ความคิดเห็นที่ 23 *
เพลงที่ผมเลือกใหม่ เป็นเพลงไทยความหมายตรงใจผมมาก ทันทีที่ผมเปิดเพลงนี้ให้เธอฟัง จะด้วยความบังเอิญหรืออารมณ์พาไปก็ไม่ทราบ ผมว่า ผมเห็นเธอหน้าแดงนิดๆและนั่งก้มหน้าไม่พูดอะไรอีกเลยจนเพลงจบ อาจจะเป็นท่อนแยกของเพลงก็ได้มั้งที่บอกความหมายอะไรเป็นนัยๆให้เธอรู้ ก็ตอนที่นักร้องร้องว่า " ไม่คิดว่ารักจะดีอย่างนี้....ไม่คิดว่าฝันจะเป็นไปได้.... วันนับวันชั้นเฝ้าแต่รอ.... เมื่อเห็นหน้าเธอฉันจึงเป็นสุข อยู่ในหัวใจ ." และพอตอนจบของเพลง ท่อนนี้ก็จะกลับมาตอกย้ำอีกรอบหนึ่ง แถมทิ้งท้ายให้หนาวหัวใจด้วยท่อนลงที่ว่า " ไม่คิดว่ารักจะดีอย่างนี้....ไม่คิดว่าฝันจะเป็นไปได้.... วันนับวันชั้นเฝ้าแต่รอ.... เมื่อเห็นหน้าเธอฉันจึงเป็นสุข อยู่ในหัวใจ........ รักเธอผู้เดียว. .." เอาแล้วมั้ยล่ะ ผมคิด .....แรงไปหรือเปล่าหว่า ....นิ่งไปเลยอะ ทำไงดีล่ะ......
ดูสิ ยังก้มหน้าอยู่เลย. ...........
"เพราะดีนะครับ ฟังกี่ครั้งก็ยังเพราะ" ผมพูดขึ้นมาเบาๆให้บรรยากาศสบายขึ้น "ค่ะ" แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมา "ความหมายก็ดีด้วยค่ะ" แล้วเธอก็เงียบไป ผมก็เงียบด้วย ปล่อยให้เพลงบรรเลงต่อไป ส่วนใครจะคิดอะไรในใจ ก็สุดจะคาดเดาได้ล่ะครับ..................... แล้วเราก็มาถึงที่ร้าน วันอาทิตย์อย่างนี้คนเยอะเหมือนเดิม ระหว่างที่รอ เราก็นั่งกันเงียบๆ ผมคิดจะชวนเธอคุยอะไรเบาๆ แต่ก็นึกไม่ออกสักที แล้วเธอก็พูดขึ้นมาก่อน "ร้านนี้เอง มีคนบอกให้มาลองชิมหลายคนแล้ว ว่าจะมาหลายครั้ง แต่ไม่สำเร็จซะที" ผมรีบเสนอทันที "ถ้าชอบทานอะไรอร่อยๆนะ ผมนี่แหละ นักชิมเลย ผมรู้จักร้านอาหารอร่อยๆเยอะเลย เอาไว้ผมพาไปนะ นะ" เธอยิ้มนิดๆไม่พูดอะไร แต่ผมก็คิดเข้าข้างตัวเองไว้ก่อนว่าเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน แล้วก๋วยเตี๋ยวก็ถูกยกมาเสริฟ ผมตักน้ำตาลใส่ลงไปหนึ่งช้อนเหมือนอย่างเคย "ว้าย ตายแล้ว ทำไมใส่น้ำตาลมากแบบนี้ ไม่ได้นะคะ ทานหวานอย่างนี้ไม่ได้ ไม่ดีต่อสุขภาพ" เธอดุผมแฮะ ผมหยุดอึ้งไปเลย ไม่เคยมีใคร ดุ ผมแบบนี้มาก่อน ผมวางช้อนลงแล้วจ้องหน้าเธอ ... เธอ งงแล้วถามผมว่า "โกรธหรือคะ ขอโทษที่เสียงดัง แต่เห็นแล้วอดไม่ได้ค่ะ" ผมตอบว่า "ไม่โกรธหรอกครับ ดีใจต่างหาก ดีใจที่คุณเป็นห่วงผม ไม่เคยมีใครห่วงผมอย่างนี้มาก่อนเลย" แล้วผมก็ค่อยๆยิ้ม "บ้า! นึกว่าคุณโกรธชั้นซะอีก นี่แน่ะ" แล้วเธอก็เธอตะเกียบข้างนึง เคาะที่นิ้วผมดังป๊อก ผมว่าผมเห็นเธอหน้าแดงอีกแล้วล่ะ หรือว่าอากาศร้อนก็ไม่รู้.... ระหว่างที่ทานกันอยู่โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา เธอมองดูเบอร์ "คุณแม่โทรมาน่ะค่ะ" เธอคุยกับคุณแม่สักพักแล้วก็วางสาย "คุณแม่โทรมาบอกว่าจะไปทานข้าวกับเพื่อนๆ คงจะกลับเย็นๆ" เอาล่ะสิ เหมือนฟ้าเป็นใจ ผมเลยรีบพูดขึ้นมาทันที "ถ้างั้นคุณก็ไม่ต้องรีบกลับจนกว่าจะถึงเย็นใช่มั้ยครับ" ผมถามด้วยความหวังเต็มที่ "ก็คงไม่เย็นมากหรอกค่ะ กลับก่อนคุณแม่สักหน่อย คงดีกว่า" "แล้วคุณอยากจะไปไหนต่อจากนี้รึเปล่าครับ ไปดูหนัง หรือไปเดินเล่นกันมั้ย" ผมลองชวนเธอดู "ไปดูหนังคงไม่ล่ะค่ะ แล้วถ้าไปเดินเล่น คุณจะไปเดินที่ไหนคะ" เธอถามผมกลับ "อืมม.. ตอนนี้ที่สถานฑูตอังกฤษมีงาน เพลินจิตแฟร์ คุณเคยไปมั้ยครับ สนุกดีนะ เจ้าหน้าที่สถานฑูตเค้ามาออกร้านขายของกัน ปีที่แล้วผมได้แจกันคริสตัลมาใบนึง สวยและถูกมากเลยครับ" "เหรอคะ น่าสนใจดีค่ะ ไม่เคยไปเลย ลองไปดูสักทีก็ดีเหมือนกัน" .............
....... ในที่สุดวันของเราก็ยังไม่หมดแค่นี้แน่นอน .............
เราขับรถไปจอดที่เซ็นทรัลแล้วเดินมาที่สถานฑูต อากาศไม่ร้อนทำให้บรรยากาศของงานน่าสนุกมาก คนเยอะเดินกันเต็มไปหมด เด็กๆวิ่งถือลูกโป่ง บางคนถือสายไหม วิ่งไปกินไป แหม...บรรยากาศช่างเหมือนกับการออกเดทจริงๆ เราเดินคู่กัน ดูโน่น ดูนี่ไปเรื่อยๆ เธอคงชอบและสนุกเพราะสนใจเข้าร้านโน้น ออกร้านนี้ โน่นก็น่ารัก นี่ก็น่าซื้อ เธอว่า ....แล้วผมก็ชวนเธอแวะไปดูซุ้มขายแผ่นเสียงเก่า ผมเองชอบฟังเพลงเก่าๆด้วย ยิ่งมาเจอเจ้าของร้านมือสมัครเล่น แต่ฝีมือการเชียร์ขายไม่สมัครเล่นเลย ทำให้ผมหลวมตัวซื้อมาตั้งหลายแผ่น อาจจะด้วยราคาไม่แพง เพราะเป็นของมือสอง แต่ก็เป็นของดี ที่น่าสะสม...ผมได้แผ่นของ แฟรง ซินาตร้า, เฮนรี่ แมนซีนี่, บีทเทิลชุดเก่าๆ และอื่นๆอีกมากติดมือมา เธอบอกว่าผมเชยจัง ฟังเพลงเก่าาาาามากกกกก ผมก็เลยบอกเธอว่า เอาไว้จะอัดเฉพาะเพลงเพราะๆมาให้ลองฟัง แล้วจะเปลี่ยนใจ ..... ออกจากร้านแผ่นเสียง เราก็แวะเข้าร้านไวน์ เพราะมีให้ชิมฟรี เราก็เลยไปลองของฟรีกัน ....เราหยิบมาชิมกันคนละแก้ว เธอทำหน้าไม่ชอบทั้งๆที่ยังไม่ได้ลองชิม ผมก็เลยบอกให้เธอค่อยๆจิบดู ....เธอยกแก้วขึ้นจิบ ผมบอกให้เธออมไวน์ไว้ที่กระพุ้งแก้มก่อนค่อยกลืน จะได้รสชาติที่ดีกว่า เธอลองทำตามแล้วก็ว่า อร่อยดี ทำให้ไม่ฝาดคอ แล้วเธอก็ชิมๆๆๆ....จนหมดแก้วเลย...........
|