ตอนที่ 357 อย่าทำให้ลูกเป็นเด็กไม่ยอมโต
ป๋อม ลูกใส่รองเท้าผิดข้าง สลับข้างซะลูก
ภีม ลูกต้องเปิดตรงนี้ก่อน ลูกถึงจะแกะกล่องได้
เก้า ลูกใส่กางเกงในสลับด้านอีกแล้ว กลับด้านก่อนลูก
หลายๆครั้งที่หมอพบว่า ผู้ปกครองเข้ามาบอกปัญหาที่ลูกกำลังเผชิญ รวมทั้งบอกวิธีจัดการไปด้วยอย่างรวดเร็ว
ผู้ปกครองหลายท่านไม่มีท่าทีที่จะช่วยกระตุกให้ลูกรับรู้ว่า
นี่คือ สิ่งที่ลูกควรตระหนักและหัดจัดการปัญหาด้วยตนเอง
ทั้งๆที่เด็กเหล่านั้นก็โตพอที่จะสังเกตและทำเองได้.....
การบอกลูกว่าเขาทำอะไรไม่ถูกต้องและต้องแก้ปัญหาอย่างไรนั้นเป็นสิ่งที่ดี
แต่มันไม่ใช่หลักการเลี้ยงลูก ที่เราจะไม่ต้องปรับสูตรเลย
วิธีการบอกแบบนั้นใช้ได้ดีตอนเมื่อเขายังเล็กมากๆ.....
แต่เมื่อเขาเติบโตเราก็ต้องเปลี่ยนให้ทัน
เพราะสมองและพัฒนาการของเด็กก้าวหน้าขึ้นทุกวัน
พ่อแม่ควรระลึกไว้ว่า....
เลี้ยงลูกนอกจากมีพฤติกรรมที่ดี มีความสุขแล้ว....
ยังต้องให้เขาคิดเองเป็นแก้ปัญหาเองเป็น
เราไม่ใช่ผู้ให้บริการ หรือคนที่ต้องคอยตามทักและคอยตามช่วยตลอดไป
หากเราไม่เปลี่ยนแปลงวิธี....
ลูกก็จะชินกับวิธีที่เราทำ วิธีที่เราเป็นสมองแทนลูก
คิดแทนเขา และเขาเป็นเพียงผู้รอรับคำสั่ง!
จนเมื่อเขาโตมากพอ.....เรากลับทวงหาความรับผิดชอบจากเขา
และคาดหวังว่าเขาจะต้องลุกขึ้นมาจัดการปัญหาเองสักที!....
ทั้งๆที่เราไม่เคยฝึกให้ลูกมีระบบคิดแบบนั้นมาก่อน
ทำไมลูกโตขนาดนี้แล้ว เขายังจะให้แม่เรียกอาบน้ำอีก เขาคิดเองไม่เป็นเลยหรือหมอ?
ทำไมลูกถึงไม่รู้จักคิดว่าสักทีว่า ต้องกดน้ำหลังใช้ห้องน้ำ แม่บอกจนเบื่อมากแล้ว!
ทำไมลูกไม่รู้จักเตรียมของก่อน ต้องรอให้จวนตัว ทำให้แม่ต้องเดือดร้อนถามจากไลน์เพื่อน!
ก่อนที่เราจะพลาด....
จนต้องทวงหาความรับผิดชอบจากเขา...ตอนเขาโต
ในช่วงที่ลูกยังเล็ก วัยที่กำลังอยากทำเอง อยากรู้อยากเห็น
เราควรสอนลูกให้สังเกตเป็น....
สังเกตว่าเขากำลังพลาดที่ตรงไหน
ไม่ใช่บอกเขาว่า....เขาพลาดอะไร
เช่น
ป๋อม หนูเดินสะดวกหรือเปล่า?
ลูกมีโอกาสสังเกตรองเท้าทั้ง 2 ข้างได้เอง มากกว่าประโยคที่ว่า
ป๋อม หนูใส่รองเท้าสลับข้าง
ซึ่งไม่ช่วยให้ลูกสังเกตผลกระทบของการใส่รองเท้าสลับ
ภีม หนูคิดว่า เพราะอะไรเราถึงยังเปิดกล่องนี้ไม่ได้ มันติดที่ตรงไหน?
ภีมก็จะมีโอกาสสังเกตรอบๆกล่อง และค้นหาจุดที่ตนเองพลาดได้เอง
ดีกว่าประโยคที่เราบอกลูกว่า ลูกต้องเปิดตรงนี้ก่อน
เก้า หนูลองมองที่กางเกงหนูอีกทีซิค่ะ ว่ามีอะไรแปลกๆหรือเปล่า
เก้าจะได้มีโอกาสสำรวจกางเกงในตัวเอง และไล่ภาพในสมองของตนเองว่า ตัวการ์ตูนที่มีในกางเกงในนั้น แท้จริงแล้วควรจะอยู่ที่ตำแหน่งหน้าหรือหลังกันแน่
แม้เด็กจะใช้เวลาในการทบทวนนานแต่ก็คุ้มค่าที่จะรอ
เพราะคนเราต้องตระหนักเองก่อนว่าเขากำลังเจอกับปัญหา....
การตระหนักรู้....คือประตูด่านแรก....
เพราะถ้าไม่รู้ก็จะไม่มีการแก้ปัญหาตามมา.....
อย่าละเลยเรื่องเล็กๆน้อยๆในบ้าน....
นี่คือโอกาสทองของเราและลูก.....
โอกาสที่เราจะคว้าเอาไว้หรือปล่อยผ่านไป.....
อย่าบอกโจทย์และเฉลยคำตอบให้กับลูกจนชิน
แต่จงฝึกลูกให้คิด....คิดให้ออกว่าอะไรคือโจทย์
เมื่อลูกคิดโจทย์ออก....โอกาสที่จะฝึกลูกหาคำตอบก็ไม่ยากเกินไปแล้วค่ะ
หมอเสาวภา
เครดิตภาพ
https://memilyrae.com/wp-content/uploads/2009/09/IMG_5827b.jpg