onninn.pantown.com
บทความดีๆ <<
กลับไปหน้าแรก
แอลดีเป็นอย่างไร?
แอลดีเป็นอย่างไร?
ปัญหาการเรียนเป็นปัญหาหลักที่พ่อแม่พาลูกมาพบหมอ ซึ่งสาเหตุนั้นมีได้หลากหลาย วันนี้หมอจะมาพูดให้ฟังเรื่องปัญหาการเรียนจากโรคแอลดี
วันก่อนคุณแม่พาลูกมาให้หมอตรวจ สมมติว่าชื่อ เด็กชายเก่ง
น้องเก่งอายุ 9 ปี เรียนป.4 แม่บอกว่าครูให้พามาตรวจเพราะอ่านหนังสือไม่ออก อ่านได้แค่คำง่ายๆเช่น อีกา ฝาชี และเขียนผิดบ่อยๆ แต่ชอบวิชาคณิตศาสตร์ ชอบหนีออกนอกห้องในวิชาภาษาไทยไปนั่งในห้องสมุดเพื่อคิดเลข แม่บอกว่าครูไม่แน่ใจว่าเป็นสมาธิสั้น หรือปัญญาอ่อนจึงส่งมาให้หมอตรวจ
หมอตรวจดูไม่มีภาวะของอาการซน อยู่ไม่นิ่ง ไม่เหมือนสมาธิสั้น จึงส่งพบนักจิตวิทยา ตรวจ IQ 118 ซึ่งถือว่าสูง เป็นเด็กฉลาดทีเดียว เพราะไอคิวเด็กปกติอยู่ที่ 90-109
ทดสอบความสามารถในการเรียนรู้เฉพาะด้าน พบว่าการอ่านทำได้อยู่ในระดับ ป.1 การสะกดคำอยู่ในระดับ ป.2 ส่วนคณิตศาสตร์ทำได้เกินระดับชั้นคืออยู่ในระดับ ป.6
หมอจึงวินิจฉัยว่าเป็นโรคแอลดีด้านการอ่านและสะกดคำ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า LD-Learning disorder เด็กแอลดีส่วนใหญ่มีสติปัญญาปกติ แต่มีปัญหาการเรียนรู้เฉพาะด้าน (แยกเป็นสามด้านคือ อ่าน เขียน หรือการคำนวณ บางทีก็เป็นแบบผสมสองหรือสามด้านได้)
การวินิจฉัยคือเมื่อตรวจความสามารถในการอ่าน เขียน คำนวณ จะพบว่าความสามารถต่ำกว่าเด็กที่อายุเท่ากัน 2 ชั้นเรียน และไอคิวปกติหรือไม่ต่ำกว่าปกติมาก เพราะหากไอคิวต่ำๆเช่นปัญญาอ่อน หมอจะวินิจฉัยว่าสาเหตุที่เด็กมีปัญหาการเรียนนั้นเกิดจากปัญญาอ่อนไม่ใช่แอลดี
เด็กแอลดีจะดูปกติในเรื่องอื่นๆยกเว้นเรื่องที่เขาบกพร่อง บางทีพ่อแม่จะบอกว่า เห็นลูกเก่งทุกเรื่อง แต่ถ้าอ่านหนังสือนี่หน้าบูดเบี้ยวทีเดียว การที่เป็นแอลดีไม่ได้หมายความว่าชีวิตจะไม่ประสบความสำเร็จ ในสังคมพบว่ามีคนที่ประสบความสำเร็จหลายคนเป็นโรคแอลดี เช่น พุ่มพวง ดวงจันทร์ หรือ ทอม ครู๊ซ ที่เป็น แอลดีด้านการอ่าน สมัยก่อนเวลาจำเนื้อเพลงหรือบทภาพยนตร์ทั้งคู่จะต้องให้การฟังเนื้อหรือบทจากเครื่องเล่นเทปแทน แม้แต่ สตีเว่น สปีลเบิร์ก(ผู้กำกับระดับโลก อีที, จอร์ส, จูราสสิค พาร์ค, ชินเล่อร์ส ลิสต์, เซฟวิ่ง ไพรเวท ไรอั้น) หรือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ก็มีปัญหาการเรียนรู้
เพราะฉะนั้นเรียกได้ว่าเด็กแอลดี ไม่ใช่เด็กโง่ ไม่ใช่ปัญญาอ่อน เพียงแต่เขาบกพร่องในจุดที่คนทั่วไปมองว่าไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมทำไม่ได้ แต่หากเราดูดีๆ ว่าเด็กที่เป็นแอลดีเหล่านี้ถนัดในด้านอะไร และส่งเสริมเขาไปในด้านนั้น เช่น แม้ว่าจะคิดเลขไม่ได้ แต่ชอบวาดรูป ก็ส่งเสริมด้านศิลปะ บางคนชอบดนตรี กีฬา เป็นต้น
การดูแลรักษานั้น อย่างแรกที่สำคัญมากคือ ความเข้าใจจากคนรอบข้าง เพราะเด็กแอลดีหลายคนมักถูกตีตราว่าเป็นเด็กโง่ ขุนไม่ขึ้น ทำให้เด็กสูญเสียคุณค่าในตัวเองไปมาก บางคนมาหาหมอด้วยปัญหาซึมเศร้า วิตกกังวล ถ้ารุนแรงหน่อยก็ถูกไล่ออกจากรร.หลังจากนั้นก็ไปเข้าแก๊ง มีปัญหาติดยา ติดเกมส์
ความเข้าใจของคนรอบข้างจากผู้ปกครองยอมรับว่าลูกมีปัญหาเรื่องนี้ ไม่คาดหวังเด็กจนเกินไป ให้เวลาในการให้เด็กค่อยๆอ่านเขียนหรือคิดเลข ส่วนครู ถ้าเข้าใจและพยายามช่วยเหลือด้านการเรียน เช่น ถ้าเด็กเป็นแอลดีการอ่าน ก็ อนุญาตให้สอบปากเปล่า หรืออ่านโจทย์ให้ฟัง เด็กที่เป็นแอลดีการเขียนสะกดคำ อาจให้เด็กทำข้อสอบเป็นกากบาทมากกว่าให้เขียนตอบ จะพบว่าจริงๆเด็กก็ทำได้ดี
นอกจากความเข้าใจของคนรอบข้างก็ควรให้การช่วยเหลือด้านการเรียนเป็ยรายเฉพาะ ควรให้เด็กได้รับการสอนพิเศษถ้าให้ดีควรเป็นรายบุคคลหรือเป็นกลุ่มเล็กๆที่พื้นฐานเหมือนกัน เพราะหากเรียนกับเพื่อนชั้นเดียวกันในวิชาที่เด็กบกพร่อง จะยิ่งตามไม่ทัน ต้องค่อยๆสอนจากพื้นฐานที่เด็กทำได้ และสุดท้ายอย่าลืมส่งเสริมเด็กในด้านที่เขาชอบและถนัด เช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ ด้วยค่ะ
โดย: เจ้าบ้าน
[2 มิ.ย. 56 2:05] ( IP A:58.9.81.96 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม
ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :
แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้
(ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)
คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน