ช่วงนี้อาการ หลังลอย เป็นกันหลายคน วันนี้เราจะมาคุยกันว่าอะไรพอจะเป็นสาเหตุได้บ้าง
   ช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างเศร้าและสะเทือนใจพอสมควร เนื่องจากมีเคสปลาป่วยที่ได้โทรคุยติดๆกันสองเคส ซึ่งทั้งสองเคสนั้นสุดท้ายก็ช่วยไว้ไม่ได้ วันนี้เลยอยากจะขออนุญาติคุณเจ้าของปลาทั้งสองตัว ทำกระทู้สักหน่อยครับ โดยเราจะมาพูดกันถึงเรื่อง อาการหลังลอย หงายท้อง ที่อาจจะเกิดขึ้นได้แบบปัจจุบันทันด่วน หรือเกิดจากอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง การรักษาเบื้องต้นควรทำอย่างไร และการนำส่งโรงพยาบาลสัตว์ควรทำอย่างไร

โดย: TM69 [12 พ.ค. 54 8:24] ( IP A:14.207.101.155 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   สำหรับอาการหลังลอยนั้น เกิดได้จากหลายสาเหตุ ซึ่งเราก็จำเป็นที่จะต้องรู้ซะก่อนว่าอาการดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไรเช่น ก่อนเกิดอาการได้ทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำ ใส่ยา หรือให้อาหารอะไรไปบ้าง โดยปกติทั่วไปนั้นปลาที่ป่วยมักจะแสดงอาการออกมาเมื่ออาการหนักแล้ว เนื่องจากตามธรรมชาติ การแสดงออกถึงความอ่อนแอ เป็นโรค จะกลายเป็นเป้าจู่โจมของสัตว์ที่แข็งแรงกว่า สัตว์ส่วนใหญ่จึงต้องซ่อนอาการป่วยไว้ระยะนึง เพื่อรักษาตัวเอง ซึ่งถ้าอาการหนักขึ้น สัตว์หรือปลานั้นๆจะเริ่มแสดงอาการให้เราได้เห็นกัน ที่นี้มาพูดกันถึงปลาที่เราเลี้ยง เราจะรู้ได้ยังไงละ ว่าปลาที่เราเลี้ยงนั้น มีอาการป่วยหรือเปล่า สำหรับผู้เลี้ยงมือใหม่หลายๆท่าน อาจจะสงสัยว่าให้สังเกตยังไง ดูไม่ออก กว่าจะรู้ว่าปลาตัวเองป่วย ปลาก็เริ่มแสดงอาการออกมาแล้ว

โดย: TM69 [12 พ.ค. 54 8:57] ( IP A:14.207.101.155 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ตรงนี้เราสามารถสังเกตได้เอง เพียงหมั่นทำความคุ้นเคยกับปลาในตู้ ใช้เวลาในการให้อาหารนานๆ ทำความรู้จัก ตีสนิทปลาทุกตัว เราจะเข้าใจมันมากขึ้น ถึงมันจะพูดกับเราไม่ได้ แต่ท่าทาง อาการต่างๆ สามารถสื่อให้เรารู้ได้ครับ ว่าปลาตัวนั้นๆเป็นอย่างไร ซึ่งตรงนี้ สามารถหาอ่านได้จากเมนูด้านซ้ายมือเกี่ยวกับวิธีสังเกตปลาป่วย หรือเว็บเพื่อนบ้านต่างๆ เพราะกระทู้นี้ตั้งใจจะพูดเรื่องหลังลอย หงายท้อง เดี๋ยวจะ นอก เรื่องไปยาวครับ
สำหรับอาการหลังลอย หงายท้อง รวมถึงอาการเสียศูนย์ ทรงตัวไม่ได้นั้น เมื่ออาการรุนแรง อาจจะทำให้ เราเสียปลาที่เรารักไปได้เลยนะครับ ในส่วนนี้ อะไรบ้างที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดังกล่าว ถ้าผมเสนอไม่ครบ หรือมีอะไรที่ผมไม่รู้ ก็สามารถช่วยกัน เสนอ แนะได้นะครับ

โดย: TM69 [12 พ.ค. 54 9:51] ( IP A:14.207.101.155 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   1. เกิดจากการวางยาสลบซึ่งเป็นกรณีหลักๆเลย ที่ทำให้ปลามีอาการหลังลอย เนื่องจากปลาอาจจะฮุบเอาอากาศเข้าไปมากในระหว่างวางยา สำหรับหลายๆท่านที่กำลังจะเริ่มหัดย้าย หัดศัลยกรรมนั้น อยากให้ทำด้วยความใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป สังเกตอาการอยู่เรื่อยๆ ดีกว่าการ ใส่ยาลงไปครั้งเดียวแล้วปลาหงายท้อง เพราะปลาแต่ละตัวนั้น ความทนยาสลบนั้นต่างกัน บางตัวโดนเพียงเล็กน้อยก็หงายท้องแล้ว ในขณะ ที่บางตัวใช้ยาเยอะ ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหงายท้อง จึงควรทำอย่างระวังครับ เพราะเราไม่ใช่มืออาชีพ อาจจะพลาดท่าเอาได้ การวางยาไม่ยากครับ แต่ที่สำคัญคือต้องทำตามขั่นตอน ค่อยเป็นค่อยไป มือใหม่หัดทำก็สามารถทำเองได้

2. เกิดจากสารเคมี ,แพ้ยา ,น็อคน้ำ , น็อคpH ในส่วนนี้ ก็เกิดขึ้นได้บ่อยๆ สำหรับหลายๆท่านที่เปลี่ยนถ่ายน้ำมากกว่า 40 % ต่อครั้ง ควรระวังครับ เพราะมันมีหลายปัจจัยที่ทำให้ปลาน็อคได้ ทั้งอุณหภูมิที่เปลี่ยน ค่าน้ำที่อาจจะไม่เท่ากัน การเปลี่ยนถ่ายน้ำในแต่ละครั้ง จึงไม่ควรเปลี่ยนถ่ายมาก เน้นเปลี่ยนน้อยแต่ถี่ๆ ดีกว่า ซึ่งก็มีหลายท่านที่เคยโทรมาปรึกษา พูดคุยแลกเปลี่ยนว่า ปกติผมถ่ายที่ 50% ปลาผมไม่เป็นอะไรเลย แข็งแรงดีกินดี แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า ในอนาคตมันจะไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนะครับ เพราะมีอีกหลายคนที่พอเกิดเรื่องแล้วโทรมาถามว่า ควรทำไง ปกติไม่เป็นแบบนี้ ซึ่งก็ได้แต่แนะนำวิธีดูแลไป จึงอยากแนะนำให้ป้องกัน ดีกว่าแก้ไขครับ เพราะแก้ไขบางครั้งก็ไม่ทันการณ์ ( ขออธิบาย เรื่องการเปลี่ยนถ่ายน้ำสักหน่อยครับ โดยปกติแล้ว การเลี้ยงปลา ปัจจัยที่สำคัญๆในส่วนของน้ำคือ น้ำสะอาด ปราศจากสารเคมีทุกชนิด อุณหภูมิ ,ค่าน้ำต่างๆซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เพื่อนๆสมาชิก สามารถควบคุมได้ การเปลี่ยนถ่ายน้ำที่ละมากๆ ก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าเราไม่สามารถควบคุมได้ ก็ขอให้คิดซะว่า เสียเวลาวันละนิด เปลี่ยนถ่ายน้ำครั้งละน้อยหน่อย แต่บ่อยๆ มันช่วยให้ปลาที่เราเลี้ยงแข็งแรง มีความสุขได้ )

3. เกิดจากแรงกระแทก , พุ่งชน , กระโดด ทำให้เกิดการติดเชื้อภายใน ซึ่งเราจะสังเกตได้ยากหน่อย ในส่วนนี้เป็นอุบัติเหตุที่เราไม่คาดคิด ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้ บางส่วนอาจจะเกิดจากการวางยาไม่ดี หรือผลข้างเคียงจากการใช้ยา ทำให้ปลามีอาการตื่น ตกใจง่าย พุ่งชน กระโดดอยู่ตลอดเวลา

โดย: TM69 [12 พ.ค. 54 9:56] ( IP A:14.207.101.155 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ในส่วนของการดูแล รักษาเบื้องต้นนั้น หลักๆคือ การเปิดปั้มลมให้แรงขึ้น เพื่อที่ปลาจะสามารถรับอ๊อกซิเจนได้ง่าย การใส่ เกลือให้ดูตามความเหมาะสม เช่น ถ้าปลาเริ่มแสดงอาการออกมา แต่หลังยังลอยไม่มากนั้น การใส่เกลือ 0.1% เปิดปั้มลมแรงๆ ก็สามารถทำให้ ปลากลับมาเป็นปกติได้ สิ่งสำคัญคือ อย่าเข้าไปจับตัวปลาบ่อยๆ หรือยุ่งแถวๆตู้ เมื่อปลาลดความเครียดลงไป อาการจะดีขึ้นเองได้ครับ

สำหรับในส่วนที่ปลาเริ่มแสดงอาการมากขึ้น หรือเราเพิ่งจะสังเกตเห็นอาการผิดปกติ เมื่อปลาเป็นมากแล้วนั้น ควรเปิดปั้มลมแรงๆ ใส่เกลือ 0.3 – 0.5 % เพื่อช่วยลดอาการเครียด ลดน้ำลงมาแค่พอท่วมหลัง เพื่อให้ปลาพยุงตัวเองได้ ในเคสที่ไม่มี อาการแทรกซ้อนอื่นๆ อาการจะค่อยๆดีขึ้นเป็นลำดับ ยกเว้น ในกรณีที่ ปลาไม่ยอมขับลมออกมา มีอาการท้องบวมมากขึ้น ถ้าในส่วนนี้ จำเป็นที่จะต้องนำส่งสัตว์แพทย์ เพื่อตรวจเช็คอย่างละเอียดครับ อย่าปล่อยจนปลาทรงตัวไม่ได้ หงายท้องแล้วถึงส่งนะครับ เพราะโอกาสที่จะหายนั้นน้อยกว่าโอกาสที่จะสูญเสีย

และในเคสที่ปลาหงายท้องแล้วนั้น ควรหาขวดน้ำมาพยุงตัวปลาให้ทรงตัวได้ อัดอ๊อกแรงๆ ใส่เกลือ 0.5% และควรนำส่งสัตวแพทย์ให้เร็วที่สุดครับ สำหรับปลาที่มีอาการน็อคน้ำ นั้น ให้ทำการเปิดปั้มลมแรงๆ ใส่เกลือ 0.5% เช่นกันครับ และสิ่งสำคัญที่สุดคือ อย่ารีบใส่ยาอะไรลงไป จนกว่าจะรู้อาการแน่ชัด อย่าเปลี่ยนถ่ายน้ำมากๆ ในขณะที่ปลามีอาการ เพราะจะกลายเป็นซ้ำเติมปลา

โดย: TM69 [12 พ.ค. 54 10:14] ( IP A:14.207.101.155 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   สำหรับวิธีการขนส่งนั้น เราสามารถแพคปลาได้เหมือนขนย้ายปกติ แต่ไม่ต้องวางยานะครับ ให้ใช้วิธี คลุมด้วยถุงดำ เมื่ออยู่ในที่มืดๆ ปลาจะสงบครับ น้ำควรใช้ภายในตู้เพื่อที่สัตว์แพทย์จะได้ตรวจหาเชื้อในน้ำ ประกอบการวินิจฉัยโรค

โดย: TM69 [12 พ.ค. 54 10:17] ( IP A:14.207.101.155 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   มาช้าหน่อย พอดีติดงานด่วนครับ สำหรับข้อมูลที่ยังลงไม่ครบ มีหลายๆท่้าน ที่โทรสอบถามถึงวิธีการเจาะ เพราะอยู่ต่างจังหวัด ติดปัญหาในการขนส่งนั้น ในช่วงที่ผ่านๆมา ผมขอตอบแบบนี้นะครับ

วิธีการเจาะนั้น ถ้าจะให้ปลอดภัย เจาะไปแล้วไม่มีปัญหา คือ ต้องนำส่งโรงพยาบาลสัตว์น้ำอย่างเดียวเลยครับ เนื่องจากลมที่ค้างอยู่ในตัวปลาแต่ละตัวนั้น อาจจะอยู่ในตำแหน่งที่ต่างกันออกไป ซึ่งเราไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ อีกทั้งความลึกในการแทง การดูดอากาศออก สิ่งเหล่านี้คงต้องให้สัตว์แพทย์ผู้ชำนาญเป็นคนทำครับ เพราะถ้าพลาด เราอาจจะแทงเข้าไปโดนอวัยวะสำคัญๆในตัวปลาได้ แทนที่จะดีขึ้น อาการอาจจะแย่ลงไปอีกนะครับ สัตว์แพทย์เองก็ต้องอาศัยฟิลม์ x-ray เป็นไกด์ ว่าลมอยู่บริเวณไหน ก่อนเจาะเหมือนกันครับ ไม่ใช่ว่า วางยาแล้ว เจาะเลยครับ ความรู้ในส่วนนี้ไม่มีการกั๊กไว้แน่นอนครับ แต่ชี้แจ้งไว้ให้ชัดเจนเกี่ยวกับวิธีการเจาะ ว่ามีอันตรายครับ
โดย: TM69 [12 พ.ค. 54 12:55] ( IP A:14.207.152.166 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
    เคสตัวอย่าง หลังลอยน้ำ

ที่มา https://www.pantown.com/board.php?id=56629&area=4&name=board48&topic=125&action=view
จาก https://www.arowana-club.pantown.com/

ขออนุญาตและขอบคุณคุณหมอหนึ่งด้วยครับ

โดย: [18 พ.ค. 54 14:46] ( IP A:58.8.92.214 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
    เคสตัวอย่าง หลังลอยน้ำ

ที่มา https://www.pantown.com/board.php?id=56629&area=4&name=board48&topic=218&action=view
จาก https://www.arowana-club.pantown.com/

ขออนุญาตและขอบคุณเจ้าของเรื่องด้วยครับ

โดย: [18 พ.ค. 54 14:46] ( IP A:58.8.92.214 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
    เคสตัวอย่าง เสือตอหงายท้อง

ที่มา https://www.pantown.com/board.php?id=173&area=4&name=board4&topic=147&action=view
จาก https://www.arowana.pantown.com/

ขออนุญาตและขอบคุณคุณบิวและพี่ปิติด้วยครับ

โดย: [18 พ.ค. 54 14:47] ( IP A:58.8.92.214 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
    เคสตัวอย่าง ปลาหัวทิ่มและมีอาการหลังลอยร่วม หลังจากการขนส่งปลา

ที่มา https://www.arohouse.com/wbs/?action=view&id=000003615
จาก https://www.arohouse.com

ขออนุญาตและขอขอบคุณคุณกมลและพี่อ๋องพี่ฉัตร(อโรเฮ้าส์)ด้วยครับ

โดย: [18 พ.ค. 54 17:38] ( IP A:61.90.29.134 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน