My Sister's Keeper .... ภาพยนตร์ที่ทุกคนควรดูให้ได้ก่อนตาย !!
|
ความคิดเห็นที่ 1 .........................พล็อตหนังเรื่องนี้นะครับ พูดตรงๆนอกจากฟังดูแปร่งๆแล้วยังไม่เชิญชวนให้ไปตีตั๋วดูสักนิดเดียวครับ เรื่องย่อก็มีประมาณว่า ครอบครัวหนึ่งบังเอิญลูกสาวเป็นลูคีเมีย รักษายังไงก็รักษาไม่หาย คุณหมอก็เลยแนะนำว่าหนทางเดียวที่จะช่วยต่อชีวิตลูกสาวได้ก็คือต้องมีลูกอีกคน เพื่อจะขอใช้เนื้อเยื่อ เลือด ไขกระดูก และหลายๆอย่างเพื่อการถ่ายเทในการเยียวยา ต่อชีวิตให้กับลูกคนโต เพราะฉะนั้นลูกสาวคนเล็กก็เลยเกิดมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ !! ทว่าเมื่อลูกสาวโต ปรากฏว่าลูกสาวกลับไม่ยอมบริจาคส่วนต่างๆในร่างกายเธอให้พี่สาว แล้วก็ไปจ้างทนายฟ้องพ่อแม่ตัวเองเพื่อขอสิทธิในการรักษาไว้ซึ่งทุกส่วนในร่างกายของตัวเธอเอง !! โห ถ้าเป็นเมืองไทยเด็กคนนี้มีหวังโดนด่าเช็ด สังคมประนามจนไม่มีที่ยืนแน่นอน แต่เมืองนอก ทุกสิ่งก็เกิดขึ้นได้ ในสังคมที่ทุกคนมีสิทธิ เสรีภาพ เสมอภาคกัน ??
.........................ก่อนดูผมก็ยังชั่งใจอยู่หน่อยๆว่าหนังแบบนี้มันจะเรียกน้ำตาได้แค่ใหนกันเชียว แต่เอาเหอะ อย่างน้อยก็มีดารานำดังๆเพียบ แถมผู้กำกับอย่าง นิค คาสซาเวทซ์ เคยมีผลงานที่ไว้ใจได้ และเคยเรียกน้ำตาผมมาแล้วอย่าง John Q กับ The Notebook มาหนนี้ก็ไม่น่าจะทำให้ผิดหวังหรอกน่ะ แล้วก็ต้องบอกว่าเกินความคาดหมายอย่างแท้จริงครับ !! หนังเรื่องนี้เริ่มต้นเล่าเรื่องในสไตล์ Voice Over แล้วก็โฟกัสไปทีละตัวละครๆค่อยให้คนดูอินไปเรื่อยๆจนกลับมาเข้าที่ภาพรวม หนังโฟกัสเราเข้าไปใกล้ชิดครอบครัวนี้มากๆ จนเราไม่รู้สึกว่าจะเชียร์ใครคนใดคนหนึ่ง แต่เรากลายเป็นครอบครัวเค้าไปแล้ว ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก บางทีถ้าเป็นเรามันก็ยากที่จะสรุปแล้วว่าใครถูกใครผิด รู้อยู่อย่างเดียวก็คือ ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์คนนึงจะทำได้แล้ว !!
.........................ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความโดดเด่นในแทบจะทุกด้าน ตั้งแต่การแสดงในระดับสุดวิเศษของดารานำทุกคน โดยเฉพาะดาราเด็กอย่าง อบิเกล เบรสลิน ตัวแม่ คาแมรอน ดิแอซ ที่พลิกมาเล่นดราม่าสุดๆได้อย่างน่าเห็นใจ ที่ผมปลื้มมากๆก็คือ โซเฟีย แวสซิลีวา ที่เล่นเป็นพี่สาวคนโตที่ป่วยเป็นลูคีเมีย ทุกคนนี้ถ้าได้เข้าชิงออสการ์พร้อมกันผมก็ไม่ประหลาดใจเลย ทุกคนในหนังเรื่องนี้ และตลอดทุกวินาทีของหนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกเชื่อว่าเหตุการณ์มันเกิดขึ้นต่อหน้าจริงๆ มันสดแล้วก็สมจริงมากๆๆ งานถ่ายภาพที่สวยงามระดับเกินกว่าจะเรียกว่างาม ดนตรีประกอบและเพลงประกอบที่เพราะสุดๆและเข้ากับเนื้อหาของหนังได้อย่างวิเศษ และที่ต้องยกย่องอย่างที่สุดคืองานกำกับฝีมือ นิค คาสซาเวทซ์ ที่ทั้งนุ่มนวล และกินอารมณ์อย่างหาที่เปรียบมิได้ แถมบทหนังเรื่องนี้ก็บาดลึกซะเหลือเกิน ~ | โดย: Job (พีอาร์ฯ ) [6 พ.ย. 52 22:00] ( IP A:125.25.233.31 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องนี้เคยดูที่โรงหนัง แต่ยังไม่เคยอ่านหนังสือ ดูแล้วเศร้า และก็ตื้นตันไปในตัว ไม่คิดว่าคาเมรอน ดิแอซจะรับบทแบบนี้ได้ เล่นเป็นแม่ และก็เล่นได้ดีมากๆ ตอนเคทสูญเสียคนรักไป ใจจะขาดตามเคท T T | โดย: pam [7 พ.ย. 52] ( IP A:24.150.221.173 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 เสียดายไม่ได้ไปร้องไห้เป็นเพื่อนป๊า
เดี๋ยวรอแผ่นออกค่อยเช่ามาดูที่บ้านละกัน | โดย: jenny [7 พ.ย. 52 9:32] ( IP A:125.25.245.89 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 ขนาดนั้นเลยเหรอค่ะ
เอาเป็นว่าเรื่องนี้จะเชื่อคุณจ๊อบ อีกสักเรื่องก็แล้วกันนะ อิอิ
แบบนี้ต้องไปหามาดูด่วน. | โดย: kk [7 พ.ย. 52 18:45] ( IP A:220.255.7.105 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 .... โอ้โฮ คุณ pam นี่เป็นคอหนังตัวจริงเหมือนกันนะครับเนี่ย ดูหนังเยอะทีเดียวเลยครับ ที่โน่นค่าตั๋วหนังแพงใหมครับ ? โรงหนังทางโน้นเป็นอย่างไรบ้างหนอ อยากเห็นภาพจังเลย ... | โดย: Job (พีอาร์ฯ ) [7 พ.ย. 52 19:41] ( IP A:125.25.245.89 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 ที่แคนาดาค่าตั๋วก็ประมาณสิบสองเหรียญ แต่ถ้าดูรอบก่อนเที่ยงก็จะประมาณเจ็ดเหรียญ แต่ไม่เคยได้ดูก่อนเที่ยงเลย เนื่องจากว่าตื่นสาย โรงหนังที่ต่างประเทศ อย่างเมกาหรือว่าแคนาดา ต่างจากเมืองไทย ตรงที่เวลาซื้อบัตร ไม่ต้องเลือกจิ้มที่นั่งเหมือนไทย เพราะที่ไทย ต้องเลือกที่นั่งตอนที่ซื้อตั๋ว ว่าจะหนังแถวไหน แล้วเข้าไปนั่งตามเลขที่ตั๋วที่เราซื้อ แต่ที่แคนาดากะเมกาซื้อปุ๊ป พอถึงเวลาเข้าโรงหนัง อยากนั่งตรงไหนก็นั่ง มาก่อนก็เลือกที่นั่งที่เราอยากนั่ง ชอบระบบโรงหนังที่ต่างประเทศมากกว่าอ่ะ เพราะว่าที่ไทย เวลาซื้อตั๋ว มันต้องเลิอกที่นั่งตอนนั้นเลย ถ้าไปดูคนเดียวนี่ไม่รู้เลยว่าใครนั่งข้างๆเรา ถ้าซวยก็เจอพวกชอบคุยโทสับในโรงหนัง หรือไม่ก็พวกคุยไม่หยุด หนังเริ่มก็ยังคุยอยู่ได้ หรืออาจเจอพวกไม่รักษาความสะอาด เท้าเหม็นอะไรประมาณนี้ แต่ที่ต่างประเทศเจอปัญหาแบบนี้ ก็ย้ายที่นั่งได้สะดวก ถ้าเมืองไทย ทำได้แบบนี้ก็ดีนะ เวลาโชคไม่ดี เจอพวกห่วยๆในโรงหนัง จะได้ย้ายที่นั่งได้ ไม่ต้องนั่งทนรำคาญ ประสบการณ์ดูหนังที่ไทยของเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มักจะซวย เจอพวกมารยาทแย่ๆและก็น่ารำคาญ แต่ดูหนังที่ต่างประเทศ ยังไม่เคยเจอปัญหา | โดย: pam [8 พ.ย. 52 12:31] ( IP A:24.150.221.173 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 ยังไม่ได้ดู ที่อิตาลี่ออกโรงไปนานแล้วค่า ต้องหามาดูให้ได้ ชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้วอ่ะ ตอนนี้ไม่ได้ไปดูหนังเลย สุดหล่อหัวแตกค่ะ มีแต่เรื่อง เลือดตกยางออกตลอดเลย เฮ้อออ | โดย: Madam [8 พ.ย. 52 15:44] ( IP A:87.4.60.32 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 ..... เมืองไทยปกติแล้วก็ย้ายที่นั่งได้นะครับ ถ้าไม่บังเอิญไปดูโรงที่คนเยอะๆ หรือรอบที่แบบว่าคนเกือบเต็มโรง ปกติผมเองมักจะเลือกที่ๆประจำคือแถวหลังๆตรงกลางๆจอครับ ถ้ามูวี่ทำท่าจะกวนบางทีก็ยอมเลือกแถวริมทางเดินครับ แต่โดยมากถ้ามีปัญหาหรือนั่งไม่สบาย ก็ขยับขยายได้ทันทีครับ ส่วนมากที่ผมไปดูพักหลังๆก็ย้ายที่กันบ่อยๆครับ บางทีก็ตีตั๋วกลางๆโรงเอาไว้ แล้วย้ายไปนั่งโซฟาร์หรูๆแถวหลังๆก็มีบ่อยๆไปครับ พนักงานเขาไม่มีเช็คหรอกครับ เรื่องอะไรจะตีตั๋วแพงๆ อิอิ | โดย: Job (พีอาร์ฯ ) [8 พ.ย. 52 20:17] ( IP A:125.25.212.149 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 อยากดูมาก ๆ หาโอกาสอยู่ | โดย: ขาจรมาเยี่ยม [9 พ.ย. 52 18:54] ( IP A:125.27.255.212 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 คุณจ๊อบเจ้าบ้าน ขอบคุณมากนะครับ... ที่แนะนำภาพยนตร์ดีดีให้เสมอครับ เรื่องนี้เดี๋ยวผมไปหามาชมแน่นอนครับ | โดย: องค์รักษ์จั่น [10 พ.ย. 52 19:07] ( IP A:61.19.222.4 X: ) |  |
|