คนที่รักเราที่สุดอาจไม่ใช่..เขา แต่เป็นใครอีกคน...
|
ความคิดเห็นที่ 1 !!!เพื่อนแท้ เพื่อนตาย++++
ความหวาดกลัวเข้ามาจับอยู่กลางหัวใจขอพลทหาร ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อเขาได้เห็นเพื่อนสนิท ล้มลงในสนามรบ ขณะติดอยู่ในสนามเพลาะ ที่มีแสงไฟจากปืน พุ่งข้ามศีรษะไปมาอยู่ตลอดเวลา พลทหารขออนุญาติผู้กองของเขาออกไปที่ " เขตปลอดเจ้าของ " ซึ่งอยู่ตรงกลางระหว่างสนามเพลาะ เพื่อเอาศพของเพื่อนกลับมา
" ได้ " ผู้กองบอก " แต่ฉันไม่คิดว่าคุ้มนะ เพื่อนของเธอคงจะตายไปแล้ว และเธอก็อาจจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียก็ได้ " คำพูดของผู้กองไม่สำคัญ และพลทหารก็ออกไป
เขาไปถึงเพื่อนได้อย่างปาฏิหาริย์ แบกเพื่อนขึ้นบ่า แล้วนำกลับมาที่สนามเพลาะ เมื่อทั้งคู่กลิ้งลงมาที่ก้นหลุม นายทหารสำรวจพลทหารที่บาดเจ็บ แล้วหันไปมองเพื่อนเขา อย่างอ่อนโยน
" ฉันบอกเธอแล้วว่ามันไม่คุ้ม " ผู้กองบอก " เพื่อนเธอตายแล้ว และเธอก็บาดเจ็บสาหัส " " ถึงกระนั้นมันก็คุ้มค่าครับท่าน " พลทหารตอบ " เธอหมายความว่าอย่างไร 'คุ้มค่า'? " ผู้กองถามกลับ " เพื่อนของเธอตายแล้วนะ! " " ใช่ครับท่าน " พลทหารตอบ " แต่มันก็คุ้มค่าเพราะว่า ตอนที่ผมไปถึงเขายังไม่ตาย ผมดีใจที่ได้ยินเขาบอกว่า ... 'จิม ฉันรู้ว่านายต้องมา ... ' "
| โดย: ป้าดึก [9 ก.พ. 47 11:55] ( IP A:203.144.213.2 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 ขอบคุณอีก...หลายๆๆๆๆๆครั้ง....ครับ....ป้าดึก...ผู้น่ารักกก.... สิ่งที่นำมาให้...ซาบซึ้งจริงๆครับ......
ความรัก....ความเสียสละ....บางครั้งไม่ต้องป่าวประกาศ.... แต่....ก้องกังวานไปทั่วหัวใจดวงน้อยๆ.....แค่นี้ก้อ.... ดัง.....ก้องฟ้า......แล้วววววววว.......
| โดย: เด็กฯ [11 ก.พ. 47 2:57] ( IP A:203.107.195.196 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 !!!!! สิบปีแล้ว!!!!!
ในร้านกาแฟเล็กๆ แห่งหนึ่งมีกระดิ่งเล็กๆ แขวนไว้ที่ประตูร้าน ทุกครั้งที่มีแขกเข้าร้านก็จะทำให้กระดิ่งนั้นส่งเสียงดัง "Ding Ding"
วันหนึ่ง มีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 30 กว่าปี เข้ามาในร้านกาแฟนี้ เจ้าของร้านสาวสวยก็รีบออกมาต้อนรับให้เขานั่งด้านใน "กาแฟแก้วนึงครับ" "ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ" เจ้าของร้านสาวพูดพลางยิ้มให้อย่างมีมารยาท แล้วก็ไปบดเม็ดกาแฟและตั้งกาต้มกาแฟ ชายหนุ่มนั่งมองหญิงสาวอยู่ตลอด ไม่นานนัก เจ้าของร้านสาวก็นำกาแฟมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะชายหนุ่ม "ขอบคุณครับ" "คุณเพิ่งมาเป็นครั้งแรกใช่ไหม? รู้สึกว่าที่นี่เป็นอย่างไรบ้างคะ?" เจ้าของร้านสาวถาม ใช่ครับ ผมรู้สึกว่าที่นี่บรรยากาศดีมากๆ เลยครับ ฉันก็ชอบบรรยากาศของร้านนี้มากเหมือนกันถึงแม้ว่ากิจการร้านนี้ไม่ค่อยดีนัก ฉันกับสามีก็เสียดายไม่อยากจะปิดร้านทิ้ง ทั้งคู่เงียบไปสักพัก ผมขอถามอะไรคุณบางอย่างได้ไหมครับ? เอ่อ... ก่อนที่จะถามคุณผมอยากจะเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้คุณฟังก่อน ชายหนุ่มพูดถามขึ้นมา
ได้ค่ะ คุณพูดมาได้เลย เจ้าของร้านสาวก็สนใจที่จะฟัง ชายหนุ่มก็เล่าเรื่องเรื่องหนึ่งซึ่งผ่านมานานมากแล้ว เมื่อก่อนผมมีแฟนคนหนึ่ง เราสองคนก็ตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในอนาคตแล้ว ความรักของเราสองคนนั้นถึงแม้จะธรรมดา แต่แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว เพราะผมรักเธอมากเพียงแค่มีเธออยู่ข้างๆ ผมก็มีความสุขมากแล้ว แต่ทว่า ความสุขอันนี้มันช่างสั้นนักหลังจากนั้นก็มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น ก่อนหน้าพิธีหมั้นของเราสองคนหนึ่งเดือน คืนนั้นผมมีธุระต้องทำจึงไม่สามารถไปส่งเธอกลับบ้านได้ ในคืนนั้น เธอโดนคนร้ายรุมข่มขืน...
แล้วหลังจากนั้นเป็นอย่างไรคะ? ความรู้สึกของคุณที่มีต่อเธอเปลี่ยนไปหรือ? เจ้าของร้านสาวถามด้วยความสงสาร
ถึงแม้จะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ความรักของผมที่มีให้เธอก็คงยังมั่นคงมิได้แปรเปลี่ยนเลยสักนิด ผมก็ตั้งใจจะจัดพิธีหมั้นขึ้นตามเดิม แต่... เธอคิดไม่ตก เธอเชื่อว่าเธอไม่ได้เป็นเธอคนเดิมแล้ว ในวันหมั้นของเราสองคนวันนั้น เธอผูกคอตาย โชคยังดีที่ว่าพวกเราพบเธอได้เร็ว ช่วยชีวิตเธอไว้ได้ แต่เพราะว่าสมองขาดอ็อกซิเจ็นนานเกินไป ทำให้เธออยู่ในสภาพไม่มีความรู้สึกตัว และอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาเลยก็ได้... สุดท้าย เธอก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อผมรู้ว่าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วก็รีบไปหาเธอ แต่พ่อแม่เธอขวางกั้นผมไว้ไม่ให้ไปพบเธอ พวกเขาคุกเข่าลงมาขอร้องผม กลายเป็นว่าความทรงจำบางส่วนได้หายไป หมอบอกว่าเมื่อคนโดนกระตุ้นจิคใจอย่างแรง ก็อาจจะเลือกที่จะหลบหลีกความทางจำอันนั้นโดยการฝังลึกไว้ในใจตัวเอง ไม่ต้องการที่จะจำเรื่องเลวร้ายนั้นอีก เธอลืมหมดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาด้วย พ่อแม่เธอขอร้องให้ผมอย่าเพิ่งไปพบเธอสักพัก เขาไม่ต้องการให้เธอนึกถึงเรื่องน่าเศร้านั้นอีก เพราะกลัวว่าเธอจะฆ่าตัวตายอีก ถ้าบังเอิญเจอกันในที่อื่น ก็จะทำเป็นไม่รู้จักไม่ทักทายกันเด็ดขาด ช่วงเวลานั้นมันช่างทรมานยิ่งนัก อยากรักเธอ แต่ไม่อาจทำได้ อยากจะพบหน้าเธอ แต่ก็ไปพบไม่ได้ วันนี้ เป็นวันครบสิบปีนั้นแล้ว
ขอแสดงความยินดีให้ด้วยค่ะ คุณรอคอยมาสิบปีแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็สามารถไปพบเธอได้แล้ว
ใช่ครับ แต่... ยิ่งใกล้ถึงเวลานี้ ผมก็ยิ่งกลัว สิบปีที่ผ่านมานี้ความรักผมนั้นยังไม่เปลี่ยน แต่ตัวเธอล่ะ? ถ้าผมเล่าเรื่องในอดีตให้เธอฟัง เธอก็ยังจำผมไม่ได้ แล้วผมจะทำยังไงดีล่ะ? หรือว่าเธอได้แต่งงานไปแล้ว ผมควรจะทำเช่นไรดี? เพราะเช่นนี้ ผมอยากจะถามคุณว่า คุณคิดอย่างไร? ถ้าแฟนผมคนนี้แต่งงานไปแล้ว ผมควรจะบอกให้เธอได้รับรู้เรื่องนี้มั้ย?
เจ้าของร้านสาวก็พูดอย่างจริงใจว่า ถ้าสมมุติว่าเธอมีแฟนแล้วก็ไม่เป็นไร เพราะทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้แต่งงานกัน คุณยังมีโอกาส แต่ถ้าเธอคนนั้นได้แต่งงานมีครอบครัวไปแล้วคุณก็ไม่ควรไปทำลายครอบครัวเขา
ชายหนุ่มได้รับฟังแล้ว ก็แค่ตอบสั้นๆ ด้วยความผิดหวัง... นั่นสินะ...
"Ding Ding" พอดีเวลานี้ก็มีแขกคนอื่นเข้ามาในร้าน เจ้าของร้านสาวก็พูดกับชายหนุ่มว่า ฉันต้องไปต้อนรับแขกแล้ว เชิญตามสบายนะคะ เธอเดินออกไปได้สองก้าว ก็หันกลับมาถามเขาว่า จริงสิคุณเพิ่งมาที่นี่เป็นครั้งแรก ยังไม่ค่อยสนิทกับฉันมากนัก ทำไมถึงเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังล่ะคะ?
เพราะว่า เธอคนนั้นเคยพูดเอาไว้ว่า หลังแต่งงานแล้ว เธออยากจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ อย่างนี้เหมือนกัน ชายหนุ่มคิดสักครู่ถึงตอบออกมา
อ๋อ อย่างนี้เองหรือคะ พูดจบเธอก็หันหลังกลับเดินไปต้อนรับแขกที่เข้ามาใหม่
ชายหนุ่มมองตามร่างของเจ้าของร้านสาวนั้น น้ำตาเขาค่อย ๆหยาดไหลออกมา
เขาตัดสินใจไม่บอกเธอว่าแท้จริงแล้วเขามาที่ร้านนี้เพื่ออะไร แฟนของเขาคนนั้น อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอนั้นมันช่างไกลยิ่งนัก กาแฟในแก้วนั้น ก็ไม่รู้เย็นลงตั้งแต่เมื่อไหร่...
แล้วถ้าคุณเป็นชายหนุ่มคนนั้นคุณจะทำอย่างไร????
============================ | โดย: ป้าดึก [11 ก.พ. 47 13:42] ( IP A:203.144.213.2 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 เรื่อง: เสียงแทนคุณ
ตั้งแต่แรกเริ่ม ครอบครัวของหญิงสาวก็กีดกั้นไม่ให้หญิงสาวคบกับชายหนุ่ม บอกว่าบ้านชายหนุ่มไม่มีฐานะเทียบเท่าบ้านเธอ ถ้าหญิงสาวไปอยู่กับชายหนุ่มก็จะต้องทนลำบากทั้งชีวิต ความกดดันจากทางบ้านทำให้หญิงสาวอารมณ์ไม่ค่อยดีเสมอ และทะเลาะกับชายหนุ่มอยู่เรื่อย
หญิงสาวนั้นรักชายหนุ่มมาก เธอถามชายหนุ่มบ่อยครั้งว่า "เธอรักฉันมากขนาดไหน?" แต่ชายหนุ่มเป็นคนพูดไม่เก่ง ทำให้หญิงสาวโกรธเขาหลายครั้ง บวกกับคำพูดของพ่อแม่เธอ ยิ่งทำให้หญิงสาวอารมณ์เสียมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มจึงกลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของเธอ เขาก็ทนยอมรับอย่างเงียบๆ โดยไม่ว่าหญิงสาวเลยสักคำ
หลังจากนั้น ชายหนุ่มเรียนจบมหาลัยแล้ว ตัดสินใจจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก่อนไป เขาเอ่ยปากขอแต่งงานกับหญิงสาว "ผมอาจจะเป็นคนพูดไม่เก่ง ปากไม่หวาน แต่ผมรู้ว่าผมรักคุณมาก ถ้าคุณตกลงใจยินดี ผมก็จะดูแลปกป้องคุณตลอดชีวิต สำหรับครอบครัวคุณ ผมจะพยายามทำให้พวกเขายอมรับในตัวผม แต่งงานกับผมเถอะนะ ได้ไหม?" หญิงสาวตอบตกลงชายหนุ่ม และด้วยความพยายามของชายหนุ่ม พ่อแม่ของหญิงสาวก็ยอมรับเขา ในที่สุด ชายหนุ่มและหญิงสาวได้หมั้นกัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะไปเมืองนอกไม่นานนัก
ชายหนุ่มไปเรียนหนังสืออยู่ต่างแดนเพียงลำพัง ส่วนหญิงสาวก็คงยังอยู่ภายในประเทศ และออกมาทำงานแล้ว ชายหนุ่มไม่อาจกลับมาเยี่ยมหญิงสาวได้ เพราะเขาต้องใช้เงินอย่างประหยัด ส่วนหญิงสาวก็ไม่มีเวลาไปหาชายหนุ่มได้ ทั้งสองจึงได้แต่เพียงติดต่อกันผ่านโทรศัพท์และจดหมาย แต่ถึงกระนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็คงยังมั่นคงมิได้เปลี่ยนแปลงสักนิด
วันหนึ่ง หญิงสาวออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ ระหว่างทางที่เดินไปสู่ป้ายรถเมลล์ มีรถคันหนึ่งได้พุ่งตรงเข้าหาเธอ .........
เมื่อหญิงสาวฟื้นขึ้นมา เธอเห็นพ่อแม่อยู่ข้างเตียง ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอประสบอุบัติเหตุและบาดเจ็บสาหัส โชคยังดีที่ว่าไม่ถึงกับชีวิต หญิงสาวเห็นพ่อแม่เธอร้องไห้โศกเศร้าไม่หยุด จึงเอ่ยปากคิดจะปลอบโยนพวกเขา แต่เธอได้พบว่า... เธอพูดอะไรออกมาไม่ได้เลยสักคำ เธอพยายามที่จะเปล่งเสียงออกมาให้ได้ แต่ก็ทำได้แค่มีเสียงคล้ายเสียงหอบเท่านั้น
หญิงสาวกลายเป็นใบ้ไปเสียแล้ว...
หมอบอกว่าเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ หญิงสาวนอกจากบาดเจ็บที่ขาแล้ว สมองยังถูกกระทบกระเทือน เพราะฉะนั้นหญิงสาวจะพูดอะไรไม่ได้อีกเลยชั่วชีวิต หญิงสาวได้แต่รับฟังคำปลอบโยนของพ่อแม่เธอ แต่เธอไม่สามารถที่จะตอบอะไรได้เลย หญิงสาวสิ้นหวังแล้ว... หญิงสาวได้แต่ร้องไห้ไม่หยุดทั้งวันทั้งคืน...
หลังจากนั้น หญิงสาวออกจากโรงพยาบาลและพักอยู่ที่บ้าน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ยังเป็นเช่นเดิม มีแต่เพียงเสียงโทรศัพท์ในห้องเธอ กลายเป็นฝันร้ายที่มาทรมานเธอ แต่ละครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดัง เป็นเหมือนดังมีดคมทิ่มแทงเข้าไปในใจเธอ ความทรมานที่เธอต้องทนรับ ก็ไม่อาจจะบอกให้ชายหนุ่มรู้ได้ เธอไม่อยากเป็นตัวถ่วงของเขา จึงเขียนจดหมายบอกชายหนุ่มว่า เธอไม่อยากจะรอเขาอีกต่อไป เธอกับเขาจบสิ้นกันแล้ว และเธอก็ส่งแหวนหมั้นกลับไปให้เขาด้วย
หญิงสาวไม่รู้จะทำอย่างไรได้กับจดหมายและโทรศัพท์ของชายหนุ่มที่มีมาไม่ขาด เธอได้แต่น้ำตาไหลรินเต็มหน้าทุกวัน พ่อของหญิงสาวไม่อาจทนเห็นเธอต้องทนทรมานเช่นนี้อีกต่อไป จึงตัดสินใจย้ายบ้าน หวังอยากให้หญิงสาวลืมความทุกข์นั้นและอยู่อย่างมีความสุขมากกว่านี้ เมื่อเปลี่ยนสภาพแวดล้อมแล้ว หญิงสาวก็ดีขึ้นหน่อย เธอค่อยๆหัดเรียนใช้ภาษามือแทนคำพูด ทุกสิ่งทุกอย่างก็เริ่มต้นใหม่ เธอบอกกับตัวเองเสมอว่าให้ลืมชายหนุ่มเสีย
วันหนึ่ง เพื่อนสนิทของหญิงสาวบอกกับเธอว่า ชายหนุ่มกลับมาแล้ว และออกตามหาเธอไปทั่ว หญิงสาวขอร้องเพื่อนเธอว่า อย่าบอกเรื่องของเธอให้ชายหนุ่มรู้ เรียกให้เขาลืมเธอเสีย หลังจากนั้น เธอก็ไม่ได้รับรู้ข่าวคราวของชายหนุ่มอีกเลย
เวลาผ่านไปได้ปีกว่า เพื่อนของหญิงสาวมาบอกกับเธออีกว่า ชายหนุ่มจะแต่งงานแล้วและขอร้องให้เธอเอาการ์ดแต่งงานมาให้หญิงสาว
หญิงสาวได้รับฟังแล้วก็เศร้าใจมาก เธอเปิดการ์ดนั้นด้วยมือสั่น แต่กลับเห็นชื่อเธอเองบนการ์ดใบนั้น เมื่อหญิงสาวกำลังจะถามเพื่อน ชายหนุ่มก็มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเธอ ใช้ภาษามือที่แข็งกระด้างบอกกับหญิงสาวว่า
"ผมใช้เวลาปีกว่าที่ผ่านมา บังคับให้ตัวเองหัดใช้ภาษามือให้ได้ เพื่อที่จะบอกกับคุณว่า ผมไม่เคยได้ลืมสัญญาระหว่างเราสองคนเลย โปรดให้โอกาสผมได้เป็นเสียงให้แทนคุณ ผม-รัก-คุณ"
หญิงสาวมองอ่านภาษามือของชายหนุ่ม และเห็นแหวนที่เธอคืนเขาไปในตอนแรก ในที่สุดหญิงสาวก็ยิ้มออกมา...
====================
| โดย: ป้าดึก [11 ก.พ. 47 14:07] ( IP A:203.144.213.2 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 เพื่อน คือ คนแรกที่ทำให้เรารู้จักผู้อื่น
เพื่อน..คือคนแปลกหน้าคนแรก...ที่ทำให้เรารู้จักความรัก
นอกเหนือจากคนในครอบครัว..ที่เรารักกันมาตั้งแต่เกิด
เพื่อน..โผล่หัวมาตอนโต...เป็นใครไม่รู้..แล้วจู่ๆ
วันหนึ่งเราก็รักมันได้
ฉันมองความรักเพื่อน.เป็นความรักที่น่าเคารพยกย่อง
แต่ต้องเป็นเพื่อนแท้ด้วยนะ..เพื่อน..จะรักกันแบบพอดีๆ
ไม่หวง..ไม่หึง.ไม่ต้องการอะไรตอบแทน..เรารักกันสบายๆ
มีปัญหาปรึกษากัน.มีเรื่องเดือดร้อนช่วยกัน..
มีอะไรไม่สบายใจปรับทุกข์กัน
แต่ในขณะเดียวกันต่างคนต่างกมีโลกเป็นของตัวเอง
เธอมีแฟนฉันไม่ว่า..เธอสนุกของเธอไป..
เราต่างยินดีในความสุขของกันและกัน
ไม่ต้องมาเจอกัน...ก็ยังห่วงกัน..ยังคิดถึงกัน
ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบอยู่เสมอ
ถ้ามั่นใจว่าเจอเพื่อนแท้แล้ว..เชื่อเถอะว่า..
ไม่ว่าเราจะห่างกันอย่างไร..เราจะคิดถึงกัน
และเราจะไม่มีวันเลิกคบกัน..เพราะเธอไปมีเพื่อนใหม่..
ต่างฝ่ายต่างมีเพื่อนใหม่..ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้...
มันเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
คนบางคนบอกว่า..คุยกับเพื่อนได้ทุกเรื่อง..
แต่คุยกับแฟน..กับพ่อแม่ได้บางเรื่อง
นี่แหละ..ที่มันเป็นความรักที่ประหลาด...แต่งดงาม
มันมีความเข้าใจ.. ไว้ใจ .เชื่อใจ..ในจุดสมดุล

| โดย: ป้าดึก [12 ก.พ. 47 12:38] ( IP A:203.144.213.2 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6
!!!!! สิบปีแล้ว!!!!! ... ... ... ... ...
ถ้าเป็นชายหนุ่มคนนั้น รึคะ เราก็จะมากินกาแฟทุกวัน การได้พบ ... และ รับรู้ว่า เธอสบายดี .... ก็เพียงพอแล้วค่ะ

| โดย: DG [15 ก.พ. 47 1:13] ( IP A:202.133.162.106 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 Love is to give, If she happy, Why Changes?. Let it be her way... o_O | โดย: Pa Lim [2 มี.ค. 48 11:40] ( IP A:61.90.110.91 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 +
...มานั่งจิบกาแฟรอ......
| โดย: Coffee Boy [2 ต.ค. 49] ( IP A:124.120.159.54 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 .
"จงจำไว้ สิ่งมีค่าที่แท้จริง ไม่ได้อยู่ที่การมองเห็น
หากแต่อยู่ที่สิ่งที่เรามองไม่เห็น
ความรักที่แท้จริง
ไม่ได้อยู่ที่เราได้ทำอะไรแล้วมีคนรับรู้
หากแต่อยู่ที่สิ่งที่เรากระทำแล้วไม่มีใครรับรู้
ความรัก ... บางครั้งไม่จำเป็นต้องพูดพร่ำเพรื่อ" 
| โดย: silence speaks three words [17 พ.ย. 50 20:25] ( IP A:124.120.81.92 X: ) |  |
|