อยู่อย่างไม่เจ็บปวด...เมื่อลูกเป็นเกย์....
   "คุณ จะทำอย่างไร เมื่อพบว่าลูกชายวัยนี้ไม่พึงใจในเพศของตัวเอง..." คำถามนี้อาจทำให้พ่อแม่รู้สึกยุ่งยากใจที่จะคิดหาคำตอบ บางคนอาจเลือกที่จะปฏิเสธในสิ่งที่ลูกเป็น บางคนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปรับเปลี่ยนลูกให้กลับมาเป็นผู้ชายให้ได้

เราไม่สามารถเปลี่ยนลูกได้ก็จริง แต่ก็ยังรักกันได้มิใช่หรือ???

แต่ ที่แน่ๆ ก็คือ ไม่มีพ่อแม่คนไหนยอมรับได้อย่างหน้าชื่นตาบานหรอกว่าลูกฉันเป็น ตุ๊ด เกย์ กระเทย และอีกสารพัดคำจำกัดความ โดยไม่ผ่านความรู้สึกงุนงงและเจ็บปวดมาก่อน (แม้ปัจจุบันกลุ่มคนเพศที่ 3 ที่ 4 จะมีบทบาทในสังคมมากขึ้นก็ตาม)ส่วน ในมุมมองของลูกที่กายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงล่ะ เขาก็คงรู้สึกทุกข์ทรมานไม่แพ้กัน ที่ต้องคอยโกหก ปกปิด ซ่อนเร้นตัวตนที่เขาเป็น เพราะรู้แก่ใจว่า เมื่อเปิดเผยออกมาแล้ว พ่อแม่ย่อมรับไม่ได้...ต่างฝ่ายต่างก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน แล้วแบบนี้จะมีวิถีทางใดบ้าง ที่จะช่วยลดทอนความเจ็บปวดของทั้งสองฝ่ายได้ เมื่อความจริงเกิดเผยตัวตนออกมา...

คุณ หมออัมพร เบญจพลพิทักษ์ จาก สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ได้ยกกรณีตัว อย่างให้ฟังว่า มีคุณแม่ท่านหนึ่งมาปรึกษาเรื่องลูกชายอยากเป็นผู้หญิง ซึ่งปัญหานี้เกิดมาได้ 3 ปีแล้ว และคุณแม่ก็พยายามแก้ไขด้วยการจับลูกแต่งตัวเป็นผู้ชาย และโกนผมลูกซะเกรี๋ยน...แต่ไม่ได้ผล

"หมอ ก็ถามเด็กคนนั้นว่า รู้ไหมว่าทำไมคุณแม่ถึงพามาหาหมอ เด็กตอบว่า ก็คุณแม่ไปยืมการ์ตูนเซเลอร์มูนมาให้ดู พอหนูดู แล้วหนูก็เลยอยากเป็นเซเลอร์มูน หนูก็บอกให้คุณแม่ซื้อรองเท้าส้นสูงมาให้ใส่ หนูเห็นว่าเป็นผู้หญิงสนุกดี ส่วนคุณแม่บอกว่า ลูกขอร้องให้ซื้อและทนการรบเร้าไม่ไหว จากนั้นสองแม่ลูกก็ขว้างหนังสือใส่กัน และเล่นกัน

"ตรง นี้เอง ทำให้หมอนึกย้อนไปตอนแรกที่คุณแม่เข้ามาในห้อง แล้วทำเสียงดุใส่ลูกชายเพื่อให้สวัสดีหมอ และขณะที่ลูกกำลังซน คุณแม่บอกว่าอย่าทำ แต่กลับเล่นกับลูกด้วย แล้วก็ผวาเข้าไปกอด หอมแก้มลูกชายอีก 2-3 ครั้ง

ท่า ทีที่ถดถอยของเด็กคนนี้เรียกความเอ็นดูได้มากมาย แต่บ่อยครั้งที่ท่าทีเหล่านี้ผสมท่าทีของความเป็นผู้หญิงเข้าไปด้วย และคุณแม่ก็เลยเถิดมองข้ามไป คุณแม่บอกว่าอย่าทำอย่างนี้ แต่กลับผวาเข้าไปกอด สิ่งที่คุณแม่บอกด้วยวาจากลับไม่สัมพันธ์กับภาษากาย ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง เพราะฉะนั้น ต่อให้คุณแม่ตัดผมลูกสั้นแค่ไหน หรือแต่งตัวให้เขาดูเป็นผู้ชายยังไง ก็แก้อะไรไม่ได้ แต่หมอไม่ได้หมายความว่า แม่จะต้องเสียงเขียวเข้มดุว่าลูกที่แสดงพฤติกรรมออกมาเป็นหญิง เพราะสาเหตุที่มาของปัญหานี้เป็นเรื่องซับซ้อนพอสมควร มีทฤษฎีมากกว่า 40 ทฤษฎี ที่พยายามอธิบายปัญหาของการเบี่ยงเบนทางเพศในเด็ก

มี คนสงสัยว่า ทำไมเดี๋ยวนี้จึงมีเด็กเบี่ยงเบียนทางเพศมากขึ้น สาเหตุของการเบี่ยงเบนทางเพศ ประเด็นหนึ่งที่เคยพูดกันก็คือ เรื่องของชีวภาพ เราไม่แน่ใจว่าพันธุกรรมโครโมโซมแท่งไหนที่เป็นตัวกำหนดเรื่องของการเบี่ยง เบนทางเพศ...แต่อย่างไรก็ตาม หมอก็ยังเชื่อในเรื่องของการเลี้ยงดู พ่อแม่บางคนอาจโทษสื่อ แต่อยากจะเรียนว่า สื่อเป็นอะไรที่ไกลตัว และยังแก้ไขไม่ได้ แต่สิ่งที่เราสามารถแก้ไขได้ก็คือบรรยากาศในครอบครัว


มีคำแนะนำสำหรับพ่อแม่ในการปฏิบัติตัวเมื่อทราบว่าลูกเป็นเกย์หรือทอม-ดี้ โดยจิตแพทย์ดังนี้

1. ยอมรับในตัวตนของลูก นักจิตวิทยาบอกว่าลูกรู้สึกกลัวอย่างมากเมื่อเปิดเผยให้พ่อแม่ทราบว่าตัวเอง เป็นเกย์เพราะกลัวว่าพ่อแม่ผิดหวังหรือไม่รัก ดังนั้น พ่อแม่ต้องทำให้ลูกรู้ว่าไม่ว่าลูกจะเป็นเกย์ทอมหรือดี้ ก็ไม่ได้ทำให้ความรักที่พ่อแม่มีให้เปลี่ยนแปลงหรือลดน้อยลง

2. อย่าโกรธ หรือผิดหวังในตัวลูก แต่ให้ขอคิดว่าที่ลูกเปิดเผยตัวนั้น เพราะลูกรักเรา และต้องการบอกความจริงให้เราทราบ พ่อแม่ทุกคนพร่ำสอนลูกว่ามีปัญหาอะไรให้บอก ซึ่งปัญหาทุกอย่างมีทางแก้เสมอ เมื่อลูกตัดสินใจบอก ก็ควรดีใจที่ลูกเชื่อฟังในสิ่งที่เราสอน และเชื่อใจว่าเราจะช่วยหาทางออกให้

3. เคารพในการตัดสินใจของลูก แม้เราจะไม่เห็นด้วยที่ลูกเป็นเกย์ทอมดี้ แต่การตัดสินใจที่แตกต่างในดำเนินชีวิต ไม่ควรมาเป็นสิ่งที่ขวางกั้นความรักความผูกพันของพ่อแม่กับลูก

4. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกย์ทอมดี้ เพราะจะช่วยให้เข้าใจว่าเกย์ทอมดี้ก็คือคนปกติทั่วไป เราอาจจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่เป็นเกย์หรือทอมหรือดี้โดยที่เราไม่ทราบ เพราะคนเหล่านี้ก็ดำเนินชีวิตปกติเหมือนกับเรา

5. อย่าผิดหวังว่าเมื่อลูกเป็นเกย์หรือเลสเบี้ยนแล้วจะไม่มีหลานให้ชื่นชม ให้คิดว่าเราไม่ได้มีลูกมาเพื่อให้ลูกแต่งงานมีหลานสืบตระกูล ดังนั้น จึงอย่ากดดันลูกว่าจะไม่ได้แต่งงานมีลูก การบังคับให้ลูกแต่งงานกับเพศตรงข้ามเพื่อหน้าตาหรือมีทายาท จะเป็นการทำลายชีวิตของลูก

6. อย่าโทษตัวเองว่าทำให้ลูกเป็นเกย์หรือทอมดี้ การที่ลูกเป็นเกย์หรือทอมดี้ไม่ได้หมายความว่าเราเลี้ยงลูกผิด และไม่ได้หมายความว่าเราเลี้ยงลูกได้ด้อยกว่าพ่อแม่ที่ลูกชอบเพศตรงข้าม

7. เข้ารับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญหรือจิตแพทย์ หากลูกต้องการเข้ารับคำปรึกษา ถ้าลูกไม่ต้องการก็อย่าบังคับ

สมัยนี้ถ้าลูกไม่ติดหรือค้ายาเสพติด ต้องถือเป็นบุญของพ่อแม่แล้วครับ เพศอะไรก็ไม่เกี่ยง
โดย: เจ้าบ้าน [1 ต.ค. 56] ( IP A:58.9.94.7 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   รับมืออย่างไรเมื่อลูกชายเป็นเกย์เป็นตุ๊ด

เมื่อรู้ว่าลูกชายมีความเบี่ยงเบนทางเพศ เป็นเกย์ พ่อแม่อย่างเราควรรับมือและเลี้ยงดูลูกอย่างไรให้เขาเป็นคนดีใน และทำให้สิ่งที่เขาเลือกแล้วอย่างถูกต้อง

ลูกชายวัย 13 ทำเอาคุณแม่ใจแป้วขึ้นทุกทีกับกิริยาท่าทางกระเดียดผู้หญิง จะพูดจาแต่ละครั้ง ทั้งน้ำเสียง ทั้งมือไม้ หน้าตาท่าทาง วุ้ย! ช่างออกแต๋วออกตุ๊ดซะจนแม่ละกลุ้ม ฝ่ายคุณพ่อก็ใช่จะน้อยหน้า หวั่นอยู่เหมือนกันว่าลูกชายจะผิดเพศ ไอ้ครั้นจะถามให้รู้ดำรู้แดง ก็กลัวๆ คำตอบ...ได้แต่คิดปลอบใจ (ตัวเอง) "ลูกเราไม่ใช่ตุ๊ด เขาเป็นเด็กสุภาพเรียบร้อยต่างหาก" ว่าแต่...ถ้าใช่ละ

พ่อแม่ที่มีลูกชายลักษณะนี้ อย่าเพิ่งกังวลใจไปว่าเขาจะเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วอย่างที่เข้าใจ บางทีกิริยาอาการที่ลูกแสดงออก อาจเป็นเพียงการตามอย่างเพื่อนที่เขาสนิทสนมผูกพันกันตามวัยก็ได้ พอโตขึ้น วุฒิภาวะมากตาม ก็จะปรับตัวปรับพฤติกรรมได้เอง

แต่ถ้าพ่อแม่บางคนยังหวั่นใจ เพราะเห็นว่าท่าทางลูกจะไม่ได้เป็นแค่ตุ๊ดชั่วคราว อยากจะยืนยันกับตัวเองว่าใช่หรือไม่ใช่แน่ เผื่อจะได้ทำใจหรือหาทางแก้ไขต่อไป ก็ขอให้ลองนึกทบทวนให้ดีค่ะ ลูกคุณจะเบี่ยงเบนหรือไม่ สำคัญที่การอบรมเลี้ยงดูเขาตั้งแต่ยังเล็ก



พ่อแม่อบรมเลี้ยงดูลูกแบบไหน แม่บางคนอยากได้ลูกผู้หญิงมาก ก็เลยเลี้ยงแบบเด็กผู้หญิง บางคนอยากให้ลูกชาย สุภาพเรียบร้อย ก็ตั้งหน้าตั้งตาพร่ำสอนลูกให้อยู่แต่ในกรอบ หรือลูกชายเติบโตท่ามกลางญาติพี่น้องที่ล้วนแต่เป็นผู้หญิง ยิ่งสนิทสนมกันมากก็จะถ่ายทอดแบบอย่างครอบครัวมีแบบอย่างทางเพศที่ถูกต้อง มั้ย เด็กผู้ชายควรมีพ่อเป็นแบบอย่างทางเพศ แต่ถ้าพ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน เป็นคนดุ ฉุนเฉียว ไร้เหตุผล ติดเหล้า ชอบลงโทษลูกรุนแรงและน่ากลัว เช่น จับขังในห้องมืด ดุด่าทุบตีลูกแทบปางตายด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย พ่อบางคนมักแสดงให้ลูกเห็นเสมอว่า กลัวแม่ยิ่งกว่าหนูกลัวแมว อย่างนี้ก็จะทำให้ลูกชายไม่ศรัทธาในบทบาททางเพศตัวเอง

ลักษณะของลูกกระเดียดไปทางผู้หญิงอยู่แล้ว เช่น เรียบร้อย นุ่มนิ่ม อ่อนแอ ไม่ชอบเล่นอะไรที่รุนแรง ชอบเล่นคลุกคลีกับเด็กผู้หญิงมากกว่า ยิ่งถูกล้อเลียนและกีดกันจากเพื่อนๆ ผู้ชายด้วยแล้ว เด็กก็จะยิ่งไม่ชอบเพศตัวเอง สำหรับพ่อแม่บางคนที่คิดว่า ลูกเป็นแต๋วเป็นตุ๊ดเพราะฮอร์โมนเพศของเขาน้อย ขอบอกค่ะว่าเข้าใจผิด น.พ.พนม ยืนยันว่า คนที่เป็นรักร่วมเพศยังคงมีฮอร์โมนเพศที่ปกติ


ยอมรับ กระชับสัมพันธ์
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะให้แม่หรือพ่อยอมรับการเบี่ยงเบนทางเพศ ของลูก ยิ่งในวัย 12 ขึ้นไปเขาแสดงออกอย่างนี้แล้ว คงเปลี่ยนแปลงเขายาก แม้บางครอบครัวจะตะโกนเสียดังคับสังคมว่า "พวกเรายอมรับได้" ก็ตาม

น.พ.พนม เกตุมาน แนะว่า ทางที่ดีพ่อแม่ควรทำใจยอมรับสิ่งที่ลูกเป็น มองให้ลึกนึกให้ดี เขาอาจจะถูกหล่อหลอมมาแบบนี้นานแล้วนะ เพราะถึงยังไงเขาก็เป็นลูก ของเรา แต่ถ้ายังคิดว่าช่างทำใจลำบากเสียจริง ก็ขอให้รักษาความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเอาไว้ เพราะไม่เพียงเป็นโซ่ทองร้อยหัวใจพ่อแม่ลูก ยังเป็นยาขนานเอกอีกด้วยค่ะ พ่อแม่ไม่ควรตัดสิ่งดีๆ นี้ออกนะคะ ให้คิดเสียว่า ยังไงเสียเราก็ยังดูแลกันได้ สอนให้เขาเป็นคนดีได้เหมือนเดิม ควรเชื่อว่าแม้เขาจะเป็นอย่างนี้ (โปรดอย่าใช้คำว่าเลือก เพราะมันหมายถึง สิ่งที่ลูกเป็น...เป็นความผิด) เขาก็สามารถทำตัวเป็นประโยชน์ ในสังคมได้ไม่แพ้คนอื่นๆ ทัศนคติและความสัมพันธ์ที่ดีอย่างนี้ เป็นทั้งน้ำเลี้ยงและยาวิเศษที่จะช่วยให้ลูกมีความสุข ไว้ใจ เพราะเขารู้สึกได้ว่า อย่างน้อยก็ยังมีพ่อแม่และครอบครัวที่เข้าใจยอมรับ


ทีนี้ก็ถึงตาพ่อแม่แล้วล่ะค่ะ ว่าจะใช้สูตรไหนช่วยหรือบอกกับลูกให้เข้าใจว่า เขาจะอยู่ในสังคมอย่างมีความสุข อย่างไร เช่น ค่อยๆ พูดจาภาษาดอกไม้บอกให้เขารู้ เห็นและเข้าใจ เป็นต้นว่า การเป็นอย่างนี้ ลูกจะต้องถูกคนมอง ถูกล้อเลียนนะ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นลูกจะทำยังไง หรือ...ลูกควรจะปรับตัวปรับท่าทีดีมั้ย เช่น ลดกิริยาท่าทาง การพูด การเดิน ให้เหมือนผู้ชายมากกว่านี้ดีมั้ย จะได้ไม่มีใครล้อ ขอย้ำว่า พ่อแม่ไม่ควรสอนหรือบอกลูกด้วยวิธีการ ดุด่า ตีโพยตีพาย โกรธ ไม่เห็นด้วยหรือไม่เข้าใจ ละเลย หรือดึงดันที่จะพาลูกไปรักษา เพราะเชื่อขนมกินได้เลยค่ะว่า นอกจาก ลูกคุณไม่ต้องการอย่างนั้น แล้ว อาจจะเป็นการทำลายความสัมพันธ์อันดีของครอบครัวลงอย่างน่าเสียดาย

ควร เข้าใจด้วยว่า การที่ลูกเป็นอย่างนี้ ในทางจิตเวชไม่ถือว่าเป็นโรคหรือความ ผิดปกติ แต่เป็นความพึงพอใจทางเพศที่ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่มากกว่า คล้ายๆ เวลาเราเห็น คนที่ชอบถ่มน้ำลายลงบนถนน แล้วคิดว่าเขามีนิสัยไม่ดีบางอย่างนั่นแหละค่ะ


สำหรับพ่อ ถึงตรงนี้ก็ขอให้ลดความคาดหวังจากเดิมลง เช่นว่า เขาจะต้องเป็นผู้ชาย มีบุคลิกภาพดี แต่งงาน มีครอบรัว มีความสุข ซึ่งถ้าเป็นมุมของลูกบอกได้เลยว่า ความสุขของเขาอยู่ที่การได้เป็นในสิ่งที่เขาต้องการ อาจฟังดูยาก แต่ถ้าคิดว่าเขาคือลูกรัก คือดวงใจของพ่อแม่ เป็นทั้ง “ชีวิตและครอบครัว” ของเรา เรื่องนี้คงไม่ยากใช่มั้ยคะ


คำถามหยั่งเชิง

บางทีน้ำเสียงนุ่มหู คำถามง่ายๆ ที่สะท้อนความห่วงใยลูก อาจจะช่วยคลายปมสงสัยของพ่อแม่ที่มีต่อกิริยาท่าทีที่กระเดียดผู้หญิงของลูก ได้ หรือทำให้พ่อแม่ได้เห็นมุมมองของลูกชัดเจนขึ้น แต่ก่อนจะเริ่มคำถาม พ่อแม่ควรถามตัวเองก่อนว่า พร้อมรับคำตอบนั้นมั้ย


"ลูกมีเพื่อนผู้หญิงบ้างมั้ย แม่รู้จักหรือเปล่าจ๊ะ"

"ลูกชอบใครแบบแฟนบ้าง พามาให้แม่รู้จักสิจ๊ะ"

"เคยฝันถึงผู้หญิงที่ลูกรักบ้างมั้ย"

"ลูกรู้จักคนที่เป็นตุ๊ดหรือเกย์บ้างมั้ย"

"แล้วลูกรู้สึกยังไงกับพวกนี้"

"ลูกคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะเป็นยังไง"

"เคยสงสัยว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้บ้างมั้ย"

"คิดว่าพ่อแม่เขาจะคิดยังไง"





มุมมองของลูก

ไม่ใช่แต่พ่อแม่เท่านั้นนะคะ ที่ต้องการรู้ความจริงจากปากของลูกให้รู้แล้วรู้รอดไป รวมทั้งกังวลต่อกิริยาท่าทีของลูกที่มีใจเบี่ยงเบนทางเพศ ในส่วนของลูกเอง พ่อแม่เชื่อเถอะค่ะ ว่าร้อยทั้งร้อยต้องการที่จะเปิดเผยความจริงกับพ่อแม่ไม่ต่างกัน สองหนุ่มกายเป็นชายแต่ใจเป็นหญิงที่ L&F มีโอกาสพูดคุยด้วย บอกความในใจที่น่ารับฟังว่า เขาเองก็กังวลกับท่าทีของพ่อแม่หลังรู้ความจริง กลัวสารพัดกลัวว่าพ่อแม่จะไม่รักและไม่เข้าใจเขาเหมือนเดิม และเขารักพ่อแม่เกินกว่าที่จะทำให้ท่านเสียใจ เมื่อรู้ว่าพ่อแม่รับไม่ได้กับเรื่องนี้ เขาจึงเลือกที่จะไม่เปิดเผยความจริงกับพ่อแม่ ทั้งที่ใจจริงแล้ว เขาเองก็อยากจะบอกกับท่านเหลือเกินว่า...



•ลูกที่เบี่ยงเบนทางเพศทุกคน อยากให้พ่อแม่เปิดใจให้กว้าง เข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
•อยากให้พ่อแม่มองว่าสิ่งที่ลูกเป็นไม่ใช่เรื่องผิดปกติหรือแตกต่างอะไรอยากให้พ่อแม่รักและแสดงท่าทีกับลูกเหมือนเดิมหลังจากที่รู้ความจริงแล้ว พร้อมที่จะเดินไปพร้อมๆ กับลูก ช่วยเหลือและร่วมกันแก้ไขเพื่อลดปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น
•อยากให้พ่อแม่คิดว่า นั่นคือความสุขของลูก ลูกเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ สามารถสร้างชีวิตและอนาคตของตัวเองให้มั่นคงได้ไม่ต่างจากคนอื่นๆ


โดย: เจ้าบ้าน [1 ต.ค. 56] ( IP A:58.9.94.7 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน