(( วิจารณ์ The Artist / The Skin I live in / บางกอกกังฟู ))
   The artist ( บรรเลงฝัน บันดาลรัก ) .... 3 ดาว ....

..................หนังเรื่องนี้เป็นหนังฝรั่งเศส ไม่ใช่หนังอาร์ตปีนกะไดแต่อย่างไร ถึงจะได้รางวัลออสการ์ สาขาหลักๆรวม 5 รางวัล ถึงจะเป็นหนังขาวดำ และดูคล้ายหนังเงียบ แต่จริงๆมันไม่ใช่หนังเงียบนะครับ มันมีเสียงอยู่อย่างน้อย 2 - 3 ฉาก และมันทำให้เราระลึกถึงช่วงยุครุ่งโรจน์ของวงการฮอลลีวู๊ด สมัยทำหนังเงียบแรกเริ่ม หนังอาศัยเสน่ห์แบบหนังเก่า และอารมณ์แบบนอสตาลเจีย หวนระลึกถึงช่วงอดีตอันงดงาม มาส่งเสริมสร้างความรู้สึกดีๆให้กับคนดูหนัง และด้วยเทคนิคการเล่าเรื่องอย่างยอดเยี่ยมของผู้กำกับทำให้หนังเรื่องนี้ออกมาสนุกและน่าดูมาก ทั้งที่หนังเงียบเกือบทั้งเรื่อง หนังใช้วิธีเล่าเรื่องโดยใช้ไดอาล๊อกสอดแทรกลงมาเป็นช่วงๆ และใช้ดนตรีประกอบเป็นตัวนำพาเรื่องให้ก้าวออกไปข้างหน้าเรื่อยๆ ในยุคสมัยนี้เรื่องของเสียง เอฟเฟคซ์เสียง และการบันทึกเสียงในหนังนี้ มันเนรมิตได้แทบทุกเสียงบนโลกหรือจักรวาลนี้แล้ว จะเอาเดซิเบลน้อยหรือสูงมากแค่ใหนก็ทำได้ เอาให้สมจริงสุดๆแค่ใหนก็เนรมิตได้หมด การดูหนังเรื่องนี้ก็เหมือนกับการย้อนกลับคืนไปสู่สามัญนั่นแหละครับ บางทีเสียงที่ไพเราะที่สุดก็คือความเงียบก็เป็นได้ เหมือนเวลาเราฟังเพลงเพราะๆติดกันหลายชั่วโมง แล้วพอลองปิดเพลงให้เหลือแต่ความเงียบสิครับ นาทีนั้นผมว่าเราจะรู้สึกว่าความเงียบมันช่างเพราะเสียจริงๆ

..................The artist พาคนดูย้อนกลับไปในยุคทศวรรษ 1920 ณ ดินแดน ฮอลลีวู๊ด ช่วงที่เพิ่งมีการทำหนังเงียบออกมาในโลกใหม่ๆ เล่าถึงพระเอกสุดหล่อยุคหนังเงียบชื่อจอร์จ วาเลนทิน ที่ต้องต่อสู้ฟันผ่าผ่านช่วงยุคทองหนังเงียบจนเริ่มมาถึงการมาของหนังเสียง กับตัวแทนของคนรุ่นใหม่อย่างนางเอก peppy แน่นอนว่าการที่พระเอกไม่ยอมปรับตัวและหัวเราะเยาะใส่เทคโนโลยีใหม่อย่างหนังเสียง ทำให้ วาเลนทิน กลายเป็นดาราตกยุค ตกอับ เค้าจะกลับมาได้หรือเปล่า ต้องไปดูหนังกันเอง หนังเล่าเรื่องแบบเรียบง่าย ไม่มีหักมุม ซับซ้อนชวนงง เหมือนเราได้ดูหนังเงียบเรื่องหนึ่งเลย แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ดูหนังแบบนี้มานานแสนนานแล้วในโรง เท่าที่จำความได้ ผมเคยดูหนังขาวดำในโรงแค่ 3 เรื่องเท่านั้นตลอด 25 ปีที่ได้ดูหนังโรงมา ทั้งสามเรื่องก็ดีทั้งหมด ไม่ใช่ว่าทำเป็นขาวดำแล้วมันจะดี แต่มันต้องดีด้วยเนื้อหาและก็เรื่องราวของมัน รวมถึงวิธีการกำกับหนังให้ออกมาเป็นรูปร่างด้วย ซึ่งผู้กำกับก็ทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์ลงตัว เป็นงานที่น่าประทับใจและซาบซึ้งในระดับหนึ่ง อาจจะไม่ใช่อะไรที่สุดยอด แต่ก็ทำให้เราได้หวนระลึกถึงยุคทอง และภาพอดีตอันแสนจะงดงาม ด้วยงานภาพที่สุดเนี๊ยบนิ้ง

..................ดนตรีประกอบเรื่องนี้ต้องบอกว่าสุดยอดมาก ที่เอาหนังทั้งเรื่องอยู่ แล้วก็หวานสนุก ขำขื่นไปพร้อมๆกัน จังหวะเมโลดี้นี่จะติดหูมากๆ เพราะมันเหมือนกันเป็นบทภาพยนตร์ดีๆนี่เอง ทำให้เราเข้าใจเรื่องราวแมัจะไม่ได้ยินบทสนทนาที่ตัวละครพูดกันเลยก็ตามที และเมื่อมาถึงฉากสำคัญสองสามฉาก ที่เราเกิดได้ยินเสียงขึ้นมาในหนัง เราก็จะรู้สึกว่า โอ แค่เสียงเล็กๆอย่างของตก คนหัวเราะ หรือใบไม้ร่วง มันก็ช่าง น้อยนิดมหาศาลยิ่งนัก เพราะความที่เราไม่ได้ยินเสียงอะไรมาก่อน ก็เหมือนคนในยุคนั้นน่ะแหละครับ ที่ เคยดูแต่หนังเงียบ พอมาเจอหนังเสียงก็ย่อมตื่นตาตื่นใจเป็นธรรมดา เหมือนสมัยเรามีหนัง สามมิติ สี่มิติ ดิจิตอล วิลิสมาหรา มันก็จะตื่นตาตื่นเต้นเป็นธรรมดา แต่เทคโนโลยีทั้งหลายเหล่านี้มันก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตราบใดที่คุณค่า คุณภาพภายในตัวของมันเต็มเปี่ยม ทำให้คนดูฝันอย่างมีสุข ค้นพบอะไรบางอย่าง มันก็ยังคงอยู่กับคนดูชั่วนิรันดร์ แต่ถ้ามันซ้ำซาก เลอะเทอะ สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นสินค้าตกยุค กลายเป็นของเลหลัง ไร้คุณค่า ไม่มีใครพูดถึงเป็นธรรมดา อีกอย่างที่ต้องชื่นชมก็คือ การแสดงของดารานำทั้งพระ นาง และตัวประกอบที่ส่งเสริมให้หนังเรื่องนี้ออกมาดูดีอย่างที่สุด

โดย: Joblovenuk (พีอาร์ฯ ) [11 มี.ค. 55 12:16] ( IP A:124.121.151.18 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
Counter : 2166 Pageviews
ความคิดเห็นที่ 1
   The Skin I live in ( สามดาว )

..................เจ้าป้าอัลโมโดวาร์ ยังคงรักษามาตรฐานการทำหนังชั้นเลิศล้ำเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ไม่มีข้อกังขา หนังเจ้าป้านั้นถ้ามาฉายโรงบ้านเราก็การันตีคุณภาพตั้งแต่เคยดูมาไม่มีหนังห่วย มีแต่หนังดีถึงดีมากเท่านั้น ไม่ว่าจะได้รางวัลหรือไม่ได้ก็ตามไม่มีเงื่อนไข อย่างเรื่องล่าสุดนี้ได้ชิงลูกโลกทองคำ แต่ไม่ได้ชิงออสการ์ ก็ไม่น่าแปลกใจเพราะเนื้อหามันวิปลาสมาก ถ้าได้ชิงออสการ์สิเป็นเรื่องน่าประหลาด หนังยังคงวนเวียนกับตัวละครที่เหมือนมีสติ แต่จริงๆสติแตกไปแล้ว ตัวละครเป็นถึงนักวิทยาศาสตร์ผู้ฉลาดเฉลียวแต่ไม่แน่ใจว่าเพราะเมียโดนแย่ง หรือว่าเพราะดีเอ็นเอข้างในกันแน่ที่ทำให้แกหลุดโลกไปได้ถึงเพียงนั้น หมอแกลุ่มหลงอยู่กับการปลูกถ่ายผิวหนังของมนุษย์ เพื่อสร้างคนมาแทนที่เมียตัวเอง แต่ปัญหาคือ คนที่มาเป็นตัวแทนเมียนั้นมีความลับดำมืดมากๆที่หนังค่อยๆเฉลยออกมาอย่างช้าๆ กว่าจะถึงบทสรุปก็เล่นเอาคนดูอึ้งแดร๊กกันไปทั้งโรงทีเดียว หนังมีตัวละครที่ไม่ปกติอยู่แทบทั้งเรื่องแถมความสัมพันธ์ของตัวละครก็ลึกลับ

...................The Skin อาศัยการล่อหลอก และหลอกล่อคนดูอย่างเมามันส์ ว่าตัวพระเอกเป็นไงมาไงกับเรื่องราวที่ผ่านมา รวมถึงเหยื่อทดลองที่คฤหาสน์ของพระเอกว่ามีความเป็นมาอย่างไรด้วยเช่นกัน เจ้าป้ายังคงเล่นสนุกกับการทดลองข้ามเพศ แปรงพันธ์ บางอย่างดูเหลือเชื่อมากในหนังอัลโมโดวาร์ แต่เรากลับรู้สึกถึงความน่าเชื่อถือในเรื่องราว หนังป้าส่วนใหญ่แจ่มตั้งแต่บทหนังที่มีตัวละครวิจิตรพิศดาร ความสัมพันธ์ผูกพันในแบบที่เหลือเชื่อ และน่าหงายหลังตกเก้าอี้ ทีสำคัญหนังป้าเปโดรทุกเรื่องนั้น ผ่านกระบวนการคิดอันสลับซับซ้อนและเกลาออกมาจนดูง่าย แถมยังแฝงความเป็นศิลปะ และลูกเล่นทางภาพเอาไว้อย่างแนบเนียน สีสันฉูดฉาดเป็นสไตล์ของป้าอยู่แล้ว การจัดวางองค์ประกอบภาพนั้นป้าทำดีมาตลอด หลายๆฉากดูอาร์ตมากๆ หนังหลายเรื่องดูเป็นหนังอาร์ตแต่ดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ ผิดกับเจ้าป้าที่ทำหนังออกมาดูอาร์ตแต่เข้าใจง่าย และไม่ชวนมึนหัว เพราะงั้นหนังเจ้าป้าจึงได้รับความนิยมไปทั่วโลก เพราะดูได้ทุกชนชั้น

...................คำถามที่ว่าเป็นไปได้ใหมในหนังของเปโดร อัลโมโดวาร์นั้น คำตอบดูเหมือนจะกลายเป็นว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เป็นไปได้จะกลายเป็นอย่างที่คิดหรือเปล่า อันนั้นก็คงไม่มีใครตอบได้อีกเช่นกัน ความสนุกของการดูหนังเจ้าป้าก็อยู่ตรงนี้แหละ เดาไม่ออกจริงๆว่าบทเฉลยจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เราคาดคิดจะตรงกับที่เป็นหรือเปล่า ความเว่อร์แบบฉบับหนังฮอลลีวู๊ดไม่มีในหนังเจ้าป้า แต่เจ้าป้าเว่อร์ในแบบที่เรามักจะนึกไม่ถึงเสมอ จะว่าไปแล้วความวิปลาสของมนุษย์นั้นบางทีมันก็รุนแรงและน่ากลัวเกินความคิดของคนปกติได้นัก และศิลปินที่มีฝีมือเท่านั้นที่จะถ่ายทอดความอัจฉริยะหรือไอเดียเหนือชั้นออกมาให้คนดูหนังอย่างเราๆได้ดื่มด่ำ ในสิ่งที่เรียกว่าศิลปะภาพยนตร์ โชคดีที่คนรุ่นเราได้ดูหนังดีๆแบบนี้ นอกจากเรื่องราวสนุกๆหนังยังมีดนตรีประกอบและเพลงประกอบเพราะๆแอบอยู่อีกด้วย หนังออกจะเนิบๆนิ่งๆไปหน่อยแต่เจ้าป้าก็ทำให้เราคนดูได้ติดตามไปไม่คลาดสายตาไปจนจบ ดูว่าเฉลยอย่างไร แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับ คนบ้าหลอกคนไม่บ้า คนไม่บ้าหลอกคนบ้า สรุปแล้วว่าใครบ้ากันล่ะทีนี้

โดย: Joblovenuk (พีอาร์ฯ ) [11 มี.ค. 55 12:18] ( IP A:124.121.151.18 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   บางกอกกังฟู ( สามดาว )

.................ผู้กำกับ ยุทธิเลิศ สิปปภาค ก้าวกระโดดไปไกลมากๆนับจากวันที่ทำหนังเรื่องแรกออกมาได้ห่วยแตก นั่นก็คือเรื่อง มือปืน/ โลก / พระ / จัน ไม่น่าเชื่อว่าอดีตคนเขียนบทมือดีที่เคยมีผลงานที่ถูกเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงเมื่อกลายเป็นบทหนัง " โอเนกกาทีฟ " จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้กำกับเลือดใหม่ คุณภาพน้ำดีคนใหม่ของบ้านเราได้อย่างเต็มภาคภูมิ จริงๆต้องบอกว่าโชคดีด้วยซ้ำที่ โอเนกาทีฟ หรือ รักออกแบบไม่ได้ ถูกซื้อบทไป ทำใหม่ แก้ไขใหม่หมด ออกมาเป็นหนังที่ดีมากๆ ด้วยฝีมือคุณภิญโญ ทำให้ ยุทธเลิศ พลอยได้เครดิตไปด้วยในฐานะเจ้าของเรื่อง แม้ว่าเจ้าตัวจะออกมาด่าสาดเสียเทเสียว่าเอาบทของตัวไปทำใหม่จนไม่เหลือเค้าเดิม ผมยังแอบคิดอยู่ว่า ถ้าวันนั้น ยุทธิเลิศเอา โอ เนกกาทีฟ มาทำเป็นหนังของตัวเอง เค้าอาจจะไม่มีวันนี้ก็ได้นะครับ เพราะหนังมันอาจจะออกมาห่วยเหลวเละเทะไปเลยก็มีความเป็นไปได้สูง เมื่อดูจากผลงานหนังเรื่องแรก ผมจำได้ว่าแทบอยากจะเดินออกจากโรง เพราะมันไม่มีความเป็นหนังเอาซะเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะมาถึงหนังเรื่อง 2 กุมภาพันธ์ ซึ่งถือว่าพัฒนาฝีมือขึ้น และมาเป็นบุปผาราตรี ??


.................เห็นได้ว่าการทำงานที่หลากหลายแนวทาง และการพัฒนาตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้การทำงานของพี่ต้อม ยุทธเลิศออกมากลมกล่อมขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มอยู่ตัวกันหนังอย่าง สายล่อฟ้า และ รัก/สาม/เศร้า ซึ่งทำออกมาได้ดีมากๆ และก็เริ่มดีขึ้นเรื่อยๆกับผลงานต่อมา จนถึงหนังเรื่องหลังๆที่ยุทธเลิศถือว่าติดลมบนไปแล้ว ไม่ว่าจะเล่าหนังดราม่าหรือแนววัยรุ่น แนวโหด หนังรัก หนังผี แกก็ทำออกมาได้มีสไตล์ มีลายเซ็นยุทธเลิศชัดเจน มีความเป็นตัวตนในหนังชัดเจน ตัวละครมีความเป็นธรรมชาติ สมจริงในแบบตัวเค้า จับต้องได้ มีชีวิต แรงในจังหวะที่ควรแรง และอ่อนไหวในช่วงเวลาที่สมควรพริ้ว ช่วงดราม่าก็ถ่ายทอดออกมาได้ดี และดิบอย่างไม่น่าเชื่อ ประกอบกับทีมงานรอบข้างที่มากฝีมือ ก็ทำให้หนังออกมาดูดีขึ้นอีกมากโข อาทิ การใช้บริการของ คุณจิ๊บ ทิวา เมยไธสง ในการกำกับภาพ หนังอย่าง หมาแก่อันตราย และ บางกอกกังฟู ? ที่ต้องชื่นชมอีกอย่างก็คือฝีมือการกำกับดารานักแสดงวัยรุ่นทั้งหลาย ในงานหลายเรื่องของพี่แกที่ต้องบอกว่า ทำให้นักแสดงเหล่านี้สามารถเล่นได้สมบทบาททีเดียว

.................คาแรกเตอร์ตัวละครฉีกมากๆ 5 คนกับฝีมือกำลังภายในเฉพาะอย่าง คนนึงเป็นใบ้ คนนึงหูหนวก คนนึงตาบอด คนนึงปัญญาอ่อน และผู้หญิง ? รักสามเส้าสลับซับซ้อน กับหนังสะท้อนสังคมที่ว่าถึงปัญหาพวกจับเด็กมาทารุณแล้วทำเป็นแก๊งค์ขอทาน ยุทธเลิศแทบจะขึ้นทาบรัศมี เควนติน ตารานติโน่ ผู้กำกับระดับโลกจอมคัลท์คนนั้นได้เลยทีเดียวครับ ในฐานะที่หยิบจับหลายๆอย่างมาผสมผสานในหนังตัวเองได้ดี ใส่ความรุนแรงในระดับบ้าดีเดือด แต่ก็แฝงความเป็นเชิงพาณิชย์ลงไป และมีการใช้ภาษาหนังที่ฉลาด สามารถประนีประนอมกับคนดูได้ เล่าเรื่องไม่ยากแต่มีชั้นเชิง มีหลายช็อตที่ผมพูดได้เลยว่า " แรงมาก " แม้จะมีการเซอรไพร๊ซ์หักมุมนิดหน่อยแต่ก็ยังถือว่าเล่าเรื่องได้แรง และตบบทสรุป รวมถึงแก้ปมที่มาที่ไปของตัวละครและเรื่องราวได้ดี ให้คนดูได้ตัดสินว่า อะไรคือความถูก อะไรคือผิด และเราควรจะเลือกทางเดินแบบใหน ตัวละครเด่นทุกตัวแม้แต่ตัวสมทบอย่างน้องออมก็ตาม มาริโอ้ เทพมาก ขโมยซีนได้อีก เพลงประกอบโดนใจมากๆน้องแก้ว เกิดเรียบร้อยในฐานะนางเอก สรุปชอบมาก จบป่ะ

โดย: Joblovenuk (พีอาร์ฯ ) [11 มี.ค. 55 12:29] ( IP A:124.121.151.18 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ไปดู The Artist มา ก็ดีนะคะ
โดย: jk [23 มี.ค. 55] ( IP A:101.51.170.179 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน