onninn.pantown.com
บทความดีๆ <<
กลับไปหน้าแรก
» เราควร "จริงจังกับการเล่น" และก็ควร "เล่นเล่นในเรื่องจริง" เสียบ้าง
» เราควร "จริงจังกับการเล่น" และก็ควร "เล่นเล่นในเรื่องจริง" เสียบ้าง
มีกวีบทหนึ่ง ชื่อว่า ของเล่น (Plaything - รจนาโดย ท่านรพินทรนาถ ฐากูร) เป็นบทกวีที่ว่าด้วยความสุขของเด็กน้อยในยามที่เกลือกกลิ้งอยู่ท่ามกลางดงฝุ่น ก้อนหิน และกิ่งไม้หัก
ในขณะที่ผู้ใหญ่สาละวนอยู่กับตัวเลขในบัญชี การสะสมแท่งเงินแท่งทองและของเล่นราคาแพง
บทกวียังกล่าวต่อไปอีกด้วยว่า ผู้ใหญ่มักดิ้นรนค้นหาแต่วัตถุที่ไม่มีวันจะได้ครอบครองอย่างแท้จริง แต่เขาก็ยังทุ่มเทเวลาและแรงพลังทั้งหมดให้กับมัน และหลงลืมไปว่า มันเป็นเพียงการละเล่นอย่างหนึ่งของชีวิตเท่านั้นเอง
ก้อนหินและกิ่งไม้ในมือของเด็กน้อย อาจจะกลายเป็นคฤหาสน์และป้อมปราการ เขาจะสร้างมันอย่างประณีตบรรจง แต่เมื่อมันพังทลายลงไป เขาก็เพียงแค่ลุกขึ้นไปเล่นอย่างอื่นแทน
::::::::::::::::::
ฟ่อนเงินและรถยนต์คันหรูในมือของผู้ใหญ่ เมื่อได้มาพร้อมกับการสลักชื่อว่าตนเป็นผู้ครอบครอง เขาจะเฝ้าทะนุถนอมมันเป็นอย่างดี และเมื่อสูญเสียไป เขาจะฟุบหน้าร้องไห้ ทุ่มโทษโชคชะตาหรืออะไรก็ตามแต่
และเปลี่ยนชื่อตัวเองว่าเป็นผู้ล้มละลาย หมดสิ้นแรงพลังที่จะสร้างสรรค์ใด ๆ ต่อไปได้อีก
เด็ก ๆ อาจมองอย่างงุนงงว่า ทำไมผู้ใหญ่จึงไม่ยอมเปลี่ยนของเล่น เพราะเมื่ออันหนึ่งพัง เขาก็สามารถไปเล่นอย่างอื่นได้
การเล่นของเด็กสอนปรัชญาชีวิตให้กับผู้ใหญ่อย่างหลักแหลมและแจ่มชัดเสมอมา แต่อาจเป็นเพราะเราหลงลืมหรือยุ่งจนไม่มีเวลาพอที่จะมองเห็น
::::::::::::::::::
เวลาเด็ก ๆ เล่นด้วยกัน ทะเลาะกัน ลงท้ายด้วยใครสักคนหัวโนหรือฟกช้ำ ตกเย็นก็ยกนิ้วโป้งให้กันก่อนกลับบ้าน
คนเป็นพ่อแม่ก็เดือดเนื้อร้อนใจ และเพื่อปกป้องลูกของตัวเองจึงลงเอยด้วยการตำหนิเพื่อนของลูกว่าเป็นเด็กไม่ดีบ้างล่ะ ขี้โกงบ้างล่ะ หรือเล่นแรงบ้างล่ะ ลุกลามจนกลายเป็นผู้ใหญ่โกรธกัน
ในขณะที่พอถึงเช้าวันใหม่พวกลูก ๆ ก็เดินมาเกี่ยวก้อยคืนดี แล้วก็คิดหาเกมสนุก ๆ เล่นกันต่อไป แต่ผู้ใหญ่กลับบาดหมางกันไปเสียแล้ว มิหนำซ้ำยังห้ามเด็ก ๆ พบกัน ห้ามเล่นด้วยกันอีกต่างหาก
นั่นเป็นเพราะว่าผู้ใหญ่เราไม่ยอมทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตเป็นเรื่องเล่น ๆ เราคร่ำเคร่งเพ่งโทษและตัดสินคนอื่นหรือแม้กระทั่งตัวเองอยู่เสมอ
การยอมรับความผิดพลาดจึงทำได้ยากกว่าเด็ก ๆ หลายเท่านัก ซึ่งตัวการสำคัญก็คือ "ตัวกู ของกู" นั่นเอง ทำนองว่าลูกของฉันเจ็บ ฉันก็เจ็บ ลูกของเธอผิด เธอก็ต้องผิดด้วย
และไม่เพียงแต่ลูกเท่านั้นหรอกที่เราเผลอเติมความเป็นเจ้าของต่อท้ายลงไป ยังมีแฟนของฉัน สามี/ภรรยาของฉัน บ้านของฉัน รถของฉัน สมาร์ทโฟนของฉัน ลูกน้องของฉัน หมาแมวของฉัน ฯลฯ มิหนำซ้ำยังสำคัญมั่นหมายว่า นี่คือของของฉันจริง ๆ
::::::::::::::::::
นอกจากเราจะไม่ยอมเป็นผู้เล่นในเกมชีวิตแล้ว เรายังไม่ให้ความสำคัญกับการเล่นของเด็ก ๆ อีกด้วย เราปล่อยให้เครื่องจักรกลที่ไร้หัวจิตหัวใจมาขโมยจินตนาการและโอกาสที่เด็ก ๆ จะได้สัมผัสกับการเล่นตามธรรมชาติไปจนแทบหมดสิ้น
ซึ่งแม้ว่าพ่อแม่จะหาเงินมาซื้อของเล่นราคาแพงที่สามารถสร้างเสริมพัฒนาการของลูกได้ ก็เกิดประโยชน์ไม่มากนัก เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำลายสมบัติล้ำค่าที่ติดตัวของเด็ก ๆ มาตั้งแต่เกิดลงทีละน้อย ๆ จนแทบไม่เหลือหลอ
การส่งเด็ก ๆ ไปอยู่ในโรงเรียนที่เน้นด้านวิชาการเร็วเกินไป จะเป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้และการพัฒนาศักยภาพของเด็กตามธรรมชาติ
การเร่งให้เด็กท่องจำคำศัพท์ต่าง ๆ ก่อนการลงมือเล่นตามจินตนาการ มีความอันตรายพอ ๆ กับการจับลูกสิงโตแรกเกิดมาเลี้ยงไว้ในกรง แล้วป้อนด้วยเศษขนมปังทั้ง 3 มื้อ พอโตเต็มวัยก็เปิดประตูกรงให้ออกไปหาอาหารในป่าเอง และคาดหวังว่ามันจะกลายเป็นเจ้าป่าที่สง่างามและสมบูรณ์แบบ
::::::::::::::::::
หากเริ่มเห็นว่าทำไมเราจึงควรจริงจังกับการเล่นขึ้นมาบ้างแล้ว เราอาจเริ่มต้นเป็น ผู้เล่นมือสมัครเล่น
เริ่มจากการพาเด็ก ๆ ออกไปเล่นข้างนอก ช่วงสุดสัปดาห์นี้ ท่ามกลางทุ่งหญ้าหรือหาดทราย สายลม และแสงแดด แล้วมองดู(แต่อย่าให้เขารู้ตัว)ว่า ผู้เล่นมือโปร นั้นเขาเล่นกันอย่างไร
ขอเดาว่า ทุกครั้งที่คลื่นซัดปราสาททราย หรือสายลมหอบกระท่อมใบหญ้าของพวกเขาพังลง พวกเขาจะหัวเราะแล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
นี่คือนาฏกรรมการแสดงธรรมที่งดงามและบริสุทธิ์ที่สุดอีกฉากหนึ่งเลยทีเดียว
โดย: เจ้าบ้าน
[22 ก.ค. 56 23:41] ( IP A:171.97.36.51 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม
ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :
แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้
(ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน