.....ศรีอยุธยา
   อังคาร กัลยาณพงศ์....


๏ โอ้อยุธยายิ่งฟ้า................มหาสถาน
มาล่มหาทกล้าทหาร............ล่าแล้ง
เสียแรงช่างเชี่ยวชาญ............นฤมิต
แสนสัตว์ป่ามาแกล้ง..............ป่นเกลี้ยงมไหศวรรย์๚

๏ พระศรีสรรเพชญ์นิ่งกลิ้ง..........กลางดิน
แร้งหมู่หมากากิน......................ฟากฟ้า
ชลเนตรเจตภูตริน.....................เป็นเลือด
นองหลากไหลไล้หล้า................ล่มม้วยเมืองหาย๚

๏ ฤๅกรุงเกลี้ยงทะแกล้ว.............ไกรหาญ ฮะฮา
โอ้อยุธยาปาน..........................ป่าช้า
ไอศูรย์มหาศาล........................เหลือซาก
เลือดมนุษย์แล้งหล้า..................ลึกซึ้งบัดสี๚ะ๛

.......................


..เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง
มุ่งปรารถนาอะไรในหล้า
มิหวังกระทั่งฟากฟ้า
ซบหน้าติดดินกินทราย
จะเจ็บจำไปถึงปรโลก
ฤารอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดกี่ฟ้ามาตรมตาย
อย่าหมายว่าจะให้หัวใจฯ
ถ้าเจ้าอุบัติบนสวรรค์
ข้าขอลงโลกันต์หม่นไหม้
สูเป็นไฟเราเป็นไม้
ให้ทำลายสิ้นถึงวิญญาณฯ
แม้แต่ธุลีมิอาลัย
ลืมเจ้าไซร้ชั่วกัลปาวสาน
ถ้าชาติไหนเกิดไปพบพาน
จะทรมาณควักทิ้งทั้งแก้วตาฯ
ตายไปอยู่ใต้รอยเท้า
ให้เจ้าเหยียบเล่นเป็นเส้นหญ้า
เพื่อจดจำพิษช้ำนานา
ไปชั่วฟ้าชั่วดินสิ้นเอยฯ

...............................


ผู้สนใจงานกวี เชิญตามลิงค์ไปค่ะ

"ปณิธานวิญญาณกวี"

อังคาร กัลยานพงศ์...ประพันธ์

ปู พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์....ขับ

วงดนตรีกองทัพบก...บรรเลง

รายการคุณพระช่วย... มีวีดีโอพร้อมเสียงที่นี่ค่ะ เพื่อนๆ

https://hiptv.mcot.net/hipPlay.php?id=3828

อยากให้ดูทั้งรายการ...ปู อยู่ประมาณ นาทีที่ 9

ท่านอังคาร ออกรายการในช่วงหลัง...อิ่มค่ะ



และ...ศิลปะเพื่อชีวิต โดย "ทีปกร"

https://www.longdo.com/artforlife/art0030.htm


(..ทั้งท่านอังคาร ดุริยางค์ ทบ. และเจ้าปู
ยิ่งช่วงสุดท้ายท่านอังคารขับเอง .. ฟังแล้วเศร้าสร้อยมาก
แถมด้วยช่วงประชันขลุ่ย เก่งจริง ๆ ทั้งคู่)

สิ่งที่ "ศิลปิน" ต้องการสื่อ...หากถึงขีดสุดแล้ว ประชาชนจะเข้าใจได้...รับรู้ รับรสแห่งงานศิลปะนั้นได้

ส่วนจะยากหรือง่าย เป็นมันสมอง หรือ "เครื่องรับ" จะทำได้แค่ใหน

มันจึงต้องมีอีกอาชีพ...นักวิจารณ์ศิลปะ...

งานศิลปะ เมื่อคุณวางลงบนพื้นที่สาธารณะ เพื่อสื่อสารแล้ว ศิลปินก็หมดหน้าที่ ที่จะมาอธิบาย

เว้นแต่มีคนถามและอยากตอบ/.. : Can


“ตามแนวทางศิลปะเพื่อประชาชนของเรานั้น การสร้างศิลปะเพื่อประชาชนก็คือการสร้างศิลปะที่ซื่อตรงต่อชีวิต ศิลปินจักต้องศึกษาชีวิตอย่างเจนจบลึกซึ้งถึงแก่นแท้ทุกแง่ทุกมุมมิใช่ศึกษาแต่อารมณ์เพ้อฝันของตนแต่ฝ่ายเดียว จนไม่ยอมลืมตามองดูชีวิตจริงของประชาชนในสังคม เมื่อได้ศึกษาวิชาอย่างเจนจบแท้จริงตามที่มันเป็นจริงเช่นนี้แล้ว จึงสะท้อนถ่ายชีวิตออกมาอย่างตรงต้องกับความเป็นจริง สะท้อนออกมาทั้งในด้านความดีงามและด้านอัปลักษณ์เลวทรามของชีวิต เราสะท้อนความดีงามออกมาเพื่อเป็นแบบอย่าง และสะท้อนความเลวทรามออกมาเพื่อเป็นแบบอย่าง และตระหนักชัดในความเลวของมัน ต้นตอที่มาของมัน และเสนอแนะแนวทางเพื่อให้ประชาชนแก้ไขมัน นี้คือการนำศิลปะเข้ารับใช้ชีวิต การสร้างศิลปะเพื่อรับใช้ชีวิตของประชาชน มิใช่สร้างศิลปะขึ้นอย่างผิวเผิน โดยนั่งนึกฝันเอากับลมแล้งบนโต๊ะในห้องทำงานหากเป็นการสร้างโดยได้ศึกษาสภาพความเป็นจริงของชีวิตแล้วอย่างลึกซึ้ง และสร้างขึ้นเพื่อให้มันมีคุณค่าแก่ชีวิตของมวลประชาชนอย่างลึกซึ้งโดยแท้”

ที่ได้กล่าวและตัดตอนมาทั้งหมดนี้ คงจะได้ให้ความกระจ่างชัดเพียงพอแล้วว่า “ศิลปะเพื่อประชาชน” มีลักษณะอันสูงส่งเพียงใด และจุดยืนของมันนั้นตั้งอยู่อย่างตรงข้ามกับศิลปะที่มอมเมาหลอกลวงประชาชนกินเช่นใด

ศิลปะเพื่อประชาชน คือศิลปะที่ซื่อสัตย์ต่อสภาพความเป็นจริงแห่งชีวิตของมวลชนผู้ทุกข์ทรมานในสังคมอันอยุติธรรม ศิลปะเพื่อประชาชนไม่เพียงแต่จะเปิดโปงความเลวร้ายของชีวิต... ไม่เพียงแต่จะศึกษาโลกและชีวิตตามที่มันเป็นจริงและสะท้อนถ่ายออกมาอย่างซื่อสัตย์...ไม่เพียงแต่จะเป็นเสมือนหอกอันแหลมคมที่จะทะลวงแทงศัตรูแห่งประชาชนเท่านั้น หากจักต้องเป็นเสมือนเชื้อเพลิงที่จุดจี้ลงในกลางดวงใจของประชาชน เพื่อให้เขาตื่นขึ้นด้วยความสำนึกในอันที่จะเปลี่ยนแปลงโลกและชีวิตให้ดำเนินไปสู่ความผาสุก และความดีงามอันสมบูรณ์แท้จริงอีกโสดหนึ่งด้วย

ถ้าจะเปรียบศิลปินเป็นเสมือน “นักรบ” และศิลปะเป็นเสมือน หอก อันแหลมคมและ โคม ไฟอันจ้าสว่าง เราก็คงจะเริ่มรู้สึกบ้างแล้วมิใช่หรือว่า ศิลปินหรือนักรบของเราหลายคนได้ใช้หอกและโคมของเขาอย่างผิดพลาด แทนที่เขาจะใช้หอกทิ่มแทงศัตรูของประชาชน และเชิดชูโคมไฟนำทางประชาชนไปสู่ภสพชีวิตที่ดีกว่า เขากลับใช้หอกนั้นทิ่มตำประชาชนและใช้โคมนั้นส่องนำทางประชาชนไปสู่ห้วงเหวอันล้ำลึก ในบัดนี้เมื่อเขาได้สำนึกแล้ว เขาจะเริ่มใช้อาวุธอันแหลมคมนั้นเพื่อต่อสู้ประหารศัตรูของมวลชนและชูเชิดโคมไฟส่องนำประชาชนไปสู่วิถีชีวิตอันดีกว่า


ทีปกร (จิตร ภูมิศักดิ์)
หนังสือเอื้องฟ้า คณะบัญชีฯ ธรรมศาสตร์
วันธรรมศาสตร์สามัคคี 5 พ.ย. 2500


ลอง ๆ จินตนาการซีครับ

ศรีอยุธยา...

พระศรีสรรเพชรหลั่งชลเนตร......

ไอยสวรรค์...( ไปแปลเอาเอง).

สะเทือนครับ สะเทือน

นี่คือบทสะเทือนกรุงฯ ของ "ศิลปินเหนือศิลปิน"

... Can (ไทเมือง)


ศิลปะส่งสะท้อน ........ ยุคสมัย
นับแต่สุโขทัย ........... แว่นแคว้น
สู่อยุธยาเกรียงไกร ..... กรุงเก่า
รัตนโกสินทร์แม้น ....... มิ่งฟ้าสรวงสวรรค์

... ชารา๚ะ๛
โดย: มาริ.. [12 ธ.ค. 48 16:27] ( IP A:202.5.87.157 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
Counter : 1512 Pageviews
ความคิดเห็นที่ 1
   *

แหะแหะ..ชอบอ่านกลอนกวีอยู่ค่า..
แต่มิค่อยมีฟามรู้เท่าไร..
รายการ คุณพระช่วย ก้อชอบดูค่า..
ตอนนี้ก้อดูไปด้วย อิอิ..

...

ชอบโคลงนี้จังค่า..
อ่านแล้วซึ้งถึงคุณค่าศิลปะวัฒนธรรมไทยจริงๆ..

ศิลปะส่งสะท้อน ........ ยุคสมัย
นับแต่สุโขทัย ........... แว่นแคว้น
สู่อยุธยาเกรียงไกร ..... กรุงเก่า
รัตนโกสินทร์แม้น ....... มิ่งฟ้าสรวงสวรรค์


flower
โดย: nH [12 ธ.ค. 48 22:35] ( IP A:203.188.35.225 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   *

..อิอิ..ไปค้นกลอนมาแจมด้วยค่า..


สายหยุด

สายหยุดสายกลิ่นสิ้น หอมสลาย
สายเสน่หามาหาย ห่างร้าง
สายแล้วชั่ววันตาย เป็นถ่าน
หยุดอยู่คอยคู่สร้าง ช่างอ้างว้างแสนฯ

สิ้นดินแดนแผ่นฟ้า มหาสมุทร
รักแต่เจ้าอย่าสุด เสื่อมด้วย
ไปไหนดิ่งไปดุจ เงาร่าง ร้างฤา
ไปอยู่คู่ชีพม้วย มิ่งแก้วเฉลิมขวัญฯ


สายหยุดสายสุดจะหยุดเสน่หา
อาลัยบ่แล้งตราบแห้งสมุทรหาย
สายกว่าสายปิ้มชีวาวาย
สายสุดสวาทบ่ขาดจากใจฯ

จะมอดม้วยด้วยฝันอันอาบโศก
วิปโยคไปทุกโลกหรือไฉน
ชาติหน้าน้ำฟ้าเดือนดาวใด
ดวงหฤทัยจะอยู่คู่กายฯ


..อังคาร กัลยาณพงศ์..


....

โดย: nH [12 ธ.ค. 48 22:42] ( IP A:203.188.35.225 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   +

อันนี้เรียกว่ากลอนเพื่อชีวิต ได้ป่ะน๊า..

มาซิอุปสรรค

มาซิอุปสรรค
มาประจักษ์มาประจัน
เติมเข้มให้เต็มครัน
ความเป็นคนให้ข้นคน

สองตีนจะติดดิน
สองมือชินเสมอชน
ฝนห่าจะฝ่าฝน
โหมพลังเข้าถั่งโถม

เหยียดตนขึ้นตั้งฉาก
แข็งแกร่งกรากเข้ารันโรม
กำหมัดทะมัดโจม
เข้าจู่จ้วงประจญสมัย

เมฆมืดทะมึนมา
ชะเงื้อมผาจะชิงชัย
ไม่ช้าดอกฟ้าใหม่
จะสว่างกว่าวันวาน


เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

โดย: nH สู้ๆๆ.. อิอิ [12 ธ.ค. 48 22:46] ( IP A:203.188.35.225 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   @

และก้อกลอนสักวาค่า..เก่าแล้วแต่ไม่ทราบผู้ประพันธ์
ขอบคุณไว้ด้วยค่า


สักวาดาวจรเข้

สักวาดาวจรเข้ก็เหหก
ศีรษะตกหันหางขึ้นกลางหาว
เป็นคืนแรมแจ่มแจ้งด้วยแสงดาว
น้ำค้างพราวปรายโปรยโรยละออง

ลมเรื่อยเรื่อยเฉื่อยฉิวต้องผิวเนื้อ
ความหนาวเหลือทานทนกมลหมอง
สกุณาดุเหว่าก็เร่าร้อง
ดูแสงทองจับฟ้าขอลาเอย


..

โดย: nH [12 ธ.ค. 48 22:50] ( IP A:203.188.35.225 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   เรา..เป็นแต่อ่านเหมือนกันจ้า คุณนู๋หิ่น

เวลาเหงา..เศร้า..อ่านแล้ว..ซึม แฮ่

โดย: มาริ [14 ธ.ค. 48 18:15] ( IP A:202.5.87.137 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ~*~


น้ำค้าง
หยาดลงกลางกลีบแก้วดูแพรวพร่า
แวววิเชียรเฉกฉันพรรณผกา
งามเหมือนตาเธอฉายประกายวาว

เกรงเหลือเกินเกรงฝันจะพลันดับ
เลือนไปกับทิวาในหน้าหนาว
คิดถึงเธอทุกวันฝันทุกคราว
อยากจะกล่าวรำพันก็หวั่นใจ


เสน่หา
ของคุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

โดย: อยากจะกล่าวรำพันก็หวั่นใจ [14 ธ.ค. 48 23:10] ( IP A:58.9.142.182 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   ~*~






เราจะพบกันอีกไหม
หรือไกลแล้วไกลลับผ่าน
วันนี้ที่แท้คือวันวาน
จดจารในความทรงจำ

เราจะจากกันตรงนี้
กลางไพรวิถีเถื่อนถ้ำ
ต่างเลือกหลุมพรางชะตากรรม
ลำพังในโลกส่วนตัว

กับแผลร้าวลึกคนละแผล
ร่ำไห้หรือแค่ยิ้มหัว
ที่นี่ที่ใจเต้นรัว
เรากลัวที่อื่นเพียงไร

ที่นี่แม้กลายเป็นที่อื่น
เราพร้อมหวนคืนที่นี่ไหม
รักษาที่นี่สักที่ไว้
นัดพบหัวใจซึ่งไกลกัน

เราจะพบกันอีกไหม
อย่างน้อยก็ในขณะฝัน
แอบหวังอ้างว้างอยู่อย่างนั้น
ระฆังลาแห่งนิรันดร์คงเรียกเรา



เราจะพบกันอีกไหม
ไพวรินทร์ ขาวงาม
โดย: เราจะพบกันอีกไหม [14 ธ.ค. 48 23:14] ( IP A:58.9.142.182 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   *

...เรา..เป็นแต่อ่านเหมือนกันจ้า
เวลาเหงา..เศร้า..อ่านแล้ว..ซึม แฮ่...


สวัสดีค่า คุงมาริ..กะคุงดีม..(เดาน๊า..อิอิ..)
ช่ายเรยค่า..อ่านแล้วซึม..
ยิ่งมาอ่าน คห 7 และ 8 ..อ่ะโหยยยๆๆ...
อ่านแล้วเอามาปะปนกัน..จะทำกลอนเค้าเสียหายป่าวน๊า..แป่ววว..

...

เกรงเหลือเกินเกรงฝันจะพลันดับ
เลือนไปกับทิวาในหน้าหนาว
คิดถึงเธอทุกวันฝันทุกคราว
อยากจะกล่าวรำพันก็หวั่นใจ..

~~

ที่นี่แม้กลายเป็นที่อื่น
เราพร้อมหวนคืนที่นี่ไหม
รักษาที่นี่สักที่ไว้
นัดพบหัวใจซึ่งไกลกัน ...


cry

โดย: ง้องแง้ว.. [14 ธ.ค. 48 23:43] ( IP A:203.188.6.174 X: )
ความคิดเห็นที่ 9
   

โดย: .. [17 ธ.ค. 48 4:34] ( IP A:202.5.87.131 X: )
ความคิดเห็นที่ 10
   @~ * _ *~ @




ให้คิดถึงเพียงใดใจจะขาด
ก็มิอาจไปตามความคิดถึง
ห้ามมาหาแต่อย่าห้ามความคะนึง
จะดื้อดึงโดยถ้อยร้อยรำพัน

คิดเสมอเมื่อใจใฝ่ถึงเขา
สายตาเศร้าเฝ้าเตือนว่าเหมือนฝัน
แววอาวรณ์อ่อนหวานผสานกัน
เหมือนจำนรรจ์จำนนท้นอาลัย

จะตัดพ้อต่อว่าประสารัก
ใจก็ทักท้วงห้ามตามวิสัย
จงมองตาตาจะเตือนว่าเหมือนใจ
ถ้าแจ้งได้ก็จะแจ้งไม่แฝงเงา

รู้ทั้งรู้ว่ารักจักให้ทุกข์
ใจยังรุกเร้าหลอกให้บอกเขา
ช่างไม่เข็ดหรือไรนะใจเรา
เขามีเจ้าของแล้วในแววตา




เดือนดับในดวงตา - คุณเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

โดย: เดือนดับในดวงตา [17 ธ.ค. 48 22:44] ( IP A:58.9.153.48 X: )
ความคิดเห็นที่ 11
   @~ * _ *~ @



เวิ้งทะเลแสงตะวัน

เหนื่อยก็เหนื่อยหนาวก็หนาวทุกคราวหวัง
เผลอก็เผลอพลั้งก็พลั้งทุกครั้งฝัน
แต่หัวใจยังหมายว่าจะฝ่าฟัน
ท่องทะเลเหมันต์ฝันพิไล

กว้างก็กว้างฝั่งทะเลลวงเล่ห์ลึก
คลื่นก็คลื่นคะครืนครึกนึกหวั่นไหว
งามก็งามดูขอบฟ้านั่นกระไร
ช่างเย้ายั่วหัวใจให้เจิดจินต์

หอมหัวใจในคาวเค็มอันเข้มข้น
การต่อสู้ของคนมิเคยสิ้น
เวิ้งทะเลแสงตะวันหยาดฝันริน
ล่องนาวาฝ่าชีวินด้วยยินดี

ระยิบแววตะวันวามงามระยับ
ทองประกายกระจายจับสลับสี
ขลิบศรัทธาหทัยหวังฝั่งรวี
ฉันจะข้ามทะเลนี้ไปหาเธอ

ไพวรินทร์ ขาวงาม

โดย: ฉันจะข้ามทะเลนี้ไปหาเธอ [17 ธ.ค. 48 22:52] ( IP A:58.9.153.48 X: )
ความคิดเห็นที่ 12
   จาก
นกขมิ้น ( คำหยาด )
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

"โอ้ใจเอ๋ยอ้างว้างวังเวงนัก
ไร้แหล่งพักหลักพันจะผันผิน
เพิ่มแต่พิษผิดหวังยังย้ำยิน
ระด่าวดิ้นโดยอนาถแทบขาดใจ"


นกทาขมิ้น
เชษฐภัทร

ลมบรรเลง ลำนำ กล่อมลำน้ำ
พลิ้วแผ่วตาม เพลงพ้อ ซอใบไผ่
โอดสะอื้น ขื่นขม ระทมใจ
ตามวิสัย คนจร ก่อนนิทรา

ดอกเอ๋ย เจ้าดอกขจร
เห็นนกขมิ้นเหลืองอ่อน ร่อนถลา
หากเหนื่อยนัก ก็พักก่อน ผ่อนกายา
เจ้านอนได้ ทุกเถื่อนท่า ไม่อาทร

เสียงหริ่งหรีด กรีดร้อง ก้องแนวป่า
หยาดน้ำตา ก็หยดรอง ต้องปลอกหมอน
ยิ่งฝืนจำ ยิ่งช้ำใจ วิสัยจร
ถึงบังอร ยังย้อนยอก หลอกกมล


ใจเหว่ว้า อ้างว้าง วังเวงนัก
สิ้นแหล่งพัก หลักพิง ยิ่งสับสน
ไร้เสียงพร่ำ คำหวาน บันดานดล
ข้ามันคน จัดจร จะอ้อนใคร

โอ้อกเอ๋ย เคยฝัน ถึงวันหวาน
จากวันวาน ยังอาวรณ์ คนอ่อนไหว
พิษผิดหวัง ยังจำ ย้ำหทัย
ในหัวใจ จึงจากจร เร่รอนมา

เคยผ่านร้อน ผ่านฝน ทนลมหนาว
เคยเก็บเดือน เก็บดาว พราวหมอกฝ้า
รู้บทร้อย ถ้อยคำ จำนรรจา
เคยสัมผัส น้ำตา รสอาลัย

ดอกเอ๋ย เจ้าดอกขจร
นกขมิ้นเหลืองอ่อนจะนอนไหน
จะออดอ้อน ไออุ่น หนุนอกใคร
ตอบไม่ได้ ดอกหนา ข้าคนจร

โดย: ... [20 ธ.ค. 48] ( IP A:203.159.36.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 13
    น้ำตา

ปาดน้ำตาจากแก้มแต้มกระดาษ

เป็นประกาศกลอนแปดแผดศัพท์เสียง

ทดความแค้นแทนความช้ำร่ำเจรียง

ท้นเอ่อเพียงอกพังคั่งคับใจ



เสียงแรงออมอารมณ์ข่มความคิด

คำน้อยนิดหนึ่งสะเทือนไม่เคลื่อนไข

ใครจะหมิ่นเมินหมางก็ช่างใคร

นี่ไฉนมาช้ำเพราะคำเธอ



รักแสนรักภักดีกี่ปีแล้ว

ทุกรอยแนวรักนั้นมั่นเสมอ

เหมือนไม่พอพิสูจน์พูดสิเพ้อ

ไหนจะเอออวยให้เข้าใจกัน



อารมณ์เอ๋ยโอ้ว่าอารมณ์รัก

หลายเลศนักนึกให้เหนื่อยใจฝัน

เจ็บไม่จำทำลายค่ามาทุกวัน

สารพันพยายามนะความรัก



ขอบคุณ

แด่น้ำตาปร่าปวดรวดร้าวนี้

และโสกที่สะเทือนใจได้ประจักษ์

รสอารมณ์ขมหวานที่พานพัก

เพิ่มแรงผลักผลิตกลอนขจรขจาย



น้ำตาหยดหนึ่งนี้มากมีค่า

ประมวลมาเหมือนฝากมากความหมาย

เตือนให้ลุกปลุกให้สู้อย่างผู้ชาย

และระบายเลบงแต้มแก้มเวลา




เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

T_ T

โดย: ... [20 ธ.ค. 48] ( IP A:203.159.36.10 X: )
ความคิดเห็นที่ 14
   ๏ ไกลเกินขอบเขตฟ้า ............... ไหนไหน
ไกลแต่ใจไม่ไกล ..................... ห่างคล้อย
สัมพันธ์มั่นเกลียวใจ .................. ประจงผูก
ใยแห่งความสุขร้อย .................. แค่รู้รักกัน ๚

๏ สายลมพันยอดหญ้า ............... ไหวระริน
ริมฝั่งธารตระการจินต์ ................. จิตนั้น
จารึกภาพแผ่นดิน ...................... รักปลูก
พันผูกเกินกว่ากั้น ...................... ตราบครั้นรักสลาย ๚

๏ ปลายปากกาจุ่มไล้ ................. รุ้งเรียง
สารสลักปลายเส้นเสียง .............. โสตย้า
แทนเงาโบกบินเฉียง .................. ฉายฉาบ
ดินธาตุลมไฟน้ำ ........................ แนบไว้ทุกยาม ๚

๏ ทุกความรักคู่ถ้วน ................... คิดถึง
ยิ้มที่เธอตราตรึง ....................... แต่งไว้
ผมยาวนุ่มเนียนคะนึง ................. สยายสละ.. สลวยเอย
ฉันครุ่นคิดถึงไซร้ ...................... รักแท้รักเธอ ๚

๏ ไกลเธอไกลสุดฟ้า ................. ไกลเจอ
คงแต่ใจใกล้เธอ ....................... อุ่นใกล้
คือเกลียวเกี่ยวกันเสมอ .............. มั่นใฝ่
แม้ว่าบุญเราไร้ ......................... ไม่ได้พบพาน ๚

โดย: มาริ..เอย [20 ธ.ค. 48 5:25] ( IP A:202.5.87.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ได้แต่ลอกมา..ยันเต...เหมือนเดิม

ลืมไปแล้วอ่ะ ลอกจากใครน๊า...ขอขอบคุณเจ้าของผลงานนะคะ

โดย: มาริ [20 ธ.ค. 48 5:58] ( IP A:202.5.87.134 X: )
ความคิดเห็นที่ 16
   ~~~

สวัสดีค่า คุณดรีม คุณจันทร์ กะคุณมาริเจ้าขา
มาอ่านแล้ว
ขอยืนยันคำเดิมของคุณมาริค่า

...เรา..เป็นแต่อ่านเหมือนกันจ้า
เวลาเหงา..เศร้า..อ่านแล้ว..ซึม และซึ้งงงงด้วย...
cry

ชอบมั่กๆๆทุกบทเร้ยยยค่า
ซึมๆปายเร้ยยย..
ขอยาดไปหลบมุมหาเพลงฟังให้หายซึมก่องน๊า
ขอแบบคุณจันทร์ด้วยค่า ...ง่ะ..
ขอให้โลกสงบสุข แว๊บบบบบ


ลป..ขอเซฟไปเก็บไว้ด้วยน๊าค่า
..ขอบคุณค่า..

..flower..

โดย: nH [22 ธ.ค. 48 1:05] ( IP A:203.188.6.3 X: )
ความคิดเห็นที่ 17
   ๏ รังสิจันทร์นวลใหญ่ย้อม ........... ใจระยัง
ข้าจ่อมจมในภวังค์ ..................... ว่างเลิ้ง
เรไรหริ่งหริ่งดัง ......................... ไพรแว่ว
ฟังยิ่งเหงาใจเวิ้ง .......................ยิ่งว้างคิดถึง ๚

๏ เดินทางกึ่งเถื่อนพะว้า ............ พะวังราว
กลางหมู่เดือนหมู่ดาว ................ ห่วงเศร้า
แหงนมองทั่วทั้งหาว .................. หาดั่ง.. เงาเอย
เยาวมาลย์เผื่อเจ้า .................... อยู่ซ้อนสายลม ๚

๏ ซมใจใครซ่อนเจ้า .................. จนสม
หนาวเหน็บน้ำค้างขม .................. ขื่นเคล้า
น้ำตาหยดระทม ........................ ทุกข์หยด
พรมพร่างสองตาเบ้า ................ วุ่นว้าหวั่นไหว ๚

๏ เอาใจและร่างได้ .................... เดิมพัน
เดินอยู่ใต้แสงจันทร์ ................... จรกเจ้า
คิดถึงทุกทุกวัน ......................... ทุกค่ำ.. คืนเอย
คิดครุ่นคนรักเฝ้า ........................ ชุบฟื้นใจฟู ๚

๏ ฝันอยู่ทุกค่ำคล้อย ................. คืนครัน
คืนที่มีแสงจันทร์ ...................... อ่อนซึ้ง
เอาความรักใฝ่ฝัน ..................... ฝากสู่.. ฟ้าแล
เดินผ่านธารน้ำผึ้ง ...................... แห่งห้วงเวลา ๚

๏ ศรัทธาขออย่าให้ .................. ลางเลือน
รอรุ่งอรุณเยือน ........................ สว่างล้ำ
ดวงใจฝากดาวเดือน .................. แสงพิสุทธิ์
ขอส่องมาเยือนย้ำ ................. อยู่อ้อมนิทรา ฝันเอย ๚

โดย: มาริ [23 ธ.ค. 48 7:21] ( IP A:202.5.87.141 X: )
ความคิดเห็นที่ 18
   จากบทละครพูดเรื่อง เวนิสวาณิช
พระราชนิพนธ์แปลของพระบามสมเด็จ พระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว

______________________________________________

ความเอยความรัก
เริ่มประจักษ์ชั้นต้น ณ หนไหน
เริ่มจำเพาะเหมาะกลางหว่างหัวใจ
หรือเริ่มในสมอง ตรองจงดี
แรกจะเกิดเป็นไฉนใครรู้บ้าง
อย่าอำพรางตอบสำนวนให้ควรที่
ใครถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงรตี
ผู้ใดมีคำตอบขอบใจเอย

ตอบเอยตอบถ้อย
เกิดเมื่อเห็นน้องน้อยอย่าสงสัย
ตาประสบตารักสมัครไซร้
เหมือนหนึ่งให้อาหารสำราญครัน
แต่ถ้าแม้นสายใจไม่สมัคร
เหมือนฆ่ารักเสียแต่เกิดย่อมอาสัญ
ได้แต่ชวนเพื่อนยามาพร้อมกัน
ร้องรำพันสงสารรักหนักหนาเอย

โดย: .. [23 ธ.ค. 48 7:24] ( IP A:202.5.87.141 X: )
ความคิดเห็นที่ 19
   ๏ ความเอยความรักนี้ ................ สงสัย
เริ่มประจักษ์ ณ หนไหน .............. แต่ต้น
จำเพาะเหมาะกลางใจ ................ ฤๅที่.. ใดเอย
หรือเริ่มในสมองค้น ................... คิดให้จงดี ๚

...๑...

โดย: ... [23 ธ.ค. 48 7:27] ( IP A:202.5.87.141 X: )
ความคิดเห็นที่ 20
   ๐ใต้ร่มเงารักเร้น.........................คำนึง
แอบซ่อนความตราตรึง.................สนิทถ้อย
กระจ่างแจ่มใจจึง.........................กำซาบ เสมอนา
ทอถักสัมพันธ์ร้อย.......................เกี่ยวไว้แนบกาย ฯ


๐ความรักฤๅบีบเค้น...............................เสน่หา
จักเจียดปูนแปงครา...............................สบพ้อง
อุ้มสมเยี่ยงตำรา...................................มีอยู่ ไหมเอย
เปรมจิตปฎิพัทธ์ซ้อง..............................จึ่งรู้นัยความ ฯ

๐เพลายามดับร้าง........................คำนวณ แม่นฤา
ความรักรอนเรรวน.......................คติแท้
งานเลี้ยงย่อมกาลควร...................ลาเลิก
ปี่ขลุ่ยจึ่งงดแล้............................หากสิ้นสวาทใจ ฯ

๐ไผบอกเรื่องรักนั้น..........................ง่ายดาย
ส่วนหนึ่งในความหมาย......................ชีพยั้ง
ร้างรักก็ร้างสาย................................เลือดหล่อ เลี้ยงนา
เกิดดับรักล่ามรั้ง...............................โซ่คล้องวิญญา ฯ

๐ภาวนาพบรักแท้...............................สักครา
จะหมั่นคอยรักษา................................จิตพ้อง
ถนอมแนบแน่นอุรา.............................เสมือนหนึ่ง เดียวเฮย
ใดขุ่นอย่ากรายต้อง.............................ชอกให้ใจหวาม ฯฯ

....: malijauna ....

โดย: .. [23 ธ.ค. 48 7:32] ( IP A:202.5.87.141 X: )
ความคิดเห็นที่ 21
   *

โอยยย....โดนๆๆค่า..โดนheart อย่างแรงค่า..อิอิ..
ทั้งกลอน โคลง..ยิ่งอ่าน..แสนซึ้ง ประทับใจ..
คุงมาริ..เก็บกรุโคลงกลอนแสนไพเราะไว้ตั้งกะมะไหร่น๊า..
เยี่ยมยอดท้างน้านเรย..ขอเซฟไปด้วยค่า
ขอบคุณค่า..

smile

โดย: nH [23 ธ.ค. 48 21:28] ( IP A:203.188.33.196 X: )
ความคิดเห็นที่ 22
   .....


ฉันเป็นเพียงภูผาศิลาแกร่ง
จะกี่แรงกัมปนาทที่ฟาดหน
ยังทะนงคงมั่นไม่หวั่นตน
รองอารมณ์ของคนเป็นเพื่อนกัน

ฉันเป็นเพียงภูผาศิลารัก
ให้สายฝนพิงพักยามวสันต์
ทอดเส้นสายพรายร่างให้พร่างพรรณ
มิเคยหันเหไปให้ไกลตา

ฉันเป็นเพียงภูผาศิลามั่น
มิมีวันเคลื่อนไปในใต้หล้า
รอสายลมพรมพริ้วเสมอมา
มิเคยลืมสัญญากับสายลม


ซึ่งมิต้องบอก คงรู้กันดีนะจ๊ะว่า ... เราลอกมาค่ะ
ใครทราบชื่อผู้ประพันธ์ กรุณาบอกด้วยน๊า ... ขอบคุณค่ะ

โดย: ดีม [24 ธ.ค. 48 20:54] ( IP A:58.9.143.116 X: )
ความคิดเห็นที่ 23
   หากเเม้น หยุด เวลาได้ดังใจฝัน
ฟ้าคงพลัน หยุด กลายหลายหลากสี
คงสิ้นเเสงจันทรา....ยามราตรี
อีกฟ้านี้..คงไร้ดาว...พราวนภา

สีของฟ้า ทุกเวลา งามน่าชม
ฟ้าหลากสี...หลายอารมณ์
เเม้ ฟ้า จะไม่ ฟ้า อย่างที่เคย

หากเเม้นจะ หยุด บางสิ่งได้...
ก็คงอยากจะ หยุด ใจไม่ให้ฝัน
อยากจะ หยุด สายตาไว้โดยพลัน
ที่ภาพงาม...ยากหยุดใจ เมื่อได้ยล
ฟ้า...สวยจน..พาใจลืม หยุด...เวลา...

ฟ้าหลากสีสวยจังเลย...ชอบสีของฟ้า...เเสงของไฟ
เหมือนดูภาพพิมพ์....เหมือนได้ฟังเพลงjazz...อารมณ์
นั้น ชอบทุกรูปยามค่ำคืน

โดย: มาริ [11 ม.ค. 49 17:38] ( IP A:202.5.87.137 X: )
ความคิดเห็นที่ 24
   ลำพังในโลกส่วนตัว

กับแผลร้าวลึกคนละแผล
ร่ำไห้หรือแค่ยิ้มหัว
ที่นี่ที่ใจเต้นรัว
เรากลัวที่อื่นเพียงไร

ที่นี่แม้กลายเป็นที่อื่น
เราพร้อมหวนคืนที่นี่ไหม
รักษาที่นี่สักที่ไว้
นัดพบหัวใจซึ่งไกลกัน

เราจะพบกันอีกไหม
อย่างน้อยก็ในขณะฝัน
แอบหวังอ้างว้างอยู่อย่างนั้น
ระฆังลาแห่งนิรันดร์คงเรียกเรา



เราจะพบกันอีกไหม
ไพวรินทร์ ขาวงาม

โดย: มาริ [11 ม.ค. 49 17:42] ( IP A:202.5.87.137 X: )

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน
 s