มหาลัย' เหมืองแร่ " ....ให้อะไร ( คุณ
   " มหาลัย' เหมืองแร่ " ....ให้อะไร ( คุณ ) ??
................ สำหรับผม หลังจากที่ดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบลงผมให้คำตอบตัวเอง ได้ สองคำตอบ.....ข้อแรก ภาพยนตร์ที่ดูเหมือนจะเป็น ดราม่าหนักๆ เรื่องนี้ จริงๆแล้วเป็นหนังที่ " บันเทิง " มาก อย่างไม่น่าเชื่อ ....ข้อสอง เรื่องนี้เป็นหนังที่ Feel Good และให้อารมณ์ถวิลหาอดีต ได้แบบซึ้งๆและงดงามในความรู้สึก

................แง่ของความบันเทิง ไม่ต้องปฏิเสธเลยว่า นี่คือหนังที่สอบผ่านด้วยคะแนนสวยงามครับ แต่ว่าในแง่ของคุณค่าสาระ หนังเรื่องนี้ยังค่อนข้างเป็นที่ กังขา อยู่พอสมควร ( ในสายตาผม ) ด้วยความที่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ เล่าโดยลักษณะ ใช้เสียงบรรยาย ตลอดเรื่อง ทั้งๆที่เป็นสื่อภาพยนตร์ จริงๆ หนังเรื่องนี้ น่าจะเล่าเรื่องด้วยภาพได้ โดยไม่ต้องใช้คำพูดยัดปากตัวละครตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่า คุณเก้ง ยังไม่กล้าพอที่จะฉีกเรื่องราวให้ออกมาในรูปแบบที่ต่างจากหนังสือ

.................ตัวละครของคุณอาจินต์ ก็มีหลายจุดที่ผมดูแล้วรู้สึกสงสัยอยู่ตงิดๆ เพราะหนังไม่ได้ให้แบคกราวน์มาเท่าที่ควร หนังบอกว่า คุณอาจินต์ ยากจน ?? แต่ก้อไม่ได้บอกเหตุผลตรงๆว่า ทำไมคุณอาจินต์ ถึงได้ตัดสินใจมาอยู่ เหมืองแร่แห่งนี้ ( จะว่าทางบ้านส่งมา หรือ ตัวคุณอาจินต์มาเอง ก็ไม่ชัดเจน หรือว่า มาเพื่อจุดประสงค์อะไรแน่ชัด ก็ไม่ทราบ ) เท่าที่ดู จากนิสิตจุฬาฯ มาอยู่กลางป่ากลางดง โดยไม่มีการเตรียมตัวล่วงหน้า แทบไม่น่าเชื่อว่าจะปรับตัวเข้ากับชีวิตกรรมกรเหมืองแร่ ได้ง่ายและรวดเร็วปานนั้น ( ไม่มีแม้แต่ช่วงเวลาที่คิดอยากกลับบ้านเลยเหรอ?? )

.................ภาพยนตร์เรื่องนี้ บอกว่า ตัวละครได้เรียนรู้ชีวิต แต่ผมกลับรู้สึกว่า สิ่งที่หนังพูด เป็นเรื่องของ " นามธรรม " ไม่ใช่ " รูปธรรม " .... อธิบายง่ายๆ ผมรู้สึกสงสัยว่า ตัวละครในหนัง เรียนรู้และเติบโตขึ้นยังไงบ้างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวละครมีพัฒนาการอย่างไร และคนดูได้มีโอกาสซึมซับอะไร และเรียนรู้อะไรไปพร้อมกับตัวละครบ้าง ?? เพราะเท่าที่เห็น ตัวละครพูดๆๆ แล้วก็เล่าๆๆๆ แต่กลับไม่ค่อยทำให้คนดู " เห็น " เท่าไหร่นัก

.................สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ คุณอาจินต์ ได้จาก เหมืองแร่ ที่เป็นรูปธรรมคืออะไร??... เพราะแม้แต่วิชาการที่ได้ศึกษามา คุณอาจินต์ก็ไม่ได้นำมาใช้ในชีวิต ( เอ หรือนำมาใช้ หนังก็ไม่ได้บอกต่อเสียด้วย ) <== เพราะหนังบอกว่า คุณอาจินต์มาเป็นนักเขียน??? อย่างไรก็ดี สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ หนังเรื่องนี้ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างปราณีต เห็นได้ชัดถึงความตั้งใจ ทุ่มเท ลงทุนลงแรง และผ่านกระบวนการทางความคิดอย่างมหาศาล ก่อนจะออกมาเป็นภาพให้เห็น งานกำกับภาพและโปรดักชั่นดีไซน์รวมถึงดนตรีประกอบ และรายละเอี่ยดอื่นๆ อยู่ในเกณฑ์ดีเยี่ยม แม้ตัวละครอาจจะเล่นได้ไม่ดีนัก แต่ก็มีการแคสติ้งที่เหมาะสมกับบทอย่างมาก สรุปให้ 2ดาวครึ่งครับ

โดย: joblovenuk (เจ้าบ้าน ) [6 มิ.ย. 48 2:41] ( IP A:202.133.139.188 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
Counter : 4041 Pageviews
ความคิดเห็นที่ 1
   Sin city ( เมืองคนตายยาก ) 3ดาว.....

.................วัตถุดิบชั้นดีที่นำมาเป็นต้นทุนสำหรับการสร้างหนัง อาจไม่เพียงพอ ถ้าคนทำหนังไม่มีวิสัยทัศน์ที่แปลกใหม่และก้าวล้ำเพียงพอสำหรับการนำเสนอ ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน โรเบิร์ต โรดิเกวซ ดัดแปลงการ์ตูนนัวร์ฯ เรื่องนี้ให้ออกมาเป็นภาพยนตร์ ในสไตล์ ของเค้า ได้อย่างเจ๋งเหลือเชื่อ

.................Sin city อาจจะเป็นแค่เมืองในการ์ตูนหรือในโลกภาพยนตร์ ทว่า เรื่องราวหลากหลายชีวิตของเมืองคนบาปแห่งนี้ กลับทำให้ผมรู้สึกลึกๆว่า เอ๊ะ มันคล้ายเมืองที่ใหนที่ผมเคยเห็นมาก่อนกันนะ ?? บางที โลกอาจจะเป็น โรงละครโรงใหญ่โรงนึงก็ได้ หรือว่า ทุกสิ่งที่เราเห็น ก็อาจจะเป็นเพียงมายาลวงตาที่บงการจากใครสักคน......ไม่แปลก ถ้าผม (หรือใคร) จะดูหนังเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่า บางที เราก็อาจจะเป็นหรือไม่ต่างจาก พวกคนบาปในหนังเรื่องนี้อีกคนก็เป็นได้

................มือปืนรับจ้าง , สาวแดนเซอร์ , โสเภณี , ฆาตกรใจโหด , ตำรวจขี้ฉ้อ , ผู้ทรงศีลคาวโลกีย์ , ลูกนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล , นักการเมืองโฉด , ตำรวจตงฉิน , ทหารรับจ้าง , ฯลฯ และอีกหลายชีวิต ซึ่งล้วนคล้ายจำลองมาจากประเทศแถบเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกนำมาร้อยเรียงต่อเนื่องกันด้วยเหตุการณ์ที่ไม่เรียงลำดับเวลา แต่เชื่อมโยงกันอย่างกลมกลืน .....

.................. ตลอดเรื่องเต็มไปด้วยสถานการณ์พลิกผันที่คาดเดาไม่ค่อยได้ หญิงร้าย ชายเลว และแผนการณ์ที่ถูกวางไว้ ไม่ว่าจะเป็นกัปดักหรือว่าการจัดฉาก เซอร์ไพรซ์ที่ถูกระดมยิงมาเป็นระยะ มุขตลกร้ายๆ ที่สร้างเสียงหัวเราะได้อย่างสม่ำเสมอตลอดเรื่อง ล้วนได้ผลเป็นส่วนใหญ่ .. ดาราเก๋าๆ รวมถึงดาราดังๆพาเหรดมาร่วมจอกันคับคั่ง แล้วก็เล่นกันได้บ้าทะลุจอดีจริงๆ ....แต่ที่ต้องยกเครดิตให้เป็นพิเศษก็คือสไตล์การเล่าเรื่องของโรดวิเกวซ และเทคนิคในการใช้สีและสไตล์ภาพในการถ่ายออกมา รวมถึงการจัดวางเฟรมภาพ ล้วนเป็นเสน่ห์ของหนังเรื่องนี้ ( ซึ่งหากถ่ายทำออกมาเป็นไฮคอนทราส เน้นโทนแสงเหมือนหนังฟิล์มนัวร์ทั่วไป หนังก็จะออกมาดูเชยๆและธรรมดากว่านี้มาก ) นอกเหนือจากนี้แล้ว หนังเรื่องนี้ยังทำให้ผมเห็นว่า การเล่าเรื่องแบบ voice over ( ที่ผมไม่เคยชอบเลยเนี่ย )
ถ้าอยู่ในหนังที่ถูกจังหวะและลงตัว มันก็เป็นวิธีการเล่าเรื่องที่เหมาะสมอย่างไม่น่าเชื่อ ......

ป.ล. หนังสนุกและดีแบบนี้ ขอบอกว่า ไม่น่าพลาดครับ

โดย: joblovenuk (เจ้าบ้าน ) [6 มิ.ย. 48 2:44] ( IP A:202.133.139.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   Electric Shadows ( สามดาว )

.................หากคุณชื่นชอบ ภาพยนตร์ อย่าง " แฟนฉัน " หรือ " cinema paradiso " ผมคิดว่าคุณจะต้องหลงรักภาพยนตร์เรื่องนี้แน่นอน เพราะ electric shadows เป็นเหมือนส่วนผสมของหนังสองเรื่องที่กล่าวมา หรือถึงแม้นว่าคุณจะไม่ชอบหนังสองเรื่องข้างต้น แต่ถ้าคุณเป็นคนรักหนังแล้วไซร้ ผมมั่นใจเลยว่า คุณต้องชอบหนังเรื่องนี้แน่ๆ

................หนังพาคนดูไปพบกับ เจ้าหนุ่มส่งน้ำสุดซวยซึ่งบังเอิญขี่จักรยานไปชนกองอิฐหกล้ม จากนั้นก็โดนสาวเจ้าที่โผล่มาจากใหนก็ไม่รู้ เอาอิฐฟาดหัว โป๊กๆๆ สลบ ก่อนที่จะโดนตำรวจลากไปดำเนินคดี สาวรายนั้นก็ขอร้องหนุ่มส่งน้ำให้ดูแล " ปลา " ในอพาร์ทเมนท์ของเธอด้วย ....แม้จะลังเลในทีแรก แต่แล้ว พ่อหนุ่มส่งน้ำ ก็ตัดสินใจเข้าไปดูแลอพาร์ตเม้นท์ให้เธอ ( แหม๋ พลอตยังก๊ะ chungking express แต่เปล่า ไม่เหมือนกันหรอกครับ)

.................ภายในอพาร์ตเมนท์แห่งนั้น (จริงๆน่าจะเรียกว่าคอนโดสุดหรู มากกว่า ) เป็นเสมือนสวรรค์ของคนรักหนัง นอกจากมีห้องฉายหนังอย่างดี ฟิล์มหนังจำนวนมากมาย และคอลเลคชั่นเกี่ยวกับหนังอีกเพียบ หลังจากเริ่มทำความคุ้นเคย กับฟิล์มหนัง?? และสิ่งรอบๆตัวแล้วพ่อหนุ่มส่งน้ำก็เจอะเจอกับสมุดบันทึกเล่มนึง ซึ่งเล่าเรื่องราวความเป็นมาในอดีตของ แม่สาว " ปริศนา " รายนั้น ซึ่งคนดูก็จะถูกนำพาย้อนกลับไปสู่ภาพแห่งอดีต ไปพร้อมๆกับตัวละครในเรื่อง

...................เห็นเป็นหนังจากจีนแผ่นดินใหญ่ แถมฟอร์มเล็กแบบหนังนอกกระแส อย่าเพิ่งคิดว่าหนังจะอาร์ตจ๋า ต้องปีนกระไดดู หรือว่าต้องคิดซับซ้อนจนน่าปวดหัว แบบผู้กำกับรุ่นที่4 รุ่นที่5 รุ่นที่6 ไรนั่นนะครับ จริงๆแล้วหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่เรียบง่าย กินใจ และเข้าถึงทุกๆคนได้อย่างสบายๆครับ หนังมีการถ่ายภาพที่สวยงามสุดๆ ดนตรีประกอบที่เร้าอารมณ์อย่างได้จังหวะ สัญลักษณ์ในหนังหากมีก็เป็นการอุปมาอุปไมย ให้คนดูได้เข้าใจถึงสภาพจิตใจของตัวละครในหนัง และเล่าเรื่องด้วยภาษาภาพแบบง่ายๆ

...................หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของคนรักหนัง ในบ้านเมืองยุคที่ผู้คนยังมีความผูกพันกับสื่อภาพยนตร์กันอย่างเหนียวแน่น (หนังใช้คำว่า ยุคทองของภาพยนตร์) ดังนั้นการที่พวกเราได้มีโอกาสดูเรื่องราวของคนที่หัวอกเดียวกัน โลดแล่นอยู่บนจอผืนผ้าใบสีขาวแบบนี้แล้วไซร้ คงจะทำให้หลายๆคนรู้สึกเหมือนท่องไปบนจอภาพยนตร์ยังไงยังงั้นเลย เรียกว่า หนังเรื่องนี้ เป็นหนังเพื่อคนรักหนังอย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีบางจุดที่หนังยังเฉลยไม่ชัดเจนเท่าไหร่ อย่างไรก็ดีผมเชื่อว่าการได้ดูหนังเรื่องนี้ คือการเดินทางที่จะสร้างความดื่มด่ำและประทับใจให้คุณๆได้อย่างแน่นอนครับ

ป.ล. หนังเริ่มฉาย 9 มิ.ย. ที่โรงภาพยนตร์ลิโด้ ในโครงการ little big film project 9 .... ขอขอบคุณคุณซกเล็ก อีกครั้ง ที่เชิญไปชมรอบเพรสมาทางหลังไมค์นะครับ

โดย: joblovenuk (เจ้าบ้าน ) [6 มิ.ย. 48 2:49] ( IP A:202.133.139.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
    แถมท้ายสำหรับ miracle of bern หนังนอกกระแสจากเยอรมันอีกสักเรื่องละกันนะครับ (ฉายอยู่ที่ house โรงหนังอาร์ตเฮ๊าส์ของเมืองไทย)

.................หนังทำเงินถล่มทลายในเยอรมัน ประเทศบ้านเกิด ได้ข่าวว่าค่ายหนังที่ไปซื้อมาฉายบ้านเรา ก็ควักเป๋าไปไม่น้อยเหมือนกัน แต่พอมาลงโรงบ้านเราที่ house โรงเดียว กลับมีคนดูบางตาแทบนับหัวได้ รอบผมไปดูมี3คน เห็นคนอื่นๆก็บอกว่ามีรอบละ2คนบ้าง 3คนบ้าง น่าอนาถใจจริงๆ

.....................หนังเป็นเรื่องราวแนว coming of age ที่มีหน้าหนังเป็นหนังฟุตบอลครับ แต่จริงๆแล้ว มันเป็นหนังดราม่าตะหาก เรื่องราวของครอบครัวๆนึง ซึ่งพ่อ ซึ่งเคยเป็นผู้นำครอบครัว กำลังจะกลับมาอยู่ร่วมกัน หลังจากถูกจับเป็นเชลยศึกในรัสเซียนานถึง 11ปีกว่า ทุกคนในครอบครัวก็จักต้องเรียนรู้ที่จะพยายามประสานรอยร้าว แล้วก็ใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้ง หลังจากสูญเสียช่วงเวลาดีๆไปนานมาก โดยมีแบคกราว พล็อตรองเป็นการแข่งขันฟุตบอลโลก 1952 ที่สวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งเยอรมันพลิกล็อคคว้าแชมป์โลกมาครองได้

......................หนังเรื่องนี้คงเป็นเหมือนเครื่องปลอบประโลม และเป็นสิ่งแทนคำพูดของชาวเยอรมัน สำหรับกรณีเหตุการณ์สงครามโลกครั้งที่สองของชาวเยอรมัน ซึ่งเยอรมันเป็นฝ่ายผิด ในหนังเรื่องนี้เราจะได้เห็นว่า วัยรุ่นและคนเยอรมัน รู้สึกอย่างไร กับความบอบช้ำของสงคราม กับสิ่งที่ทหารเยอรมัน และพวกนาซี ทำลงไปตอนสงครามโลก เราจะได้เห็นภาพทหารที่พ่ายแพ้เป็นเชลยกลับบ้าน เห็นภาพคนที่ล้มเหลว สำนึกผิด และพยายามปรับตัวเข้ากับสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นมุมมองแบบของชาวเยอรมัน ซึ่งไม่มีทางดูได้ในหนังของฮอลลีวู๊ด

.....................จุดด้อยข้อใหญ่สำหรับหนังเรื่องนี้ก็คือ หนังอาจจะมีเนื้อหาที่เป็นเรื่องราวส่วนตัวของประเทศเยอรมันเกินไป (ไม่มีเนื้อหาสากล เมื่อเทียบเท่ากับหนังแนวนี้หลายๆเรื่อง ยกตัวอย่าง billy elliot ) ทำให้คนดูซึ่งเป็นเยอรมันน่าจะอินกับเรื่องราวในหนังมากมาย รวมถึงการได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละครในหนัง ก็น่าจะช่วยได้มาก ขณะที่คนดูชาติอื่น อาจจะไม่รู้สึกสะเทือนใจ หรือว่ามีอารมณ์ร่วมมาก เหมือนคนดูที่เป็นคนเยอรมัน อย่างไรก็ดี ถือว่าเป็นหนังตลาดทางเลือก ( ย้ำ หนังเรื่องนี้หนังตลาดจ๋า ) ที่น่าสนใจ สำหรับคนดูหนัง ที่อยากเรียนรู้ความเป็นไปในโลก โดยมองต่างมุมบ้าง หนังดูสนุกสนานเพลินๆในระดับหนึ่งครับ ให้สองดาวกว่า ๆ

โดย: joblovenuk (เจ้าบ้าน ) [6 มิ.ย. 48 2:57] ( IP A:202.133.139.188 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   
เสาร์ - อาทิตย์ที่ผ่านมา มีโอกาสไปดู sin city และมหา"ลัยเหมืองแร่

เรื่องแรก...นั่งดูไปงงไปจนจบ...แต่สนุก
เพราะอย่างที่จ๊อบบอก...ไมเรียงลำดับเหตุการณ์...แต่ร้อยกันได้อย่างลงตัว

เรื่องที่สอง...ประทับใจ...ได้กลิ่นอายของ "ลูกผู้ชาย" ในยุคนั้น
โดย: Betty Boop [6 มิ.ย. 48 5:41] ( IP A:58.10.26.181 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   อืม...สำหรับคนที่ไม่เคยรู้แบล็คกราวด์หนังเรื่องนี้มาก่อนก็คงไม่เคลียร์อย่างพี่จ๊อบนี่ล่ะค่ะ

หลังจากที่อาจินต์โดนไทร์แล้ว ก็ได้รับจดหมายจากพ่อซึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด ((อะไรไม่รู้หนูจำไม่ได้)) ส่งตัวให้ไปดัดสันดานที่เหมืองอ่ะ ไม่ใช่ไปทำงานหาเงิน พอเหมืองเลิกพี่สาวก็เลยดึงเข้ามาทำงานในวงการหนังสือก่อนที่จะมาเป็นนักเขียนอ่ะค่ะ

อย่างที่พี่จ๊อบว่า หนังเรื่องนี้ดูเอาสนุกน่ะล่ะค่ะดีแล้ว
พักหลังๆนี่หนูไม่เคยคาดหวังกับหนังอะไร ก็เลยไม่ผิดหวังกับการดู 555

ดูหนังเพื่ออะไรพี่จ๊อบขา
ความเพลิดเพลินใจ ?? เรียนรู้โลกอีกใบที่เราไม่เคยสัมผัส??
เปิดมุม-เปิดจินตนาการ?? หรือดูมาวิเคราะห์วิจารณ์??

แต่ที่ต้องยอมรับคือ....ดนตรี...เหมือนกันป่ะคะ
โดย: หนูเกร๋เพิ่งกลับจากใต้ชิล-ชิล [6 มิ.ย. 48 14:38] ( IP A:61.90.82.57 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   ....ตอบน้องเกร๋.....
.............ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงาครับ ผมเพิ่งทราบตอนหลังจากกระทู้ที่มีคนมาจวกผมเพียบ หลังจากแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องเหมืองแร่ไว้ใน พันธ์ทิพย์..... https://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A3505932/A3505932.html#54

............แต่ในหนังไม่ได้บอกไว้ แล้วผมก็ไม่ทราบหรอกครับ ว่าจะพิสูจน์ตัวเอง ทำไมต้องไปเหมือง มีวิธีพิสูจน์ตัวเองแบบอื่นอีกใหม๊? หรือว่า การทำเหมืองแร่เป็นทางออกทางเดียวที่จะดัดนิสัยได้? และผมก็ไม่เห็นว่า ทำไมคุณอาจินต์ซึ่งเคยเกกมะเหรก เป็นเด็กเกเร เกือบเสียผู้เสียคน ถึงได้หันมาฮึดสู้ พิสูจน์ตัวเองแบบกระทันหัน เมื่อโดนส่งไปเหมือง ฯลฯ มีคำถามแบบนี้อีกเยอะในหนังเรื่องนี้ ที่ผมคิดว่า คนทำหนังไม่ได้สรุปให้ผมทราบออกมาอย่างชัดเจนเพียงพอ

................แล้วเทียบคุณอาจินต์ กะ มดดำ นี่มันร้ายแรงมากเลยเหรอ ทั้งๆที่เนื้อหาก็คล้ายๆกัน ไฮโซบ้านนอก คนละเวอร์ชันๆแค่นั้นเอง .....ถามผมว่าดูหนังเพื่ออะไร ตอบสั้นๆชัดเจนเลยว่า ดูเพื่อความบันเทิงล้วนๆ แต่ถ้าดูแล้วได้สาระหรืออะไรให้มาขบคิด หลังดูหนังจบ หรือว่าได้มีโอกาสเรียนรู้ชีวิตเพิ่มขึ้น หรือว่า ได้รู้สึกเอิบอิ่มตื้นตัน หรือบรรลุอะไรสักอย่าง หลังจากที่ดูภาพบนจอหนังไปจนจบเรื่องแล้ว อันนี้ผมถือว่าเป็นโบนัส ... ถึงเรื่องราวของคนอื่น อาจจะน่าสนใจบ้าง ไม่น่าสนใจบ้าง อาจจะเป็นชีวิตที่น่าศึกษา ชีวิตที่ล้มเหลว หรือน่าเบื่อหน่าย แต่อย่างน้อย เราก็มีโอกาสได้รับรู้ ได้ดู ได้มีโอกาสแทนตัวเองกับเขาเหล่านั้น หรือพูดง่ายๆว่ามีโอกาสได้ซึมซับประสบการณ์ชีวิตแบบเค้า โดยที่เราไม่ต้องลงทุนเอาตัวเข้าไปแลกอย่างเขา เงินแค่80บาทหรือ100บาท ถ้าซื้อประสบการณ์ชีวิตของคน1คน (หรือหลายคนได้ ) ผมก็นับว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอย่างมหาศาล ส่วนเรื่องวิเคราะห์วิจารณ์ ผมคิดว่า หลังจากดูหนังจบลง ผมก็อยากแสดงความคิดเห็นสนุกๆไปตามประสาน่ะครับ ไม่เคยคิดเข้าไปนั่งดูอย่างละเอียด จดบันทึกอะไรเอามาวิเคราะห์แบบนั้นหรอกครับ ......เห็นด้วยว่างานดนตรีเพราะมาก เสียดายไม่มีซาวแทรคออกมาขาย ไม่งั้นก็จะซื้อ
โดย: joblovenuk [6 มิ.ย. 48 23:39] ( IP A:202.133.136.71 X: )
ความคิดเห็นที่ 7
   อยากดูเหมือนกันค่ะ มหาลัย'เหมืองแร่ ถ้าหาโอกาสรึหาคนไปนั่งเป็นเพื่อนข้าง ๆ ได้ก็คงจะไปดูอ่ะค่ะ

แต่ถ้าจะให้ได้บรรยากาศจริง ๆ สงสัยต้องลงทุนไปนั่งดูที่ใต้ กะหนุ่มใต้จั๊กกะหน่อย....อิอิ แบบว่าจะได้อิน เข้าถึงบทของหนังอย่างถ่องแท้....เหอ ๆ
โดย: นู๋รัตน์คนจ๋วย [7 มิ.ย. 48 8:37] ( IP A:221.128.98.121 X: )
ความคิดเห็นที่ 8
   อูย.............โดนซะเพียบนะพี่จ๊อบ

ขออีกนิดได้ป่ะ...ไม่ว่ากันเนอะ
คือไอ้หนังสือ มหาลัยเหมืองแร่ เนี่ยมันเป็นความฝันของพี่เก้งแกเลยที่จะสร้างชีวิตให้กับตัวละครมาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์ม โดยที่ยังคงยึดหนังสือเป็นหลัก แต่ด้วยฝีมือผู้กำกับ+เขียนบทระดับพี่เก้ง ก็ผิดเป็นธรรมดาค่ะ คือมันน่าที่จะดีกว่านี้ แต่อีกนั่นล่ะ พี่เก้งแกอาจจะอยากให้มันสมบูรณ์แบบกว่านี้ก็ได้ แต่ความจำเป็นบางอย่างมันก็บับให้ไม่สามารถทำอย่างใจได้ทั้งหมด

หุหุ เอางั้นเลยนะรัตน์ อยากเข้าถึงบรรยากาศก็ต้องดูกะหนุ่มใต้งั้นเหรอ งั้นแว้บไปดูด้วยกันที่ใต้เลยจิ อิอิ ให้เข้าถึงบรรยากาศมากยิ่งขึ้นไง
โดย: หนูเกร๋ชิล-ชิล [7 มิ.ย. 48 12:06] ( IP A:203.170.131.73 X: )
ความคิดเห็นที่ 15
   ภาพยนต์เรื่องนี้ เป็นแรงบันดานใจ ให้หนูเลยค่ะ
ใครอ่านก็อาจจะไม่เข้าใจ แต่ยังไง หนูก็ยังอยากมีชีวิต
ที่ลำบาก เพื่อดัดสันดานตัวเอง ถ้าหนูเข้ามหาวิทยาลัย
หนูจะเข้ามหาลัยไกลๆเพื่อที่จะได้รู้ว่า หนูจะอยู่ได้ไหมถ้าไม่มีพ่อแม่
ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ อยากทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างในบางครั้ง
บ้านหนูอยู่นครสวรรค์แต่หนูอยากจะลำบากไปเยนที่มหาลัยแห่งหนึ่งในเชียงราย เป็นมหาลัยที่ดัดดาน ไกลผู้ไกลคน ห่างจากตัวเมืองหลายๆกิโลเมตร สักวันนึ่งหนูจะต้องมีการพิสุจตัวเองแบบนั้นให้ได้
หนูขอขอบคุณ คุณอาจินต์ ที่ถ่ายทอดภาพยนต์เรื่องนี้ค่ะ

โดย: kwankaw2011@hotmail.com [19 ส.ค. 54 18:23] ( IP A:118.172.182.1 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน