= Broken Embraces / Julie & Julia / The 4 th Kind / บังเอิญ / New Moon / Amelia =
|
ความคิดเห็นที่ 1 Julie & Julia ( ปรุงรักให้ครบรส ) .... สองดาว ....
......................ถ้าผมจับประเด็นไม่ผิดนะครับ " ธีม " ของหนังเรื่องนี้ก็คือ " แรงบันดาลใจไม่รู้จบ " ?? แต่ถ้าหากว่าเจ๊ นอร่า แอฟรอน ผู้กำกับ & คนเขียนบท ตั้งใจจะใส่ธีมเป็นอย่างอื่นเช่น ... ปรุงอาหารก็เหมือนปรุงรสชาติชีวิตรัก ฯลฯ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ถือว่าเจ๊เอฟรอน แกเป๋ไปเหมือนกันล่ะครับ เพราะจับความได้แค่ประเด็นแรกอย่างที่บอกไว้ ? หนังเรื่องนี้ถือว่ามีคอนเซปท์น่าสนใจครับ ปกติหนังเรื่องอื่นแค่บอกว่า สร้างจากเรื่องจริง หรืออิงจากชีวิตจริง ก็ถือว่าน่าสนใจแล้ว แต่เรื่องนี้เก๋กว่า เพราะบอกว่า สร้างจากเรื่องจริง ถึง 2 เรื่อง ?? แต่ในความเป็นจริงก็คือ เจ๊ นอร่า แกดัดแปลงบทหนังจากหนังสือสองเล่ม ของ จูลี่ กับ ของป้าจูเลีย ไชลด์ ซึ่งก็อิงมาจากเหตุการณ์ชีวิตจริงของแกอีกทีนึง แต่อย่าลืมว่า หนังสือก็เหมือน นวนิยายครับ มันไม่ใช่ความจริงแท้นะครับ แต่เป็นเรื่องจริงผสมเรื่องแต่ง พูดง่ายๆว่า อาศัยจินตนาการเข้าไปพอสมควรด้วย แล้วก็มีการกลั่นกรองอีกหลายชั้น กว่าจะเป็นตัวหนังสือ แล้วสุดท้ายมาแปลงเป็นหนังอีกที มันจะเหลือความจริงเท่าไหร่ ?
.....................Julie เป็นสาววัยทำงาน ที่แม้ชีวิตการงาน รวมถึงฐานะความเป็นอยู่ อาจจะไม่ได้ดีนัก แต่ก็ถือว่าเธอยังค่อนข้างโชคดีเรื่องชีวิตรัก เพราะความที่มีสามีที่น่ารัก และมีความอบอุ่นในครอบครัวสูง แม้จะยังไม่มีลูกก็ตามที ? ด้วยความที่อายุก็ปาเข้าไป 30 แล้ว เพื่อนฝูงก็ก้าวหน้ากันไปถึงใหนต่อใหน น้องจู เธอก็เลยเกิดอาการฟุ้งซ่านตามประสาสาวขี้เบื่อ !! คุณสามีก็เลยเสนอแนะไอเดียให้คุณเมีย เขียน Blog แก้งุ่นง่านซะ จะได้ไม่ต้องกลุ้มอกกลุ้มใจ น้องจูก็คิดไม่ตกว่าจะเขียนอะไรดี ชีวิตเกิดมาก็ไม่ค่อยได้เล่นเน็ท ?? สุดท้าย เกิดปิ๊งไอเดีย เขียนเรื่องทำครัวซะเลย ในเมื่อเธอก็ชอบทำครัว แล้วก็มีไอดอลในฝันของเธอก็คือ ป้า จูเลีย แม่บ้านที่เคยใช้ชีวิตที่ฝรั่งเศส ผู้ซึ่งเคยมีประสบการณ์ไปเรียนทำครัวที่โน่น ก่อนจะหยิบเรื่องราวมาเขียนหนังสือ เพื่อตั้งใจสอนให้สาวอเมริกัน ได้เรียนรู้การทำอาหารฝรั่งเศสที่บ้านแบบง่ายๆ โดยใช้หนังสือของเธอเป็นคู่มือ น้องจู ก็เลยตั้งปณิธานเอาไว้ว่า จะเขียนเล่าเทคนิคการทำอาหารตามคู่มือของป้าจูเลีย ลง Blog ซะเลย !!
.....................Julie & Julia เล่าเรื่องแบบคู่ขนาน ระหว่างชีวิตของป้าจูเลีย กับ น้องจูลี่ ในแบบตัดสลับ แล้วพยายามอธิบายว่า ชีวิตหนึ่งส่งผลกระทบต่ออีกชีวิตนึงอย่างไร เสียดายที่มันเป็นได้แค่โลกคู่ขนาน เพราะป้าจูเลีย ตัวจิง กับป้าจูเลีย ในจินตนาการของ นู๋จูลี่ เป็นคนละอย่าง ? เพราะฉะนั้นแรงบันดาลใจที่นู๋จูลี่ ได้รับ จริงๆแล้วมันคือสิ่งที่เธอเนรมิต หรือ " จิ้น " ขึ้นเองทั้งหมด ป้าจูเลียไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดไว้แม้แต่น้อย .. แต่อย่างน้อย ป้าจูเลียในความคิดของเธอไม่ใช่เหรอ ที่กระตุ้นเธอให้ลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ แล้วก็ทำให้ชีวิตของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ? หนังเรื่องนี้เป็นหนังผู้หญิง โดยผู้หญิง เพื่อผู้หญิง .. แล้วนี่แหละที่ทำให้ผู้ชายอย่างเราๆ เข้าไม่ถึง แล้วก็เริ่มโดนผลักให้ถอยห่างออกไปเรื่อยๆ .. เจ๊ นอร่า เล่าเรื่องแบบเอาใจผู้หญิงมากเกินไป !! อาศัยการพร่ำเพร้อเรื่อยเปื่อย จริงๆก็ไม่เรียกว่าเพ้อ หรอกนะครับ นางเอกก็ไม่เชิงเป็นคนช่างฝัน แต่ติดนิสัยผู้หญิงมากไปหน่อย คือบทจะเล่าก็เล่าๆๆๆๆ พูดต่อยหอย น้ำไหลไฟดับ ไม่ได้แคร์คนฟังเลย | โดย: Job (พีอาร์ฯ ) [13 พ.ค. 53 12:54] ( IP A:61.90.10.158 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 บังเอิญ รักไม่สิ้นสุด ( สองดาว )
.......................Turn Left Turn Right เวอร์ชั่นไทยมาแล้วจ๊า ? หนังรักโรแมนติกที่ว่าด้วยความบังเอิญ หรือจะเป็นพรหมลิขิต ของหนุ่มสาวคู่นึง ซึ่งเคยเจอกันตั้งแต่ ภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย มาเจอกันต่อที่ บูดาเปสท์ ประเทศฮังการี ไม่แค่นั้นกลับมาเจอกันที่กรุงเทพ ไปใหนก็เจอกันตลอดทั้งๆที่ไม่ได้นัดหมาย แถมยังไปเจอกันต่อที่ประเทศเกาหลี แล้วก็ยังแถวๆเยอรมันอีก โอ๊ย อะไรมันจะบังเอิญเว่อร์ได้มากมายขนาดนั้นคะ คุณอุดมขา ? 2 - 3 ครั้งก็ยังพอว่า แต่นี่มันปาเข้าไป 6 - 7 ครั้งเลยมั้ง กับคนสองคนที่ไม่ได้นัดกันมาก่อน บนโลกกว้างๆใบนี้ อะไรมันจะโลกกลมบังเอิญได้พอดิบพอดีขนาดนั้นกันล่ะครับ ? ไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นไม่ได้นะ แต่มันมีโอกาสประมาณไม่ถึง 1 ในล้านล้าน เลยมั้งครับ !! ขนาดว่า Turn Left สร้างมาจากหนังการ์ตูน ค่อนข้างมีโอกาสเว่อร์ได้มากกว่า ผมยังรู้สึกว่ามันมีความสมจริงมากกว่าเลย หรือแม้แต่ เถียนมีมี่ ซึ่งเป็นหนังรักที่ว่าด้วยความบังเอิญคล้ายๆกัน ก็ยังไม่เล่นเลยเถิดกับคนดูมากขนาดนี้ ~
.......................ปกติ จ๋า ณัฐฐาวีรนุช ทองมี มักจะเล่นได้ดีในหนังโรแมนติก คอมเมดี้นะ แต่เรื่องนี้ตกม้าตายสุดๆ บทมันโก๊ะเกินไป แล้วก็ไม่ขำเลยในคาแรคเตอร์ เล่นยังไงก็ไม่ฮา เคมีคู่พระนาง ระหว่างจ๋า กับ นาวินต้าร์ ก็ยังไม่เข้ากันเท่าไหร่ !! จริงๆหนังไม่ค่อยมีปัญหาในส่วนความโรแมนติกนะครับ เพราะจริงๆหนังเรื่องนี้ถ้าปั้นไปในทางโรแมนติก หนังน่าจะไปได้สวยกว่านี้ เพราะมันมีเงื่อนไขให้เราซึ้งๆ หรืออินได้ไม่ยากตั้งแต่เรื่องย่อแล้ว แต่หนังกลับไปเสียเวลายิงมุขขำๆ ซึ่งขอโทษครับ มีแต่มุขควายๆซะเยอะ ไม่รู้ว่ากล้าใส่เข้ามาได้ไง ? กับมุขฝืดๆๆอีกสารพัด ซึ่งดูยังไงก็ไม่ขำ แต่กลับรู้สึกสมเพชคนคิดมุขแทน !! แล้วเสียดายที่อุตส่าห์ไปถ่ายตั้ง 3 ประเทศ ออสเตรีย ฮังการี เกาหลี แต่กลับหาฉากสวยๆมาได้แค่เนี้ย ฝีมือการกำกับภาพของตากล้อง ยังไม่เจ๋งพอครับ !! ตัวละครข้างเคียงที่ใส่เข้ามา กลับไม่ทำให้เรื่องราวก้าวไปข้างหน้าเท่าที่ควร โดยเฉพาะตัวมะลิ แทบไม่ได้มีผลต่อความรู้สึกของ นาวิน ตาร์เลย ไม่รู้ว่าพี่แกซื่อจริง หรือว่าเบี่ยงเบน ??
.......................ผมสงสัยในรายละเอียดปลีกย่อยที่หนังใส่เข้ามามากมาย คือสงสัยว่า นาวิน ตาร์ ทำงานอะไรกันแน่ ? ตอนแรกบอกบริษัทส่งไปเรียนภาษา ทั้งยังเคยมีประสบการณ์ใช้ชีวิตที่บูดาเปสท์ แล้วยังไปต่อที่ลอนดอน .. แต่พอมาถึงเมืองไทยถึงเห็นว่าไปทำงานบริษัททัวร์ ซึ่งดูยังไงก็ไม่น่าจะใช่บริษัทที่ส่งไปเรียนรู้งานถึงต่างประเทศ ? หรือตัวนางเอกที่บ้านมีเงิน ( หรือหาทุนได้ไม่ทราบ ) ได้ไปร่ำเรียนอะไรไม่รู้ถึงบูดาเปสท์ แต่พอกลับมากลับหางานไม่ได้เป็นปี ตกต่ำขนาดต้องไปทำงานเป็นสาวขายเสียงเซ๊กโฟน ? เลยเหรอ ? คือจะกะเอาฮาน่ะรู้ แต่ให้มันอยู่บนพื้นฐานความเป็นไปได้หน่อยสิโว้ย !! หรือวันดีๆคืนดีทำงานอยู่เมืองไทย แล้วจู่ๆจะได้บินไปเกาหลี เพื่อไปแข่งกินก๋วยเตี๋ยวแบบกะทันหัน ... เกิดมาคุณเคยได้ยินแบบนี้ใหมครับ ตัวแทนกินก๋วยเตี๋ยวเก่งทีมชาติ ไปแข่งถึงต่างประเทศ ?? แล้วปกติโก๊ะๆแบบนี้วันดีคืนดีจะได้ไปทำทัวร์เมืองนอกหรือครับ แหม๋ พูดเป็นหนังการ์ตูนอีกแล้วนะครับ คุณอุดม ?? | โดย: Job (พีอาร์ฯ ) [13 พ.ค. 53 13:01] ( IP A:61.90.10.55 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 New Moon ( ทไวไล๊ท์ นิวมูน ) .... 1 ดาว ....
.......................ตอนอ่านวิจารณ์หนังเรื่องนี้ของน้อง Dfh ในเวปบอร์ด ตอนนั้นอดคิดไม่ได้ว่าคุณน้องแกมีอคติกับหนังแนวรักโรแมนติกหรือเปล่า ? หรือว่าหมั่นไส้แคแรคเตอร์ตัวละครเฉยๆ ก็เลยด่าเป็นวรรคเป็นเวร แต่ที่ใหนได้ พอได้ดูหนังเวอร์ชั่นเต็มๆ สมใจแล้วไซร้ ~ โอ้โฮ คุณหมาป่าแวมไพร์ช่วยด้วย มันสุดห่วยเกินทนจริงๆ พ่ะยะค่ะ !! หนังเรื่องเนี้ยไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นหนังภาคต่อของหนังรักชั้นดีอย่าง Twilight ได้ เพราะมันช่างแตกต่างกันราว ฟ้ากับเหว เลยทีเดียว !! ภาคแรกปูเรื่องราวตัวละครได้ดี สร้างอุปสรรคได้น่าสนใจ แล้วก็เอาสไตล์ของนิยายน้ำเน่าคลาสสิกมาดัดแปลงได้เข้ากับยุคสมัย สร้างอารมณ์พาฝันแก่คนดูได้เป็นอย่างดี แต่ภาคนี้มันอะไร ? หนังเรื่องนี้แทบจะเขียนวิจารณ์ไม่ได้เลยนะครับ เพราะมันไม่มีเนื้อหาอะไรเลยสักนิดเดียว แถมยังยาวยืดเกินเหตุอีกต่างหาก 2 ชั่วโมงกว่า เสียเวลาไปกับฉากบ้าบอคอแตกอะไรไม่รู้ น่าตัดทิ้งได้แยะ
.......................บอกได้เลยครับว่า ประมาณ 60 % หรือท่อนแรกของเรื่องทั้งหมด ไม่ต้องถ่ายใหม่ก็ได้ เหมือนไปก๊อปเหตุการณ์มาจากภาคแรก แล้วมาบอกว่าเป็นภาคต่อ นี่มันหนังโรงหรือหนังซีรี่ย์ทางทีวีครับเนี่ย ? ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย นางเอกพระเอกก็พลอดรักกันต่อไป เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัว ? ใส่เพลงซาวแทรค ใส่สกอร์เข้าไป บิ๊วท์อารมณ์กันเข้าไป ทั้งๆที่มันไม่มีอะไรให้บิ๊วท์ !! ภาคแรกคือหนังชวนฝัน แต่ภาคนี้คือหนังที่ นางเอก " เพ้อเจ้อ " เพ้อคร่ำครวญ บ้าบอคอแตกอะไรไม่รู้อยู่คนเดียว เข้าใจว่าหนังคงสะท้อนอารมณ์ความสับสนในความเป็นวัยรุ่นของเด็กผู้หญิงที่อายุกำลังจะขึ้นวัยทีน .. หนังแบบนี้คงเหมาะแก่เด็กผู้หญิงอายุไม่เกิน 15 ขวบเท่านั้น เพราะถ้าอายุเกิน ก็คงสับสนว่า ชีจะเพ้อครวญอะไรของเธอมากมายได้ขนาดนั้น ?? เมื่อไม่มีอะไรขับเคลื่อนเรื่องราว หนังก็เรื่อยเปื่อย เนิบไปเรื่อยแบบไร้จุดหมาย ทรมานใจคนดูยิ่งนัก ~
.......................พล็อตหนังพยายามโยงเข้ากับเรื่อง Romeo & Juliet แต่อารมณ์มันไม่ได้ และธีมหนังมันไม่ใช่ครับ !! ดูหนังเรื่องนี้แล้วผมกลับคิดถึงวรรณกรรมพื้นบ้านของไทยอย่าง " ขุนช้าง ขุนแผน " ซะมากกว่า แล้ว นัง Bella ก็ไม่ใช่ใครอื่น ใช่แล้วครับ ก็คือนางวันทอง 2 ใจ นางเอกของเรื่องนั่นเอง ? จะแตกต่างกันก็ตรงบทสรุป เพราะว่า ทั้งขุนช้างขุนแผน ก็ดีกับ วันทองทั้งคู่ จนเธอเลือกไม่ได้ว่าจะเอาใคร สุดท้ายเลยโดนประหาร แต่ต่างกันตรง นังเบลล่านี่ สองใจจริงๆตอนที่ผัวไม่อยู่ แต่ถ้าผัวเก่ากลับมา เธอเลือกผัวเก่าแบบไม่ลังเล เฉดหัวคนที่เธอเคยอ่อยไว้ ให้ความหวังไว้สุดๆ ราวกับเค้าไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ !! คืองี้ครับ หนังภาคแรก ก็ปูทางไว้ชัดๆว่า ผู้ชายอีกคน ซึ่งก็คือนายเจค / เจคอบ / มนุษย์หมาป่าเนี่ย ก็หลงรักนางเอกมาแต่ภาคแรกแล้ว แต่นางเอกไม่เล่นด้วย ไปเล่นกับพ่อแวมไพร์ เอดเวิร์ดสุดหล่อ ตัวผอมซีด !! แต่ภาคนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป | โดย: Job (พีอาร์ฯ ) [13 พ.ค. 53 13:02] ( IP A:61.90.10.55 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 Amelia ( สู้เพื่อฝัน ... บินสุดขอบฟ้า ) .... 2 ดาว .....
........................หนังแนวอัตตชีวประวัติ หรือพูดง่ายๆว่า หนังที่สร้างเรื่องจริงของ คนสำคัญในประวัติศาสตร์ เป็นแนวหนังที่ผมชอบมาก แต่ผมกลับไม่รู้สึกชอบหนังเรื่องนี้เอาซะเลย !! อเมเลีย แอร์ฮาร์ท เป็น ผู้หญิงคนแรกที่ขับเครื่องบินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ได้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ !! และเธอก็ได้หายสาปสูญไป ระหว่างที่บินรอบโลกเพื่อสร้างสถิติเป็นเกียรติประวัติของตัวเอง แค่นี้ก็น่าติดตามดูแล้วครับ แต่ปรากฏว่า มิร่า แนร์ ผู้กำกับหญิงชาวอินเดีย หยิบเรื่องราวของ อเมเลีย มาเล่าแบบ กล้าๆกลัวๆ อ่ะครับ เหมือนพยายามจะดำรงข้อเท็จจริงตามประวัติของเธอ มากเกินไป ทั้งๆที่ผมคิดว่า หนังแนวนี้มันต้องเสริมนิด ตัดหน่อย เพื่อให้เรื่องราวมีสีสันครับ จะมางึกๆงักๆไม่ได้ จุดเดียวที่ถือว่าหนังทำได้ดีก็คือ การเลือก ฮิลลารี่ แสวงค์ ดาราหญิง 2 ออสการ์ มาเล่นเป็น อเมเลีย ซึ่งถือว่า ตัวจริงกับ นักแสดง แทบจะเหมือนกันมากๆๆ ดังที่เห็นภาพเปรียบเทียบในเครดิตท้ายเรื่อง
........................Amelia โฟกัสไปที่ชีวิตรัก ของ อเมเลีย กับช่วงเวลาแห่งความประสบความสำเร็จมากเกินไป แต่กลับแทบไม่ได้บอกเลยว่า กว่าจะขึ้นมาประสบความสำเร็จแบบที่เห็นนั้นได้ ต้องใช้ความพยายาม หรือฝึกฝน หรือโชค หรืออะไรมากขนาดใหน ? นี่บทจะได้บิน ก็ได้บินกันง่ายๆ บทจะสร้างสถิติ ก็ได้ผัวช่วยเหลือ แทบจะไม่ได้ลำบากอะไรเลย ทำให้ดูไป ง่วงเหงาหาวนอนไป ไม่ได้ลุ้นอะไรไปกับตัวละครเลยแม้แต่น้อย !! หนังมีดีตรงที่ได้โปรดักชั่นค่อนข้างดี มีฉากใหญ่ๆ เอ๊กสตร้าเยอะๆ หลายฉาก แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกน่าตื่นตาอะไรแต่อย่างใดเลย ? เมื่อครั้นหนังพยายามเล่าเรื่องแนวโรแมนติก แบบรักสามเส้า ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องราวคืบหน้าไปแต่อย่างใด บทกิ๊กจะเข้ามาง่าย ก็ง่ายๆ บทจะจากไปก็ง่ายๆ สรุปแล้ว หนังเรื่องนี้ไม่ได้พยายามจะเป็น Aviator แต่กลับทำตัวเป็นหนังภาคต่อของ New Moon 2 ซะงั้น !!
........................แตกต่างกันตรงที่ New Moon นางเอกเบลล่านั้น สวยแต่เลือกไม่ได้ ขณะที่นางเอก Amelia กลับ " ไม่สวยแต่เลือกได้ " !! คิดดูมีสามี ทั้งหล่อและดีอย่าง Richard Gere มหาเศรษฐีใจงามจาก Pretty Woman นางเอกอย่าง Hillary Swank มาดทอมๆแบบนั้น ยังอุตส่าห์นอกใจไปกิ๊กกับ พ่ออีวาน แมคแกรเกอร์ แห่ง Moulin Rouge ได้อีกนะคนเรา .. ก็เข้าใจนะว่า พ่ออีวาน หล่อใสซะขนาดนั้น !! กลับมาที่หนังอีกครั้ง นอกจากหนังพยายามไล่ตามลำดับเวลาแล้ว หนังก็ไม่ได้สะท้อนความรู้สึกของตัวละครเลยแม้แต่นิด สรุปนะครับ นางเอกไม่ได้มีความพยายามสู้เพื่อฝันอะไรสักนิด การได้เป็นไอค่อน คนสำคัญของประวัติศาสตร์ ก็แค่ เธอใช้สื่อเป็น และมีเจ้าพ่อสื่ออยู่ข้างกาย ก็เลยกลายเป็นดาวดังของสังคมได้ มันสะท้อนอะไรครับ ? นอกซะจากว่า ถ้าใครมีสื่อ และใช้สื่อเป็น ก็จะดังได้แบบเธอคนนี้นี่แหละ ~ | โดย: Job (พีอาร์ฯ ) [14 พ.ค. 53 19:12] ( IP A:125.25.215.119 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 After so many years of online experience, I can only say that we have been working on different subjects that can help you a lot, check teachersforpeace.org, for instance, one of our newest websites offering cheap services worldwide. | โดย: coj2222@gmail.com [7 ธ.ค. 64 20:54] ( IP A:172.17.0.1 X: ) |  |
|