onninn.pantown.com
บทความดีๆ <<
กลับไปหน้าแรก
คัมภีร์ในการสร้างลูกรักให้เป็นนักอ่าน
เล่าถึง คัมภีร์ในการสร้างลูกรักให้เป็นนักอ่าน ที่พ่อแม่ต้องมี ต้อง11 - 7 อย่า ซึ่งก็ร่ายมาจนจบ ต้อง
11 และต่อ 2 อย่า คือ
1. อย่ายัดเยียด
2.อย่าหวังสูง
วันนี้มาเริ่ม อย่าที่ 3 กันดีกว่าเนาะ
3.อย่ากังวลใจ
พ่อแม่อย่ากังวลใจไปเลย ถ้าลูกจะหยิบ จับ ตี ทึ้ง ดึง ทุบ แทะ หรือขีดเขียนหนังสือ
ต้องรู้จัก ปล่อยวาง..
ปล่อยให้ลูกได้ขีดเขียนตามความต้องการไปก่อน..แล้วค่อยสอนทีหลัง
ต้องเข้าใจนะว่า ลูกหยิบ จับ ตี ทึ้ง ดึง ทุบ แทะ และลูกขีด ลูกเขียน นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ยังไม่ได้สอนให้ลูกใช้หนังสือ ยังไม่ได้สอนให้ลูกเปิดหนังสือ ลูกจึงไม่รู้วิธีการเล่นกับหนังสือ..ยังใช้หนังสือไม่เป็น
เรื่องอย่างนี้เป็นทักษะ..ไม่ใช่เรื่องที่ลูกจะเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง ดังนั้นพ่อแม่ต้องค่อย ๆ สอน อย่าตำหนิ อย่าทำโทษ อย่าด่า อย่าว่า อย่าบ่น
เรื่องการสอน ก็ต้องผ่อน ต้องมองข้ามไปก่อน เก็บไว้สอนภายหลัง
ไม่ควรใช้เวลาที่ลูกกำลังสนใจ และใจจดจ่ออยู่กับหนังสือ เพราะช่วงเวลาเช่นนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาตั้งหน้าตั้งตาสอนถึงพฤติกรรมที่เหมาะ ไม่เหมาะ ควร ไม่ควร หรือจ้ำจำจ้ำไชในเรื่องวินัยและการใช้หนังสือให้แก่ลูก ถ้าดึงดันที่จะทำ ก็รู้เถิดว่า นั่นคือจุดเริ่มต้นของความ หน่ายหนังสือ เพราะจับหนังสือที่ไร เป็นต้องโดนสั่ง โดนสอน โดนดุ โดนบ่น
เวลาที่ลูกหยิบจับหนังสือ ต้องทำให้ลูกมีความสุข และมีความรู้สึกที่ดีต่อหนังสือ..นะจ๊ะ
4.อย่าจ้องแต่จะสอน
พ่อแม่บางคนจ้องที่จะใช้เรื่องสนุก ๆ ภาพสวย ๆ และพฤติกรรมของตัวละครในหนังสือ มาเป็นช่องทางในการอบรมบ่มสอนทั้งด้านชีวิต สังคม อารมณ์ สติปัญญา และพฤติกรรมที่พึงประสงค์
ต้องเข้าใจกันหน่อยนะว่า..
ลูกยังเล็กเกินกว่าที่พ่อแม่จะมานั่งอบรมบ่มสอนด้วยวาจา (ต้องชี้ชวนแล้วจับมือลูกให้ลงมือทำไปกับพ่อแม่)..หรือแม้แต่ใช้หนังสือเป็นเครื่องมือก็ไม่ควร และถ้าทำมากไปจะทำให้ลูกเบื่อหนังสือ เพราะช่วงเวลาที่ควรสนุกสนานจากการอ่านกลายเป็นช่วงเวลาที่พ่อแม่จะพูดถึงเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย และเรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ยากและไม่เข้าใจ
เอาเป็นว่า..
เนื้อหา ภาพประกอบและเนื้อหาในหนังสือสอนลูกอยู่แล้ว เพราะทุกอย่างในหนังสือ คือ รูปธรรม อ่านจบเด็กจะรู้เองว่าทำอย่างนี้..ดี ทำอย่างนั้นไม่ดี
อย่างเช่น..
หมูตุ้ย เดินตึงตัง
ส่งเสียงดัง เอะอะ โวยวาย
เกเร ใครใคร ไปทั่ว
เพื่อนเพื่อน ทุกตัว ก็เบื่อ ก็หน่าย
(จากหนังสือ เรื่อง เจ้าหมูหูหาย)
แค่นี้ลูกก็รู้แล้วว่าการเป็นคนทะลึ่งตึงตัง เอะอะ โวยวายไม่ดี..ไม่มีใครชอบ
ต้องไม่ใช้พฤติกรรมของหมูตุ้ย มาเทียบเคียงพฤติกรรมของลูกเด็ดขาด
เช่น เห็นไหม หมูตุ้ยละเมื้อนเหมือนหนูเลยนะ ทะลึ่งตึงตัง เอะอะ โวยวาย ซักวันนึงเถอะ จะไม่มีใครรัก ใคร ๆ เขาจะเบื่อ เขาจะหน่าย เหมือนไอ้หมูตุ้ย
และที่สำคัญห้ามใช้ตัวละครตลบหลังมาบ่นก่นว่าลูกนะ
อย่างเช่น..
เห็นแมว เหมียว เหมียว หง่าว
หมูตุ้ย ก็เข้า ไปดึง หูซ้าย
ฉับพลัน หูซ้าย หมูตุ้ย
กุ๊กกุ๋ย กุ๊กกุ๋ย หายวับ ทันใด
(จากหนังสือ เรื่อง เจ้าหมูหูหาย)
ห้ามตลบหลังกลับมาที่ลูกเด็ดขาด
ไม่ใช่พออ่านถึงตอนนี้ก็เอาแล้ว..
เห็นไมเกเรเพื่อนอย่างแกน่ะ ไม่นานหูก็ต้องหายเหมือนเจ้าหมูตุ้ยเข้าสักวัน..รอไปเหอะ..หายแน่
อย่าทำอย่างนี้เด็ดขาด..
เพราะนอกจากจะทำให้ลูกเกลียดหมูตุ้ย ไม่อยากเข้าใกล้หมูตุ้ยแล้ว จะทำให้ลูกไม่อยากหยิบหนังสือเรื่องอื่น ๆ ตามไปด้วย เพราะเกรงว่าจะมีตัวอื่น ๆ นอกจากหมูตุ้ย มาเป็นช่องทางให้แม่ดุด่าซะอีกหลายดอก
5.อย่าตั้งคำถามมากเกินไป
การตั้งคำถามเป็นปฐมบทของการสอนให้ลูกรู้จักการแก้ปัญหา
การตั้งประเด็นให้พ่อแม่ลูกได้พูดคุย ได้คิด จะทำให้ลูกกล้าที่จะแสดงออกอย่างมั่นใจ
แต่ถ้ามากเกินไปลูกก็เบื่อ พาลเกลียดหนังสือเข้าให้ เพราะลูกจะคิดว่าเมื่อแม่จับหนังสือ พ่อถือนิทาน กว่าจะได้ฟังเรื่องสนุก ๆ ดูภาพสวย ๆ ต้องมาคอยตอบคำถามมากมาย จนแทบไม่ได้ฟังเรื่องสนุกสนาน
ยิ่งขณะที่ลูกใจจดใจจ่อกับเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในตอนต่อไป หรือภาพในหน้าถัดไป กลับต้องมาคอยคิดคำตอบ จนลืมเรื่องและภาพที่ผ่านมาจนต่อไม่ติด
การอ่านหนังสือจึงไม่น่าติดตาม ..น่าเบื่อ
วันนี้ 3 อย่า ก่อนเนาะ
ไว้พรุ่งนี้ ค่อยมาต่อ อย่าต่อ ๆ ไปนะ..
ลูกคิดได้ เพราะแม่สอนให้หมั่นคิด
ลูกทำได้ เพราะแม่สอนให้หมั่นทำ
รักแม่เป็นที่สุด
โดย: เจ้าบ้าน
[7 เม.ย. 56 22:17] ( IP A:110.168.189.103 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม
ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :
แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้
(ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน