onninn.pantown.com
บทความดีๆ <<
กลับไปหน้าแรก
การเติบโตของเด็กหนึ่งคน .. จากเด็กเล็ก.. จนเป็นวัยรุ่น...
การเติบโตของเด็กหนึ่งคน .. จากเด็กเล็ก.. จนเป็นวัยรุ่น...
... จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เด็กจดจำไม่มีวันลืมเลือน
เมื่อเติบโตเป็นหนุมสาวและเป็นผู้ใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับความจำเหล่านี้
สิ่งเหล่านี้จะบ่งบอกพฤติกรรมของคนๆนั้น...
_________________
เพิ่มศักยภาพเด็กด้วยการปลูกฝังจิตใต้สำนึก...
การเติบโตของเด็กหนึ่งคน .. จากเด็กเล็ก.. จนเป็นวัยรุ่น...
... จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เด็กจดจำไม่มีวันลืมเลือน
เมื่อเติบโตเป็นหนุมสาวและเป็นผู้ใหญ่ก็จะขึ้นอยู่กับความจำเหล่านี้
สิ่งเหล่านี้จะบ่งบอกพฤติกรรมของคนๆนั้น...
ความจำที่ไม่มีวันลืมเลือนนี้คือ "จิตใต้สำนึก" มิใช่ "จิตสำนึก"
" จิตใต้สำนึก "- ไม่มีวันเลือนลางหายไปตลอดชีวิต นอกจากต้องล้างออกด้วยการสะกดจิตจากผู้ที่ชำนาญการจริงๆเท่านั้น
" จิตใต้สำนึก" บงการความคิด พฤติกรรมและอารมณ์ของทุกคน
ศักยภาพของเด็กทุกคนจะขึ้นอยู่กับการปลูกฝังจิตใต้สำนึกของพ่อแม่/ผ้ปกครอง/ครู/ผู้หลักผู้ใหญ่รอบตัวเด็ก นี่คือความสำคัญของ"จิตใต้สำนึก "มิใช่จิตสำนึก
แต่..ผู้ใหญ่ต้องมี "จิตใต้สำนึก" ที่ดีเช่นกัน จึงจะสามารถปลูกฝัง "จิตใต้สำนึก" ที่ดีให้ลูกหลานของตนเองได้ ผู้ใหญ่จึงควรปรับและล้างจิตใต้สำนึกของตนเองให้ "ของเสีย" เหลือน้อยที่สุดและตั้งหน้าตั้งตา "แก้ไขตนเอง" เลิกแก้ไขผู้อื่น เลิกเห็นว่า "ตนเองเป็นคนดี" และ "ผู้อื่นเป็นคนเลว" เสียก่อนจึงจะสามารถ "ปลูกฝังจิตใต้สำนึก" ให้ลูกหลานของตนได้
__________________
" จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ". ควบคุมการดำรงชีวิตของทุกคน
"จิต". มีอำนาจและอิทธิพลเหนือมนุษย์ ไม่มีใครรู้ว่า จิตตั้งอยู่ ณ ที่ใดในร่างกายของเรา
"จิต" ควบคุมการทำงานของสมอง ของร่างกาย อารมณ์และความรู้สึกนึกคิดของทุกคน ถ้าเปรียบเทียบกับรถยนต์ ตัวรถคือร่างกาย เครื่องยนต์คือสมอง "ผู้ถือพวงมาลัยรถคือจิต" รถจะถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัยก็เพราะคนขับผู้ถือพวงมาลัยนั้่นเอง
" จิต". มนุษย์แบ่งเป็น 3 ประเภท
1. จิตเหนือสำนึก เป็นเรื่องอธิบายยาก ต้องประสบด้วยตนเอง ฝรั่งเรียกว่าซิกซ์เซ็นส์ (Six Sense) พูดง่ายๆคือการที่เรารู้ล่วงหน้าว่า จะมีอะไรเกิดขึ้นนั่นเอง
2.จิตสำนึก คือจิตที่รู้ผิดชอบชั่วดี รู้จักใช้เหตุและผล รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ อะไรที่ดีอะไรที่ไม่ดี จิตสำนึกนี้ครอบงำการทำงานของสมองเพียง 5 เปอร์เซ็นเท่านั้น ถ้าจะเปรียบก็เหมือนสิ่งที่อยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์เท่านั้น ถ้าไม่ปรากฏก็จะไม่รู้ไม่เห็น คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดคิดว่าการทำดีหรือไม่ดีเป็นเพราะจิตสำนึก ความจริงไม่ใช่
3. จิตใต้สำนึก จิตตัวนี้แหละสำคัญที่สุด มีอิทธิพลต่อการทำงานของจิตสำนึก จิตใต้สำนึกเป็นแหล่งเก็บข้อมูล ความทรงจำ ประสบการณ์ที่ได้เห็น ได้ยิน ได้พูด ได้ทำ ไม่ว่าใครจะทำหรือตัวเราทำ จะถูกบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกทันที เหมือนข้อมูลที่เก็บไว้ในไฟล์คอมพิวเตอร์ คลิกเมื่อใดได้เรื่องทันที เนื้อหาสาระจะปรากฏบนหน้าจอคอมทันที ข้อมูล ความทรงจำ ประสบการณ์ทุกด้านจะถูกบันทึกไว้ในจิตใต้สำนึกทุกนาที ทุกชั่วโมง ทุกวัน ทุกสัปดาห์ ทุกเดือน ทุกปี ทั้งปีทั้งชาติ จนกว่าจะตาย จะตายยังนึกถึงเสียงไก่ร้องก่อนหมดลม ถ้าคนนั้นมีอาชีพเชือดไก่ ทุกอย่างจะติดทนนานอยู่ในจิตใต้สำนึกตั้งแต่เริ่มรู้เดียงสา
_____________
สิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้าน เด็กจะบันทึกไว้ เมื่อไปโรงเรียนในระดับอนุบาลและประถม สิ่งที่ครูทำและเพื่อนทำจะถูกบันทึกไว้ เมื่อเป็นวัยรุ่น/หนุ่มสาว/ผู้ใหญ่ จะรู้จักเลือกจิตใต้สำนึกเองได้ ถ้าได้ถูกปลูกฝังจิตใต้สำนึกเป็นอย่างดีมาตั้งแต่แรกเริ่มรู้เดียงสา ทั้งจากที่บ้านและที่โรงเรียน เช่น ถ้าเห็นเพื่อนคนที่เราไม่ชอบเดินสวนทางมา จิตใต้สำนึกจะสั่งให้หน้าเราบึ้งทันที แต่ถ้าเรารู้จักเลือกจิตใต้สำนึก เมื่อเพื่อนคนนี้ทำให้โกรธ เราจะต้องรู้จักให้อภัยเพื่อน ไม่ถือสาเพื่อน เมื่อเพื่อนคนนี้เดินผ่าน หน้าตาเราจะยิ้มแย้มแจ่มใสและทักทายเพื่อน เราก็จะสร้างเพื่อนได้ง่าย เป็นต้น สิ่งที่ถูกปลูกฝังมาคือ "การให้อภัยผู้อื่น"
จิตใต้สำนึกมีถึง 95 เปอร์เซ็น จิตใต้สำนึกจะครอบงำจิตสำนึกและสั่งจิตสำนึก ถ้าจิตใต้สำนึกเป็นขยะก็จะส่งกลิ่นขึ้นมายังจิตสำนึก ถ้าจิตใต้สำนึกเป็นดอกไม้หอม กลิ่นหอมจะส่งกลิ่นมายังจิตสำนึก ทำให้ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำของผู้นั้นถูกต้องตามหลักธรรมะ
ฮิตเลอร์ปลูกฝังจิตใต้สำนึกคนเยอรมันให้เกลียดคนยิว ด้วยการโฆษณาชวนเชื่อว่า ชาวยิวไม่ดีทำลายคนเยอรมันและประเทศเยอรมัน จะทำให้สิ้นชาติ ผลที่เกิดดีเกิดคาด ฮิตเลอร์สามารถสังหารคนยิวด้วยวิธีการต่างๆที่แสนจะทรมานเป็นล้านคน แต่ในที่สุดฮิตเลอร์และบรรดาทหารใกล้ชิดต้องประสบชะตากรรมทุกคนโดยศาลระหว่างประเทศที่เมืองนูเลมเบิร์ก
_______________________
การปลูกฝังจิตใต้สำนึกให้ได้ผลมากที่สุด จำเป็นที่จะต้องรู้เรื่อง"การทำงานของคลื่นสมอง"ด้วย
1.คลื่นเบต้า ขณะที่ตื่นเต็มที่จะเกิดการรับรู้ สามารถใช้ความคิดและแสดงความรู้สึกทางอารมณ์ได้
2.คลื่นอัลฟ่า ขณะที่รู้สึกตัว จิตจะเพ่งอยู่ที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งแต่จะมีอาการเหม่อลอย
3.คลื่นเธทต้า ขณะที่กำลังจะนิ่ง ยังคงรู้ตัว พอได้ยินและมองเห็นภาพ แต่ตอบสนองไม่ได้ทันที จิตใต้สำนึกเริ่มเปิด เริ่มปลูกฝังจิตใต้สำนึกด้วยการเล่านิทานท่ี่สอนเด็กให้รู้จักความขยันและอดทน เช่น เรื่องเต่ากับกระต่าย
4. คลื่นเดลต้า ขณะอยู่ในอาการนิ่งหลับลึก จิตใต้สำนึกเปิดตัวเต็มที่ การปลูกฝังจิตใต้สำนึกจะได้ผลมาก ให้นิทานที่กำลังเล่ามาจบลงที่ " นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..........
การปลูกฝังจิตใต้สำนึก จะต้องเกิดจากการกระทำและพูดให้เด็กเห็นและได้ยินเป็นประจำ ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน โดยพ่อแม่/ผู้ปกครอง/ครู/ผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่รอบตัวเด็ก มิใช่ปลูกฝังโดยการพูดสั่งสอนเจื้อยแจ้วไปเรื่อย สิ่งที่พูดจะไม่ลงไปในจิตใต้สำนึกของเด็ก นอกจากเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ด้วยเหตุนี้ปู่ย่าตายายจึงนิยมเล่านิทานให้ลูกหลานฟัง ตอนนอนกลางวันและก่อนหลับในเวลากลางคืนเป็นประจำ บางครอบครัวเล่าตั้งแต่ยังนอนแบเบาะอยู่ในเปลด้วยการร้องเพลงเห่กล่อม
พ่อแม่/ผู้ปกครอง/ครู จะต้องปลูกฝังจิตใต้สำนึกให้เด็กด้วยการประพฤติปฏิบัติให้เด็กเห็นเป็นตัวอย่างได้ด้วยการที่ตนต้อง นั่นคือต้องสร้างจิตใต้สำนึกให้ตนเองใหม่ ของเก่าที่ไม่ดีเกี่ยวกับลูกหรือผู้อื่นต้องล้างออกให้หมดด้วยการเพียรทำบุญทุกวัน ตามหลักทาน ศีล ภาวนา เท่านั้น มิฉะนั้นทุกอย่างจะกลายเป็นเรื่องยาก เพราะตนเองก็ไม่สามารถปฏิบัติให้เด็กเห็นได้เช่นกัน
_________________
11 เคล็ดลับสร้างจิตใต้สำนึก มาช่วยกันปลูกฝังเด็กๆ กันเถอะ
1 พ่อแม่ แบบอย่างที่ดี
จิตใต้สำนึกของลูกจะเปิดกว้างขณะอยู่กับพ่อแม่ ถ้าพ่อแม่คิดดี ทำดี ลูกก็จะคิดดี ทำดีตาม การปลูกฝังจิตใต้สำนึกที่ได้ผลอย่ามุ่งแต่พูดจาสั่งสอน โดยไม่ได้ทำให้ลูกเห็นเป็นตัวอย่าง ลูกจะฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา สิ่งที่พ่อแม่พูดจะไม่เข้าลงไปถึงจิตใต้สำนึก แต่จะต้องเกิดขึ้นจากการกระทำและคำพูดของพ่อแม่ให้ลูกได้เห็นและได้ยินทุกวันด้วยถึงจะได้ผล
2 มอบความรัก
จุดอ่อนที่สำคัญของมนุษย์ คือ ความรู้สึก เป็นพลังที่ฝังลึกอยู่ในจิตใต้สำนึก ไม่ใช่สมอง ยากที่จะทำลายให้หายไป ได้ ดังนั้นรักลูกให้มาก ผลตอบแทนของความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก จะทำให้ลูกรักและเชื่อฟังพ่อแม่เมื่อโตขึ้น รู้จักมอบความรักต่อผู้อื่นเป็น อย่าเผลอใช้อารมณ์ตี ตะคอกลูกรุนแรง เพราะการทำเช่นนั้นเพียงครั้งเดียว ก็จะกลายเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีให้ลูกมีความทรงจำในเชิงลบไปตลอดชีวิต ยากที่ลูกจะลืม แม้ว่าก่อนหน้าหรือหลังจากนั้นจะทำดีกับลูกมากแค่ไหนก็ตาม
3 พูดแต่สิ่งดีๆ
ป้อนความคิดในเชิงบวกกับลูกทุกวัน เพื่อให้คำพูดเหล่านี้ลงเข้าไปถึงจิตใต้สำนึกของลูก ระวังคำพูดในเชิงลบ เช่น อย่าสอบตกนะ แต่ให้พูดในเชิงบวกว่า สอบให้ได้คะแนนดีๆ นะลูก หรืองดพูด อย่าเหลวไหลนะ แต่ให้พูด เป็นคนดีนะลูก หรืองดพูด อย่ากลับดึก แต่ให้พูด กลับเร็วๆ นะ เพราะลูกจะคิดในเชิงบวกถึงการกลับบ้านให้เร็วขึ้น เป็นต้น
4 ทำแต่สิ่งดีๆ
มีวิธีทำได้มากมาย เช่น ทำบุญใส่บาตร ทำทานให้อาหารปลา พาลูกไปเลี้ยงอาหารเด็ก รักษาศีล 5 ไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ไม่พูดปด สวดมนต์ไหว้พระทำจิตใจให้สุขสงบก่อนนอน ผลที่ได้ ลูกก็จะเป็นเด็กที่คิดดี พูดดี ทำดี มีสติปัญญา รู้จักควบคุมพฤติกรรมและอารมณ์ตนเอง ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน โตขึ้นก็จะมีความสุข คนรอบข้างก็รักใคร่ยกย่อง
5 มอบหมายงานให้รับผิดชอบ
เด็กทุกคนมีโอกาสเติบโตอย่างมีคุณภาพได้ ไม่ว่าจะมีพี้นฐานครอบครัวแบบใดก็ตาม ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่พ่อแม่ปั้นให้ลูกเป็น ดังนั้นเมื่ออยากจะให้ลูกเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบจากจิตใต้สำนึก มองหางานบ้านง่ายๆให้ลูกทำ โดยดูให้เหมาะสมกับความสามารถตามวัย เช่น ล้างถ้วยชาม กรอกน้ำใส่ขวดแช่ตู้เย็น รดน้ำต้นไม้ ถูบ้าน กวาดบ้าน ซักผ้า ตากผ้า ฯลฯ
6 สอนเรื่องระเบียบวินัย
เด็กทุกคนเกิดมามีจิตว่างที่บริสุทธิ์ การป้อนเฉพาะสิ่งที่ดีทั้งคำพูดและการกระทำของพ่อแม่ ก็จะทำให้ลูกเป็นเด็กดีมีวินัยได้ เช่น ตั้งกฎระเบียบเรื่องต่างๆ ในบ้าน เช่น ถึงเวลากินต้องกิน ดูทีวีได้แต่ต้องทำการบ้านเสร็จ กำหนดเวลาดูทีวีหรือเล่นเกม เข้านอนตามเวลาที่กำหนด เพื่อให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักยอมรับกฎเกณฑ์ และมีระเบียบวินัยที่ดีในสังคมต่อไป
7 สร้างนิสัยสนใจใฝ่รู้
โดยพาลูกไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมในเรื่องต่างๆ ที่น่าสนใจ เช่น พาไปร้านหนังสือ ห้องสมุด ซื้อหาหนังสือหรือซีดีสารคดี ชีวิตสัตว์ ป่าไม้ พาไปท่องเที่ยวธรรมชาติ เที่ยวแบบเกษตรอินทรีย์ ดูฟาร์ม ดูพืชพันธุ์ต่างๆ ในโครงการหลวง เรียนรู้วิถีชุมชน วัฒนธรรม เพื่อเปิดโลกกว้างให้ลูกรู้จักการปรับตัวให้เข้ากับผู้คนในระดับสังคมต่างๆ เป็นต้น
8 ฝึกมารยาทสังคม
สอนให้ลูกรู้จักพูด ขอบคุณ ขอโทษ สวัสดี ลาก่อน โชคดีนะ ไม่เป็นไร โดยเฉพาะการให้ลูกรู้จักให้อภัย โดยไม่ถือโทษโกรธแค้น ก็จะทำให้ลูกมีความสุข ส่วนการพูดขอบคุณก็มีผลดีต่อลูก ความรู้สึกที่ได้จากการขอบคุณจะมีอานุภาพมาก ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน จิตใจปรอดโปร่ง สมองแจ่มใส มีความสุข แถมใครๆ ก็อยากช่วยเหลือลูกอีกด้วยค่ะ
9 รู้จักรักษาสมบัติของชาติ
พูดคุยกับลูกให้ลูกรู้ว่าการรักษาสมบัติส่วนรวมเป็นสิ่งที่คนในสังคมยกย่อง เด็กคนไหนทำได้ก็จะเป็นเด็กดี ทำให้สังคมดี ประเทศชาติก็พัฒนา เช่น สอนให้ลูกรู้จักทำความสะอาดหน้าบ้าน ฟุตบาท ไม่ขีดเขียนกำแพงประตูโรงเรียน วัดวา สวนสาธารณะ ไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำ ถนน หรือในที่สาธารณะต่างๆ แต่ให้ทิ้งลงถัง หรือเข้าร่วมกิจกรรมสังคมอื่นๆ เป็นต้น
10 สอนลูกให้กตัญญูรู้คุณ
การสำนึกบุญคุณจะช่วยทำให้ลูกรู้จักมองเห็นคุณค่าในสิ่งนั้น เด็กที่สำนึกในบุญคุณของพ่อแม่ จะทำให้เป็นเด็กที่ไม่เที่ยวเตร่ ไม่ดื่มเหล้า ติดยา ไม่มั่วสุม ไม่มีเซ็กซ์ก่อนวัย ไม่เล่นการพนัน หรือแต่งตัวโป๊ เด็กที่สำนึกบุญคุณครูก็จะไม่หนีเรียน ไม่ลอกการบ้าน ไม่ขี้เกียจเรียน เด็กที่สำนึกบุญคุณของบ้านก็จะดูแลรักษาบ้านได้สะอาดดี เกิดความรักความผูกพัน เป็นต้น
11 เลือกรับสื่อที่ดีให้ลูก
ตรวจดูสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวันลูกด้วยว่ามีสื่ออะไรที่ทำให้ลูกได้รับรู้ ได้ยิน ได้เห็น ได้สัมผัสสิ่งไม่ดีบ้าง เช่น มีทีวี ละคร หนังที่มีการฆ่าแก้แค้น ทำร้ายรุนแรง ทำให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว ชอบความรุนแรง มีจิตใจโหดเหี้ยมหรือไม่ มีหนังสือ นิทาน เรื่องสั้น นิยายบางเรื่องที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ มีสื่อโฆษณาทางทีวี วิทยุ แผ่นพับ ป้ายโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้หลงผิดหรือไม่ เพราะถ้าตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ไม่ดีตลอด ลูกก็จะยอมรับเข้ามาในจิตใต้สำนึกโดยไม่รู้ตัว จิตใต้สำนึกของลูกก็จะบันทึกไว้ทำให้ลูกมีความคิด มีพฤติกรรมที่ไม่ดีแสดงออกมาได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงสิ่งแวดล้อมเหล่านั้น เพื่อสร้างจิตใต้สำนึกที่ดีให้ลูกเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต
---------------------
เพิ่มเติม: สิ่งที่ควรปลูกฝังในจิตใต้สำนึกของเด็กตั้งแต่รู้เดียงสา มีดังต่อไปนี้
- ความรักความเมตตาที่มีต่อเด็ก ผลที่ได้คือเด็กจะรักและเชื่อฟังเมื่อเติบโตขึ้น รู้จักให้ความรักและเมตตาต่อผู้อื่น
- การทำบุญทุกวันด้วยการทำทาน รักษาศีล 5 และการสวดมนต์ภาวนา ผลที่ได้คือเด็กจะเป็นนคิดดี พูดดี ทำดี มีสติและมีปัญญาที่จะควบคุมพฤติกรรมและอารมณ์ตนเอง ไม่ทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน โตขึ้นจะเป็นเด็กที่มีความสุขและมีแต่คนรักใคร่เอ็นดู สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นและให้เกียรติผู้อื่น
- ความกตัญญูที่มีต่อบิดามารดา เมื่อเด็กโตขึ้นจะรู้จักการแสดงความกตัญญูต่อพ่อแม่/ครูของตน
- หน้าที่และความรับผิดชอบ เช่น เมื่อถึงเวลาที่กำหนด เด็กจะต้องเลิกเล่นหรือดูทีวี ต้องทำการบ้าน การมอบหมายให้รับผิดชอบงานบ้านง่ายๆ เช่น มีหน้าที่ยกกับข้าว ล้างแก้ว ฯลฯ
- การอยู่ร่วมกับผู้อื่น ภายในบ้านและที่โรงเรียนจะต้องได้ยินวลีเช่นนี้บ่อย ๆ "ไม่เป็นไร.....ช่างมันเถอะ.....เราทำใหม่่ได้....เราโชคดี.....ขอโทษ.....ขอบคุณ.....ฯลฯ..."
- การใฝ่รู้ ต้องพาเด็กไปร้านหนังสือ ไปห้องสมุด ดูหนังสารคดี ฯลฯ เมื่อโตขึ้นเด็กจะเข้าใจการเรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่รู้เฉพาะเท่าที่เรียนหรือแค่ตำรับคำราเท่านั้น
- การรักของสาธารณะ เช่น การักษาหน้าบ้านให้สะอาดและสวยงาม การไม่ทิ้งขยะในที่สาธารณะ ไม่ทำสิ่งแวดล้อมเสีย ฯลฯ
- การมีระเบียบวินัยและรู้จักสมบัติผู้ดี
เมื่อเด็กถูกเลี้ยงดูด้วยการปลูกฝังจิตใต้สำนึกเช่นนี้ เด็กจะรักและเคารพพ่อแม่และครู จะทำให้เกิดการเชื่อฟังและความพยายามที่จะทำให้พ่อแม่และครูมีความสุขและสมหวัง
ศักยภาพของเด็กจะเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการเรียน พฤติกรรมและอารมณ์ เด็กจะมีความภาคภูมิใจในตนเอง ภายในบ้าน ในโรงเรียนและสังคมจะเป็นสุขเพราะเด็กได้รับการปลูกฝังจิตใต้สำนึกมาอย่างดี "จิตสำนึกจะดีไปด้วย" เมื่อเด็กเติบโตขึ้นจะเป็นผู้ใหญ่ที่ปฏิบัติตนตามหลักธรรมะได้เป็นอย่างดี บ้านและสังคมจะเป็นสุข
โดย: เจ้าบ้าน
[12 ต.ค. 56 1:30] ( IP A:58.9.88.51 X: )
ความคิดเห็นที่ 1
โดย: Lexz [30 ก.ค. 62 20:57] ( IP A:171.101.153.96 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม
ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :
แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้
(ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน