ความคิดเห็นที่ 264 อีกไม่นานก็คงได้รู้ความจริงกัน หากมีโอกาส เเละ กล้าพิสจน์ความจริง เเต่อย่างว่า เรื่องจริงบางเรื่องก็ไม่อยากรู้กัน ถึงอยากรู้ก็ไม่มีโอกาสได้พิสูจน์ ถึงรู้ก็ไม่สามารถบอกสังคมได้ ส่วนตัวผม หากมีใคร ถามว่าทำไมต้องเถียงกันเรื่องในอดีตด้วยว่ะ ผมก็มีเหตุผลคือว่า (1) เรื่องในอดีตสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในปัจจุบันได้ ทั้งในความรู้ ข้อเตือนใจ ใช้อ้างอิงให้เกิดประโยชน์กับพวกเราในยุคปัจจุบันได้(ในบางกรณีที่มีการเเย่งชิงอะไรกันสักอย่างที่มาตกทอดจากอดีต) (2) หลายๆกลุ่มเขาอยากรู้ถึงความเป็นไปของบุคคลที่ทรงคุณค่าสำหรับพวกเขา ว่าเกิดอะไรขึ้นกันเเน่ ทำไมตอนจบถึงหักมุม ไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็นยิ่งนัก ทั้งยังมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนอีกด้วย ( รู้ตามกันมาตามนี้ จริงเท็จ ไม่มีใครรู้ หากถามว่าอยากรู้ทำไม ลองกลับไปอ่านตอนต้อนของข้อที่สอง) (3) หลายๆความเห็นเรื่องนี้ ในปัจจุบันมีเยอะ เเต่เท่าที่นิยมก็ คือ จากข้อมูลที่รับรู้กันมาอย่างยาวนานมาดังที่กล่าวในข้อที่ 2 เเละ บางข้อมูลอ้างความเห็นของ พระสงฆ์ องค์เจ้า ที่เชื่อว่าท่านเห็นอดีตได้ บางข้อมูลก็อ้างหลักฐาน - ร่องรอยเท่าที่ค้นพบได้ซึ่ง ก็อาจจะขัดกับที่คนส่วนใหญ่ในสังคมได้รับรู้หรือเชื่อถือได้ (4) สำหรับหลายๆคนที่เชื่อตามหลักฐานที่ขัดเเย้งกับ ความเชื่อของคนส่วนใหญ่ คงคิดว่าจริงๆเเล้ว สิ่งที่ตัวละครทั้งหมดที่ได้กระทำ คือ สิ่งที่ถูกที่ควร เป็นไป เพื่อส่วนรวม เเต่เเท้จริงอาจเป็นการทำเพื่อกลุมของตัวเอง (5) เป็นธรรมดาที่หากคนเราจะตั้งคำถามในสิ่งที่ เราไม่เชื่อถือ - สิ่งที่สงสัย คลางเเคลง ซึ่งกลุ่มคนที่ตั้งคำถามอาจจะเห็นคุณค่าของการที่จะถามสิ่งเหล่านั้น ขณะที่คนอื่นๆ อาจจะมองว่าไร้สาระ ไม่มีประโยชน์ก็ไม่เเปลกอะไร สรุป - ตอนนี้เเบ่งเป็นหลายความเชื่อ เหลือเกิน เเถม ถูกนำมาเชื่อมโยงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับปัจจุบันนี้อีกด้วย เราอยู่นิ่งๆ ไปตามประสาของเราเถอะครับ ทุกอย่างมันจะเกิดเป็นลำดับไป ถึงบางเรื่องเราจะรับไม่ได้ก็เถอะ ที่สำคัญขอฝากไว้นะครับ " ความเสื่อมถอยที่ผู้อื่นนำมาให้ ไม่อาจเทียบกับ ความเสื่อมถอยที่เรานำมาเอง " ประโยคนี้คือ สิ่งที่ผมเชื่อครับว่า เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นไม่มีข้อยกเว้นกับใคร หรือ กลุ่มไหนทั้งสิ้น ไม่มี ใคร หรือ กลุมไหน ที่หนีความเสื่อมประเภทนี้ได้เเน่นอนครับ |