ความคิดเห็นที่ 1 เฮ่อ... กำลังกลุ้มสุดๆกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกันเลยค่ะ
เคยมีเยอรมันเชพเพอดตัวหนึ่งเป็นภูมิแพ้รักษาจนแก่ก็ยังไม่หาย หมอสมัยนั้นพอเห็นหมาเป็นโรคผิวหนังก็ว่า เป็นขี้เรื้อน เราก็เคืองอยู่ไม่น้อย หมาเลี้ยงยังกะลูกมาหาว่าเป็นเรื้อน ขูดหลังส่องกล้อง ส่องแล้วส่องอีก ไงๆก็ไม่เจอตัวเรื้อน แต่หมอก็ยังจะว่ามันเป็นเรื้อน ฉีดยาฆ่าขี้เรื้อน ก็ไม่หาย จนต้องไปพึ่งอดีตคณะบดีที่จุฬา ท่านจึงว่ามันเป็น ภูมิแพ้ แล้วก็ให้กินเพรดดิโซโลน + คลอเฟนนิรามีน ก็ดีขึ้น กินหลายเดือนติอต่อกันก็หาย แต่พอหยุดกินก็กลับมาเป็นอีก ทำยังไงก็ไม่หายขาด จนตอนหลังกลายเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดที่ผิวหนังแล้วก็จากไป เจ้าของก็ยังเศร้าอยู่จนทุกวันนี้ | โดย: มาแมง [23 พ.ค. 50 15:26] ( IP A:203.113.38.13 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 มาปัจจุบัน เยอรมันเชพเพอดตัวที่ 3 ก็กำลังเป็นภูมิแพ้อีก (เลี้ยงเชพเพอดมาทั้งหมด 3 ตัว เจอไปซะ 2 ซวยจริงเลย ทีหมาพันธ์ทางไม่ยักกะเห็นมันเคยเป็น)
เจ้าภูมิแพ้นี่มันก็...ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แค่ตัวภูมิแพ้เอง อาจทำให้หมาคันๆเกาๆ แล้วก็ขนร่วง แต่พอเกาไปเกามา โรคแทรกก็ตามมาเพียบ ทั้งยีสต์ ทั้งแบคทีเรีย
ในปัจจุบันนี้ข้อมูล ข่าวสารและวิธีการรักษา พัฒนาขึ้นมามาก ตอนนี้ก็ค้นข้อมูลจนหัวบาน ว่าจะทำไงให้หายแพ้ แต่มันก็ยากมากๆ อย่างว่าแหละค่ะ มันไม่ใช่เชื้อโรค แต่เป็นความผิดปกติของร่างกายเค้าเอง (มาจากพันธุกรรม) เรื่องจะรักษาคงทำไม่ได้ ได้แต่หลีกเลี่ยงและแก้ไขไปวันๆ
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งพาไปหาหมอเฉพาะทางโรคผิวหนัง ที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดในปัจจุบัน เจอค่ารักษาไป 8พันกว่าบาท แล้วนัดอีกทีใน 1 อาทิตย์
หมอก็ให้ยามาเพียบ ซึ่งเจ้าของก็ไม่ค่อยชอบซักเท่าไหร่ เพราะยาเหล่านั้นมีผลข้างเคียงค่อนข้างอันตรายมาก
แล้วก็ให้อาหาร..เม็ด มา คุณหมอไม่ปลื้มที่เจ้าของให้หมากินปลาซาบะทำเอง (ดิบๆ แต่ไม่ได้บอกหมอ เพราะกลัวหมอบ่นเรื่องอาหารดิบ) คุณหมอปลื้มอาหารเม็ดมากกว่า เพราะว่ามันมีสารอาหารครบถ้วน สัดส่วน โอเมก้า3 กับ โอเมก้า6 ลงตัวเหมาะเจาะ
เจ้าของหมาก็เลยกลุ้มสุดๆ ตอนนี้อยากใช้วิธีธรรมชาติบำบัดเหมือนกัน ปลอดภัยหายห่วงกว่าเยอะ ต่อให้ใช้เวลานานกว่า ก็คุ้ม
แต่ก็ทำไงได้ ถ้าไม่เชื่อหมอ ก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้วิธีอะไรเหมือนกัน
พยายามจะหา second opinion อยู่ แต่หมอโรคผิวหนังสมัยนี้ ขายดียิ่งกว่าทอง เจ้าหน้าที่รพ.บอกว่า หมอไม่รับคนไข้ใหม่ แค่คนไข้เก่า หมอก็รักษาไม่ไหวแล้ว ถ้าจะมาก็ไม่รู้ต้องรอคิวนานนนนนแค่ไหน
อยากจะไปตรวจเพื่อทดสอบว่าแพ้อะไร จะได้แก้ได้ถูกจุด รพ.ที่มีแล็บตรวจแบบนี้มีน้อยมากๆ ที่ทราบตอนนี้ก็มีแค่เกษตร มหิดล สวนหลวง ทองหล่อ และศรีวรา เท่านั้น รพ.รัฐ ก็ต้องร้องเพลง รอ ร้อ รอ ไปเรื่อยๆ ส่วนรพ.เอกชนก็หมอคนเดียวกับรพ.รัฐ แต่ก็คงจะแพง แพ้ง แพง
| โดย: มาแมง [23 พ.ค. 50 16:10] ( IP A:203.113.39.55 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 ให้ข้อมูลเรื่องโรคภูมิแพ้ไว้นิดหนึ่งนะคะ เผื่อจะมีประโยชน์(หรือเปล่าไม่รู้)
ภูมิแพ้ หลักๆ มีอยู่ 3 ชนิด
1. Inhalant Allergy (Atopy) คือแพ้สิ่งที่หายใจสูดดมเข้าไปจากสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว เช่น ฝุ่น ไรฝุ่น ละอองจากเมล็ดพืช เกสรดอกไม้ ใยผ้า พรม ฯลฯ
2. Contact Allergy คือแพ้สิ่งที่สัมผัสภายนอก เช่นผงซักฝอก น้ำยาถูพื้น แชมพูอาบน้ำ ฯลฯ แบบนี้แก้ไม่ยาก อาการจะไม่เรื้อรังด้วย เพราะเวลาแพ้ปั๊บ ตุ่มก็ขึ้นปุ๊บ เราก็รู้ทันทีว่าเค้าแพ้อะไร ก็แค่หลีกเลี่ยงสิ่งที่เค้าแพ้ เปลี่ยนซะ ก็จบ
3. Food Allergy แพ้อาหาร หมาบางตัวก็แพ้โปรตีนจากเนื้อสัตว์บางชนิด เช่นเนื้อไก่ เนื้อวัว ฯลฯ แต่อีกแบบหนึ่งก็คือ หมาบางตัว ร่างกายเค้าจะมองเห็น Antigen ของโปรตีนเป็นสิ่งแปลกปลอม แล้วจะพยายามกำจัดเจ้าโมเลกุลของโปรตีนซะ ร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันออกมามากเกินไป ทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ ถ้าแพ้แบบนี้วิธีแก้ก็คือ เปลี่ยนอาหารซะ ส่วนใหญ่ใช้เป็นเนื้อปลา ทะเล จะดีที่สุด เพราะว่ามีOmega3ซึ่งเป็นสารที่มีประโยชน์มากๆต่อผิวพรรณและช่วยรักษาอาการอักเสบที่ผิวได้อีกด้วย แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะหายสนิท
สุนัขที่บ้านดันแพ้แบบ Atopy คือแพ้อะไรซักอย่างในสิ่งแวดล้อม อีแบบนี้แก้ไขยากสุดๆ เพราะ 1.ไม่รู้ว่ามันแพ้อะไร เพราะในสิ่งแวดล้อมทั่วไปมีอะไรๆอยู่เยอะมาก ควบคุมไม่ได้ซะด้วย ไม่ว่าจะฝุ่น ดิน ต้นไม้ ดอกไม้ ผ้า ฯลฯ ต้องใช้แล็บทดสอบภูมิแพ้โดยเฉพาะตรวจเท่านั้น 2. บางทีทดสอบแล้ว ก็ดันแพ้หลายอย่างผสมกันไป 3. วิธีแก้ไขลำบากเหลือเกิน เพราะเราคงไปควบคุมสภาพแวดล้อมได้ยาก บางทีอาจถึงกับต้องย้ายบ้านกันเลยทีเดียว.... เฮ้อ
ขอมารอฟังประสบการณ์จากท่านอื่นๆด้วยคนนะคะ ใครเคยใช้วิธีอย่างไรรักษาหมาภูมิแพ้แล้วหายก็ช่วยกรุณาแนะนำด้วย โดยเฉพาะวิธีธรรมชาติบำบัดนี่ดีสุดๆ
| โดย: มาแมง [23 พ.ค. 50 16:48] ( IP A:203.113.39.55 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 อยากฝากไปถึงเหล่าบรีดเดอร์สุนัขด้วยนะคะ ว่าถ้าหากสุนัขตัวใดที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้แล้ว ไม่ว่าเค้าจะสวยงามหรือมีลักษณะยอดเยี่ยมตามสายพันธ์อย่างไร ก็กรุณาอย่านำเค้ามาเป็นพ่อพันธ์แม่พันธ์เลยนะคะ เพราะว่าโรคพวกนี้จะถ่ายทอดไปยังรุ่นลูก รุ่นหลาน ไม่รู้จักจบจักสิ้น โรคผิวหนังนั้นดูผิวเผินแล้ว เหมือนกับว่า มันเด็กๆ ไร้พิษสง ไม่อันตราย ไม่สำคัญ แต่ที่จริงแล้ว มันยืดเยื้อยาวนาน ทำลายทั้งสุขภาพสุนัขและบั่นทอนจิตใจของเจ้าของมากๆเลยค่ะ นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษานะคะ อาจจะหมดเป็นแสนๆแล้วก็ไม่หายด้วย
อย่างกรณีตัวแรกที่เล่าให้ฟังน่ะค่ะ โรคภูมิแพ้ที่เป็นยืดเยื้อยาวนาน อาจก่อให้พัฒนาเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดที่ผิวหนัง(Cutaneous Lymphoma)ได้ค่ะ มะเร็งชนิดนี้ รักษาด้วยวิธีไหนๆ ก็มักไม่ได้ผลซะด้วยค่ะ หมาตัวนั้นก็ล้มเหลวด้วยการรักษาโดยการผ่าตัด แล้วสุดท้ายก็ตายเพราะทนพิษยาคีโมไม่ได้ค่ะ (หมอให้ยาคีโมอ่อนๆไม่ได้ผล พอเปลี่ยนยาแรงหมาเลยตาย)
หมาตาย เจ้าของร้องไห้น้ำตาท่วมโรงพยาบาล ทั้งหมอ ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งเจ้าของหมาอื่นๆ ช่วยกันใหญ่เลยค่ะ คุณหมอมาปลอบเป็นชม. เอาหนังสือธรรมะมาให้ แนะนำให้ไปปฎิธรรมด้วยกัน ส่วนคนที่อยู่บริเวณนั้น ก็มาช่วยแบกศพหมาไปขึ้นรถกลับบ้าน โดยที่เราก็ไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือ แต่เค้าคงสงสารอยากช่วยเป็นกำลังใจให้เรารู้สึกดีขึ้น ทั้งๆที่ตอนหมาตายก็ปล่อยฉี่ออกมา เปียกที่นอนที่ปูให้แฉะชุ่มทั้งผืน แต่คนนั้นก็ไม่ได้รังเกียจที่จะเปียกฉี่หมาเรา เป็นคนใจดีมากๆเลยค่ะ
| โดย: มาแมง [23 พ.ค. 50 17:02] ( IP A:203.113.39.55 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 อ่านเรื่องนี้แล้ว หนักใจแทนค่ะ ไอ้โรคภูมิแพ้เนี่ย ทำเอาเจ้าของหมาเครียดกว่าหมาหลายเท่านักนะคะ
ไม่รู้ทำไมหมาถึงได้แพ้ไก่กันเยอะนัก หรือว่าการเลี้ยงไก่ต้องให้ยาให้สารต่างๆ เยอะ มันเลยมีผลกระทบต่อสัตว์ที่มากินไก่อีกทีหนึ่งหรือเปล่า แต่หมาบางตัวที่แพ้อาหารเม็ดที่ทำจากไก่ ก็สามารถกินไก่สดดิบได้โดยไม่แสดงอาการแพ้แต่อย่างใด
เนื้อหมูดิบ ที่บ้านไม่ได้ให้ค่ะ มีบ้างที่ไปเจอกระดูกหมูติดเนื้อท่าทางดูดี ก็ซื้อมาให้หมาๆ แทะเล่นกัน แต่ไม่บ่อยค่ะ ให้ไก่เป็นหลัก บางตัวที่กินปลาได้ ก็ให้ปลาในบางมื้อ เนื้อวัวก็นานๆ ทีค่ะ ตามซุปเปอร์สโตร์บางแห่ง ก็เห็นมีเนื้อหมูอนามัยขายนะคะ (แต่ราคาก็พอๆ กับเนื้อวัวเลย บางทีแพงกว่า) แต่ไม่แน่ใจ 100 % ว่าปลอดภัยสำหรับจะให้หมากินดิบหรือไม่
โชคดีมากที่หมาที่บ้านไม่แพ้อะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นเจ้าของคงแย่ก่อนหมาไปแล้ว
อย่างไรก็ตามเอาใจช่วยคุณมาแมงนะคะ แม้ว่าจะรักษายากแต่ขอให้หาสาเหตุของการแพ้นั้นได้โดยเร็ว | โดย: เต้าเจี้ยว [24 พ.ค. 50 13:55] ( IP A:124.121.172.62 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าจะให้กินหมูดิบ ก็เลือกแหล่งผลิตที่ไว้ใจได้มากที่สุดก็แล้วกันค่ะ จะได้ลดความเสี่ยงลง
ทั้งหมู ไก่ เนื้อ ปลา หรือเนื้อสัตว์อื่นๆ ที่จะใช้กินดิบ ก็มีความเสี่ยงต่อเชื้อโรคทุกอย่างแหละค่ะ เจ้าของก็ต้องพยายามคิดหาวิธีลดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด โดย เลือกซื้อของจากแหล่งที่ไว้ใจได้ที่สุด ค่ะ ต้องเข้าใจ ว่าไม่มีอะไรในโลกที่จะรับรองคุณภาพได้ 100%
เรื่องราคา....เลี้ยงหมาบ้านตัวสองตัว ไม่น่ามีปัญหา เพราะส่วนที่ราคาแพง คือ เนื้อล้วน แต่สำหรับสูตรบารฟ เราต้องให้มีส่วนที่เป็นกระดูกมากเกือบหรือเท่ากับเนื้อ และยังมีมื้อที่เสริมผักผลไม้ จึงไม่ได้หมดเปลืองส่วนที่เป็นเนื้อมากเกินไป
ที่สำคัญ ถ้าหมากินบารฟ เจ้าของจะลดค่าใช้จ่ายในการหาหมอลงได้เยอะมากๆ เพราะหมาจะแข็งแรง สุขภาพดี ไม่ค่อยป่วย
การรักษาอาการแพ้ ที่ทำให้ผิวหนังเป็นแผลเปื่อยแฉะ จนขนหลุดออกมา เป็นบริเวณกว้าง ที่บ้าน จะรักษาขั้นต้นแบบพื้นบ้านก่อน ดังนี้
- ต้องเล็ม(อย่าโกน) ขนรอบๆออกให้พ้นบริเวณแผล เพื่อไม่ให้ขนโดนแผลทำให้แผลสกปรกและหมาจะรู้สึกคันได้ โดยเฉพาะรอบๆขอบแผล ต้องเล็มให้สั้นหน่อย
- เตรียมน้ำสกัดชีวภาพ ผสมน้ำสะอาดให้เจือจาง ประมาณ 1/50 ส่วนหรือเจือจางกว่านั้น ใช้ผ้าก๊อสหรือผ้าขนหนูนิ่มๆ ชุบ น้ำสกัดชีวภาพเจือจาง เช็ดทำความสะอาดบริเวณแผลและรอบๆแผล ให้เห็นเนื้อแดงๆ คือเช็ดเมือกเมือกหนองออกให้หมด
-ใช้ผ้าอีกผืน และน้ำสกัดชีวภาพเจือจางที่สะอาด เช็ดตัวบริเวณที่ไม่เป็นแผลให้สะอาดด้วยทุกครั้งที่ทำแผล
- ใช้สำลีสะอาด ชุบ น้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น เบทาดีน เช็ดบริเวณแผล และรอบๆแผลให้เป็นวงกว้าง และปล่อยให้แห้ง หรือ ใช้สำลีสะอาดเช็ดซับตรงแผลให้แห้งก่อนทายา
- ทาแผลด้วยยาทาชนิดครีม หรือน้ำมัน เพื่อให้แผลมีความชุ่มชื้น ถ้าใช้ยาผง หรือขี้ผึ้งแบบแห้งๆ จะทำให้หมาคันแผลและพยายามเกาหรือแทะ รบกวนแผล ทำให้หายช้า เวลาทายา ให้ทาเบาๆบางๆบนแผลให้ทั่ว (อย่าทาถู..ทาถูเหมือนยาหม่อง ครีมจะมาติดนิ้วเราหมด)
- ยาพื้นบ้านที่ใช้ เป็นพวกขี้ผึ้งสีเหลือง ที่มีส่วนผสมของไพล ขมิ้น กำมะถัน มีขายตามร้านขายยาสมุนไพร ถ้าหาซื้อไม่ได้ ก็ซื้อผงยาทั้งสามอย่างดังกล่าว เอามาร่อนให้ละเอียดเข้ากัน แล้วเติมน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันพืชอื่นก็ได้ ลงไปทีละน้อยกวนไปเรื่อยๆจนมีลักษณะเป็นครีมพอให้ทาแผลติด ใส่ขวดเก็บไว้ใช้ได้นาน ถ้าแห้งเกินไปก็เติมน้ำมันลงไปกวนใช้ต่อไปได้
ไม่ควรกินอาหารเม็ด เพราะมีโอกาสที่จะแพ้สารที่อยู่ในอาหารเม็ดได้อีก ถ้าเป็นไปได้ ควรกินอาหารดิบเท่านั้น เติมน้ำส้มแอปเปิ้ล และน้ำมันพืชลงในอาหารด้วยทุกมื้อ และเสริมน้ำมันปลาวันละ 1-2 เม็ด
ถ้ามีอาการอักเสบ บวม แดง ร้อนๆบริเวณรอบๆแผล จะให้ยา เป็นประเภท เพนนิซิลิน และ เพรดนิโซโลน ประมาณ 5 วัน (ไม่เกิน 7 วัน)ในแต่ละครั้ง ไม่ควรให้ยาต่อเนื่องนานกว่านี้ และควรปรึกษาหมอเรื่องปริมาณยาเทียบกับน้ำหนักหมาด้วย
ดูอาการสัก 3-4 วัน ถ้าไม่มีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ต้องพาไปหาหมอที่เชื่อถือได้ | โดย: ป้าวิ [25 พ.ค. 50 11:07] ( IP A:125.26.20.138 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณค่ะ มาแมง ป้าวิ เต้าเจี้ยว ตอนนี้ก็คงจะให้เนื้อหมูไปก่อน ส่วนเนื้อไก่ จนปัญญาจริงๆ ค่ะ ให้แค่โครงไก่ เชื่อเถอะ พรุ่งนี้เห็นผล ตุ่มทันที เรามันคลุกอยู่กับน้องหมาทุกวัน เห็นอะไรผิดปรกติก็จิตตก เคยมีบลูเทอร์เรีย เป็นทั้งโรคภูมิแพ้ โรคกล้ามเนื้อหัวใจโต ขี้เรื้อน รักษาเท่าไรก็ไม่พอ จนสุดท้ายจนปัญญาเพราะโรคหัวใจโต น้ำท่วมปอดเกือบเก้าสิบเก้าจุดเก้าเก้าเปอร์เซ็นต์ จนปัญญา จึงขอให้หมอให้น้องหลับ วันที่น้องหลับ เป็นวันที่ทรมานที่สุด ขับรถไปร้องไห้ไป ไม่กล้าเข้าห้องที่หมอเอาน้องหลับ แฟนไปนั่งเฝ้า หมอรักษามานานไม่พูดอะไรสักคำ จัดการเรียบร้อย พออุ้มออกมา เท่านั้นแหละ จบกัน ใครไม่เคยรักหมาไม่รู้ความรุ้สึกนั้นหรอก ทรมาน หายใจไม่ออก ปล่อยโฮเลย อุ้มกลับบ้าน น้ำตาท่วมเป็นหลังเต่า ป่านนี้ยังไม่กล้าแม้จะเปิดวีดีโอ หรือรูปภ่ายของน้องหมาดู เอามานอนหลับไว้ที่บ้าน แล้วเอาดอกมะลิปลูกเอาไว้ข้างหลุมน้อง ผ่านไปน้ำตาก็ตก ยิ่งเห็นร่องรอยของน้องหมาที่ชอบงับประตู หรือเฟอร์นิเจอร์ น้ำตาซึมเลย คิดถึงมากๆ เพราะเพิ่งผ่านมาถึงไม่สองอาทิตย์ ไปทำบุญหลายวัดแล้วก็ยังไม่หายคิดถึง เหลือน้องพิลบลูตัวเดียว แข็งแรงดี แต่ร่างกายก็มีกระดำกระด่างบ้าง เนื่องจากโรคแพ้ทั้งหลาย พาไปให้หมอรักษาบอกหมอว่า ห้ามเลย อย่าฉีดสเตอร์รอยเป็นอันขาด ถึงจะแพ้จนตุ่มไปทั้งตัวก็เถอะ จะเอาน้ำชีวภาพอาบเองที่บ้าน หมอก็ทำหน้างงๆ ไม่ค่อยเชื่อในคำพูดเราเท่าไหร แต่จะดื้อกับหมอดูสักที ไม่เอาแล้วยาๆ ทั้งหลาย แพงก็แสนแพง สุดท้ายก็ยื้อชีวิตน้องหมาเอาไว้ไม่ไหว กลัวว่า ไอ้โรคขี้แพ้ จะเอา น้องหมาพิลบลูไปอีกตัว ช่วงนี้ยิ่งเป็นโรคจิตตก กังวลแทน ไม่กล้าให้ใครดูแลน้องหมาแทน กลัวเขาจะดูแลไม่เหมือนเรา แฟนบอกว่า เรากำลังจะเป็นโรคจิต เราก็ยอมรับแหละ กำลังจิตตกอย่างแรง เพราะเราคิดเสมอว่า น้องหมา ก็เหมือนคน เขารับรู้ได้ ยิ่งได้สบตาละก็ จบกัน เหนื่อยแค่ไหนกลับมา บ้าน ได้เห็นตาใสๆ แล้วก็จบเลย หายเหนื่อยแล้ว ใครมีอะไรแนะนำดีๆ กับหมาขี้แพ้ และก็เมนูใหม่ๆ แนะนำด้วยนะคะ หรือจะอีเมลล์ส่วนตัวก็ได้ ที่ aum_dang@yahoo.com ขอบคุณมากคะ | โดย: เบลล่าโต๊ะ [25 พ.ค. 50 16:27] ( IP A:203.113.18.249 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 ขอโทษ ให้อีเมลล์ หายไปตัว ที่ aum_dang@hotmail.com
ขอบคุณค่ะ | โดย: เบลล่าโตะ [26 พ.ค. 50] ( IP A:203.113.18.249 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 ผมเลี้ยงพิตบูลเหมือนกันคับ จะ 4 เดือนแล้ว ขี้แพ้เหมือนกันคับให้กินบาฟตั้งแต่ยังไม่สองเดือน ร่างกายแข็งแรงไม่เคยเจ็บป่วยเป็นไข้ไม่สบาย เนื้อตัวแน่นแข็งเป๊ก แต่เสียอย่างเดียวเป็นปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง ตามตัวมีแต่แผล มีแต่ตุ่ม ขนร่วงจะหมดตัวอยู่แล้วคับ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยว่าเค้าแพ้อะไรกันแน่ เฮ้อ กลุ้มคับ | โดย: โคนม [29 พ.ค. 50 16:29] ( IP A:124.121.192.78 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 ต้องใจดีและฝึกบ่อยๆไง | โดย: ? [31 พ.ค. 50 17:22] ( IP A:125.25.80.246 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณคุณเต้าเจี้ยวและป้าวิมากเลยนะคะ ที่ช่วยเป็นกำลังใจให้และให้คำแนะนำ
อ่านเรื่องของคุณเบลล่าโตะและคุณโคนมแล้ว... อาการหมาที่บ้านกลายเป็นจิ๊บจ๊อยไปเลย
แต่อย่างไรคุณเบลล่าโตะก็อย่าคิดมากนะคะ เห็นใจและเข้าใจมากๆเลยค่ะกับความรู้สึกที่ต้องเสียน้องหมาสุดที่รักไป แต่ก็ต้องใจเย็นและเข้มแข็งหนักแน่นเพื่อเจ้าตัวที่เหลืออยู่ด้วยนะคะ
เรื่องอาหาร ถ้าจะให้ดีที่สุดก็อยากจะแนะนำปลาซาบะนะคะ หรือว่าจะเป็นปลาไข่ ปลาทูก็ได้ ขอให้เป็นปลาทะเลน้ำลึก เพราะจะมีโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงและรักษาเรื่องผิวหนังได้ดี
สำหรับตัวเองมักจะให้กินปลาซาบะ ซื้อจากบิ๊กซีก็กก.ละ 55 บาทเอง ไม่แพงเลยค่ะ เมื่อเทียบกับเนื้อหมู เนื้อวัว แถมมีประโยชน์มากกว่าด้วย(สำหรับหมาโรคผิวหนัง) ถ้าเป็นที่คาร์ฟูร์ก็โลละ 40 กว่าบาท ส่วนแมคโครหรือที่ตลาดทั่วไปยังไม่เคยไปดู อาจจะถูกกว่านี้อีกก็ได้ ถ้าหาซื้อยาก ก็ซื้อทีละเยอะๆแล้วแช่แข็งเอาไว้ดีไหมคะ หรือจะซื้อตู้แช่แข็งซักอัน
ส่วนที่ผิวหนังของน้องพิทบูลเป็นรอยกระดำกระด่าง ก็เพราะว่ามาจากยีสต์น่ะค่ะ (ยีสต์มันจะตามภูมิแพ้มา มันจะมีลักษณะเป็นปื้นดำๆ) การใช้น้ำสกัดชีวภาพอาบให้นั้น ได้ผลในการรักษาตามหลักวิทยาศาสตร์จริงๆนะคะ ไว้เอาไปอธิบายให้คุณหมอฟังก็ได้ค่ะ
เมื่อเร็วๆนี้ได้ไป search หาข้อมูลของการรักษายีสต์ เค้าว่า วิธีหนึ่งก็คือ การใช้กรด acetic acid เช่น น้ำส้มสายชูผสมน้ำ อัตราส่วน 1:1 ก็เลยได้เข้าใจว่า ทำไมน้ำสกัดชีวภาพถึงใช้ได้ (เพราะเคยอ่านวิธีทำ ที่ป้าวิอธิบายไว้ ก็เลยทราบว่า วิธีทำน้ำสกัดกับน้ำส้มสายชูสกัดนั้น มันคล้ายกันมากๆ น้ำสกัดก็เลยมีคุณสมบัติเป็นกรด acetic acid เช่นกัน)
แล้วก็เวลาที่น้องหมาคันและมีตุ่มขึ้น ยังไม่จำเป็นต้องใช้เสตอรอยด์แต่ใช้พวก anti histamine (ยาแก้แพ้) เช่น คลอเฟนนิรามีน แทนก็พอช่วยได้อยู่ค่ะ
เดี๋ยวจะไปโพสต์เบอร์โทรทิ้งไว้ในอีเมลล์ให้นะคะ ถ้าเครียดมากๆก็โทรมาคุยกันได้ค่ะ | โดย: มาแมง [1 มิ.ย. 50 10:17] ( IP A:203.113.38.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 12 ซาบะ (ใต้หวัน) แช่แข็งที่แมคโครถูกมากๆ ค่ะ ยกลัง (10 กก) ไม่เกินกิโลละ 40 บาท บางช่วงมีโปรโมชั่น ปลาไข่ก็เหลือกิโลละ 70 กว่าบาทค่ะ
หมาที่บ้านกินปลาไม่ได้ทุกตัว เนื่องจากกินไม่เป็น ยกเว้นพวกที่ให้กินตั้งแต่เล็กๆ จะชอบกันมากเลยค่ะ โดยเฉพาะปลาไข่ | โดย: เต้าเจี้ยว [1 มิ.ย. 50 12:54] ( IP A:124.121.172.205 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 โอ้โห ปลาไข่กก.ละ 70 กว่าบาทเองเหรอคะ ถูกดีค่ะ ปกติซื้อกก.ละ 120-130 อย่างนี้เดี๋ยวต้องไปซื้อที่แมคโครบ้างซะแล้ว แต่ว่ามันต้องมีบัตรสมาชิกถึงจะซื้อได้ใช่ไหมคะ คุณเต้าเจี้ยว เมื่อก่อนเจอแบบนี้ เลยไม่ได้ไปแมคโครอีกเลยค่ะ ทำไงดีถึงจะซื้อได้ละเนี่ย | โดย: มาแมง [2 มิ.ย. 50 17:51] ( IP A:203.113.38.9 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 ที่บ้านก็เป็นคับ ตอนแรกหมอว่าเป็นขี้เรื้อน ทำไงก็ไม่หาย แผลเน่าน้ำเหลืองไหลคอบวมเกือบเท่ากำปั้น หาหมอรักษา4-5วันไม่ดีขึ้นทำท่าจะเป็นหนักกว่าเดิม แผลใหญ่กว่าเดิมน้ำเหลือไหลเยอะมาก แล้วคิดถึงป้าวิเลยขอคำปรึกษาทำตามป้าวิบอก 2วันแผลแห้งอีก2วันตกสะเก็ด หายเร็วมากๆ ขอขอบคุณป้าวิด้วยคับ ตอนนี้ร็อทผมหายแล้วคับ นอนกรงได้แล้วด้วย ขอบคุณมากๆคับ | โดย: เปิ้ลซ่า [6 มิ.ย. 50 9:18] ( IP A:58.9.94.7 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 เดี๋ยวนี้ไม่ต้องมีบัตรก็ซื้อได้ค่ะ คุณมาแมง | โดย: เต้าเจี้ยว [6 มิ.ย. 50 16:49] ( IP A:124.121.174.212 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 เนี่ยคับลูกผม ขนล่วงจะหมดตัวอยู่แล้ว
| โดย: โคนม [7 มิ.ย. 50 23:46] ( IP A:124.121.182.192 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 17 บริการดีๆมาแล้ววววววววว  | โดย: noppasitgooh@gmail.com [21 ต.ค. 60 18:51] ( IP A:124.121.181.64 X: ) |  |
|