โดยใช้แป้งนวลตามสูตรข้างบน
8. หยิบแป้งมา 4 ชิ้นแล้วเอาเนยละลายทาวางซ้อนกัน ยกเว้นชิ้นบนสุด ตั้งไว้เป็น 1 กอง
9. ทำอย่างเดียวกันกับข้อ 8 จนหมดแป้ง
10. พักแป้งไว้ 25 นาที
11. เอาแป้งแต่ละกองมาคลึงให้ได้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 35 เซนติเมตร
ขอให้โชคดีกับการทำแป้งนะคะ
โดย: ตุ้ม [29 ส.ค. 48 19:47] ( IP A:61.91.176.59 X: )
ความคิดเห็นที่ 45
ขอบคุณ คุณ nocturne ที่ช่วยหาลิ้งคืมาให้นะคะ
ขอบคุณพี่ตุ้มมากๆที่มาช่วยแปลเรื่องแป้งให้ อ่านอันแรก ไม่เข้าใจน้ำมันสลัดนี่ใช้น้ำมันอูลีฟได้รึเปล่าคะ?
แล้วส่วนที่2แป้งข้าวโพดของที่นี่เนื้อหยาบมากเคยเอามาทำขนมก็ไม่เนียนดังใจเลยค๊า อยากรู้ว่าแป้งข้าวโพดถ้าเราไม่ใส่ จะได้ไหมคะ
แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทำนะคะเพราะยังไออยู่เลย อากาศเปลี่ยนแล้วคะ แถวบ้านเช้าๆ +10องศาเอง ให้หายไอและหาเครื่องครบ คงได้มาทำการบ้านมาส่งแน่ๆค๊า ขอบคุณพี่ตุ้มมากๆค๊า
หวัดดีคะพี่สาวไหมดีใจด้วยค๊าที่แฟนพี่หายขึ้นดีแล้วคะ
โดย: ชมพู่ [30 ส.ค. 48] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 46
พี่ว่าจะใช้นำมันพืชพวกไม่มีกลิ่นน่าจะดีกว่า แล้วแป้งข้าวโพดต้องเป็นแบบขาวๆเนียนๆที่ไว้ละลายใส่อาหารเหมือนแป้งมันนะคะ ไม่ใช่แป้งข้าวโพดเหลืองๆที่ใช้ทำขนมปัง
ทั้งหมดนี่เดาเอาเพราะไม่เคยทำค่ะ
โดย: ตุ้ม [30 ส.ค. 48 12:39] ( IP A:61.91.174.175 X: )
ความคิดเห็นที่ 54
ตบเมือให้ดังๆค่ะ ส่งตรงไหนก็ได้ค่ะ จะรอดู เพราะอยากทานเหมือนกัน แต่ขี้เกียจทำ แล้วอย่าลืมลองทำ Revani นะคะ อร่อยเหมือนกัน
โดย: ตุ้ม [7 ก.ย. 48 9:57] ( IP A:61.91.172.61 X: )
ความคิดเห็นที่ 58
โดย: ชมพู่ [25 ก.ย. 48 12:47] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 59
ขอย้ายกระทู้รูปที่สาทำส่งการบ้านมาไว้ที่ทู้นี้เลยนะคะ
ส่งการบ้านพี่ตุ้ม ขนมหวานตุรกี อร่อยมากๆ ขอบอกว่าทำเมื่อคืนหอมไปทั้งบ้านเลยค๊า เมนูนี้ก็ใช้ได้เลย กว่าจะหาแป้งเจอก็ หลายวันคิดว่าจะไม่ได้ทำซะแล้วซิ ขอบอกว่าอร่อยกว่าที่ไปซื้อมาอีกคะ งานนี้ต้องขอบคุณพี่ตุ้มมากๆ ที่เคยทำและเอาสูตรเด็ดๆของตุรกีมาฝากค๊า
กล่องแผ่นแป้งฟิโล
โดย: ชมพู่ [25 ก.ย. 48 12:55] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 60
เอาถั่วมานั่งแกะเปลือกแล้วใส่ครกตำ แป้งก็แผ่นยาวมากๆ เอามาตัดครึ่งนะคะ ส่วนน้ำเชื่อม หอมน้ำผึ้ง+มะนาว รสพอดีเลยค๊า
นี่น้ำเชื่อมที่เหลือก็ยังเก็บไว้ในตู้เย็นไว้ทำขนมหวานอย่างอื่นต่อค๊า
โดย: ชมพู่ [25 ก.ย. 48 12:56] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 61
ปูแป้งฟิโลทับ โดยปูทีละ 2 แผ่นแล้วทาด้วยเนยละลายแล้วโรยถั่ว ปูทับอีก 2 แผ่น ทาด้วยเนยละลาย ทำเช่นนี้จนหมดแป้ง
โดย: ชมพู่ [25 ก.ย. 48 12:59] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 62
ขอบอกว่าแป้งแห้งเร็วมากๆ แล้วตอนทำไม่ได้เอาอะไรคลุมเลย รีบเอาแป้งมาวางในถาดแล้วเอาแปรงทาเนยจืดลงไปทุกๆชั้นแถมไม่ได้นับ แบบรีบมากๆคะ หลังจากคลุมเข้าที่แล้วก็รีบตัด กลัวจะตีดไม่ได้ แท้แค่เอาที่ตัดแป้งกดลงไปก็ขาดแล้วค๊า
แล้วอบไม่นาน ไฟ160 อบไฟบน+ล่าง 30นาทีก็ยกออกมาเลยค๊า
โดย: ชมพู่ [25 ก.ย. 48 13:00] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 63
แล้วเอาน้ำเชื่อมมาราดลงไปให้ขนมดูดซึมน้ำเชื่อมให้ชุ่มๆ
โดย: ชมพู่ [25 ก.ย. 48 13:01] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 65
ใครที่ยังไม่ได้ลองทำก็รีบๆทำทานดูนะค๊า
ขอบอกว่าน้ำเชื่อมรสเหมือนนมข้นหวานเลยคะ
ขอบคุณพี่ตุ้ม และคุณ nocturne อีกครั้งนะคะ
โดย: ชมพู่ [25 ก.ย. 48 13:04] ( IP A:213.114.231.248 X: )
ความคิดเห็นที่ 66
https://chompoo-kitchen.pantown.com/
ครัวชมพู่
โดย: ครัวชมพู่ [4 ต.ค. 48 12:34] ( IP A:213.114.231.248 X: )
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน