Superman Returns - vs - Wolf Creek ... สองหนังโปรแกรมเพชรประจำสัปดาห์นี้เลยครับ อย่าพลาดชม ...
    Superman Returns ( สามดาว )

.....................ก่อนอื่นคงต้องขอกล่าวคำขอบคุณ ไบรอัน ซิงเกอร์ จากใจจริง สำหรับการนำพาตำนานที่ยิ่งใหญ่บนโลกเซลลูลอยด์กลับมาโลดแล่นให้มีชีวิตอีกครั้ง แถมยังไม่ใช่เป็นการกลับมาแบบผ่านแล้วก็ผ่านไป แต่ผมเชื่อว่าจะเป็นตำนานของใครต่อใครอีกหลายร้อยล้านคนบนโลกใบนี้ สำหรับคนที่เคยเกิดทันดูเวอร์ชั่นก่อนเมื่อเกือบ 30ปีที่แล้ว ก็เชื่อได้ว่า ความทรงจำ ความประทับใจคงจะหวนกลับคืนมาอีกคราเป็นแน่แท้

.....................ซูเปอร์แมน รีเทิร์น กลับมาคราวนี้ ไม่ได้เป็นแค่หนังรีเมค ทำซ้ำกลับมาเพื่อจะกินตังของคนยุคปัจจุบันแค่นั้น แต่การมาคราวนี้คือการรีเทิร์นของจริง น่าจะเรียกได้ว่าเป็น หนังภาคต่ออันทรงคุณค่าอีกเรื่องของวอร์เนอร์ฯ ไปโดยปริยาย ... หนังเล่าเหตุการณ์ 5 ปีถัดมาของเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนัง ซูเปอร์แมน ( ฉบับเก่า ) ซึ่งต้องขออภัยที่ความทรงจำอันเลือนลางของผมมันจำแทบไม่ได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง อย่างไรก็ดี แม้คุณๆจะไม่เคยดูฉบับดั้งเดิมมาก่อน ก็สามารถดูซูเปอร์แมนตอนใหม่ ได้อย่างเข้าใจ แล้วที่สำคัญรับรองว่า จะต้องอยากหาฉบับเก่าๆมาดูอย่างแน่นอน

......................ไบรอัน ซิงเกอร์ ได้พิสูจน์ตัวเองเป็นที่เรียบร้อย กับหนังไตรภาคคนละแนวที่ผ่านมา ไม่ว่า usual Suspects , x men 1 - 2 จากคนที่ทำหนังอินดี้ขายฝีมือฟอร์มเล็ก แม้จะมาจับงานสเกลใหญ่โตมโหฬารซึ่งแน่นอนว่าจะต้องได้รับแรงกดดันมหาศาลจากหลายๆด้าน แต่เค้าก็คงความเอกอุในฝีมือการเล่าเรื่องเอาไว้ได้อย่างไม่เสื่อมคลาย แม้จะมีเงื่อนไขในการทำงานหลายสิบล้านอย่าง หากซูเปอร์แมนคือพระผู้ไถ่ ..ไบรอัน ซิงเกอร์ นี่แหละ ที่เป็นผู้กอบกู้ที่แท้จริง ที่กำลังมาเปลี่ยนแปลงโลกใบโตที่ชื่อ ฮอลลีวู๊ด

.......................ด้วยมุมมองของผม ซูเปอร์แมน รีเทิร์น คือหนัง โรแมนติก ดราม่าเต็มตัว โดยมีฉากแอคชั่นใหญ่ๆ สเปเชียลเอฟเฟคซ์ที่สุดตระการตามาเป็นตัวคอยเสริมเรื่องราวชีวิตรักของเค้า ไม่ว่าคุณจะคาดหวังฉากบู๊สนุกๆ แอคชั่นเท่ห์ๆ หรือเรื่องราวดราม่าดีๆ รวมถึงฉากรักซึ้งๆ หนังเรื่องนี้มีให้คุณอย่างครบครัน นอกจากนั้นหนังยังเตือนให้เราตระหนักและย้ำเตือนถึงความรักที่อยู่ใกล้ๆคุณอีกด้วย

.......................พลังที่ยิ่งใหญ่ จักมีประโยน์อันใด ถ้าไร้ซึ่งความรัก น่าจะเป็น ธีมหลักที่หนังเรื่องนี้บอกผม แม้แต่บุรุษเหล็กไหล ซึ่งมีพลังอำนาจดุจพระเจ้า หากทว่าอยู่ผิดที่ผิดเวลาแล้วไซร้ ความรักที่มีก็อาจจะหลุดลอยออกไปไกลเกินจะไขว่คว้าก็เป็นได้ อารมณ์ของหนังพาลให้ผมนึกถึงช่วงท้ายๆของหนัง Cast away ด้วยเช่นกัน

.......................สามประเด็นหลักๆที่ทำให้ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจเล็กน้อยสำหรับเวอร์ชั่นนี้ก็มีเรื่องของ ยุคสมัย ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าตกลงเค้าจะระบุว่าให้อยู่ช่วงใหนกันแน่ เพราะถ้า 5 ปีให้หลัง ซูเปอร์แมนตอนแรก เรื่องราวก็น่าจะอยู่ในยุคทศวรรษ ที่ 80 ซึ่งดูแรกๆก็เหมือนจะใช่ แต่ช่วงท้ายๆ อุปกรณ์ประกอบฉากหรืออะไรต่อมิอะไรบ่งว่าหนังน่าจะอยู่ในยุคปัจจุบันมากกว่า แล้วก็บ้านของซูเปอร์แมน ที่มีอะไรต่อมิอะไรสารพัด ไม่น่าเชื่อว่าจะให้ใครก็ไม่รู้เข้าไปยุ่มย่ามได้ง่ายๆ ประการสุดท้ายก็คือ ในเมื่อซูเปอร์แมนโชว์หน้าออกจะหราขนาดนั้น ทำไมไม่มีใครจำได้เลยในที่ทำงานของ คลาร์ค เคนท์ ( เป็นไปได้หรือ ) แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก มองว่ามันเป็นเงื่อนไขของหนังแนวนี้ ก็พอจะอลุ้มอล่วยได้พอเลาๆ เพราะตลอดเวลาสองชั่วโมงครึ่งของหนังเรื่องนี้ ไบรอัน ซิงเกอร์ ในปลุกความศรัทธาที่มีต่อซูเปอร์ฮีโร่คนนี้ให้กลับมาสว่างไสวในใจของใครต่อใครเป็นที่เรียบร้อยไปแล้วล่ะครับ

โดย: joblovenuk [29 มิ.ย. 49 13:31] ( IP A:210.86.147.69 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
Counter : 1422 Pageviews
ความคิดเห็นที่ 1
    Wolf Creek ( หุบเขาสยอง หวีดมรณะ ) ....สามดาว .....

..............เคยใหมครับ วัดดวงกับหนังสักเรื่องนึงที่คุณยังไม่เคยเห็นตัวอย่างหนัง ไม่มั่นใจว่าหนังมันจะออกมาแนวใหน หรือว่าหนังจะมีเนื้อหาประมาณใด แถมที่สำคัญเป็นหนังจากประเทศที่คุณไม่ค่อยได้ดูหนังของเค้าสักเท่าไหร่ ( หนังจากดาวน์อันเดอร์เรื่องล่าสุดที่ผมดูก็คือ Japanese story ที่ฉายไปเมื่อปีก่อนโน้น ) สิ่งเดียวที่พอจะเชื่อมั่นได้ นี่คือหนังที่ Bioscope เคยแนะนำไว้เมื่อหลายเล่มก่อนว่าเป็นหนังนอกกระแสน่าจับตาเรื่องนึง และมันนานพอสมควรจนผมนึกว่าจะไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์เสียแล้ว .. แถมพอหนังมาลงโรง ก็ดันฉายชนกับหนังนอกกระแสเด่นๆหลายเรื่อง อย่าง The bow หนังเกาหลี ของ คิมคิดักหรือว่า หนังนิวซีแลนด์เรื่อง The world's Fastest Indian แล้วก็ยังมีหนังอัฟริกาใต้เจ้าของออสการ์หนังต่างประเทศปีล่าสุดอย่าง Tsosi อีกตะหาก

..............หลังจากพลาดท่าดูหนังสยองชั้นสวะอย่าง Silent Hill ไปเมื่อหลายวันก่อน ในที่สุดผมก็กลับมาแก้มือแทงหวยถูกจนได้จาก Wolf Creek ...หนังทริลเล่อร์ออสเตรเลียเรื่องนี้ เกริ่นกับผู้ชมถึงสถิติอันน่าหวาดผวาที่ว่า ปีๆนึง ประเทศที่สวยงามและน่าท่องเที่ยวอย่างออสเตรเลีย มีตัวเลขของนักท่องเที่ยวสูญหายเยอะมาก และ 90เปอรเซ็นต์ มักจะพบตัวภายในหนึ่งเดือน ส่วนที่เหลือนั้นไม่มีใครพบพวกเค้าอีกเลย และตัวเลขของคนหายสาปสูญนั้น ปีๆนึงมีสูงถึงปีละ 30000คนโดยเฉลี่ย !!! และสิ่งที่หนังบอกแก่คนดูต่อจากนั้นก็คือ หนังเรื่องนี้อ้างอิงจากเค้าโครงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงซะด้วย ( บรื๋อ? )

..............Wolf Creek เป็นหนังทริลเล่อร์ระทึกขวัญ เล่าเรื่องของหนึ่งหนุ่มกับสองสาว ที่เป็นนักท่องเที่ยวแบบขาลุย หลังจากได้ซื้อรถมือสองมาเรียบร้อย พวกเค้าก็ตลุยขับรถมุ่งสู่ใจกลางของออสเตรเลียตะวันตก โดยแวะผ่านจุดท่องเที่ยวเล็กๆที่ชื่อว่า Wolf creek หลังจากขึ้นไปชมทัศนียภาพอันแสนงดงามของหลุมหุบเขาที่โดนอุกกาบาตยักษ์ถล่มเรียบร้อย ขากลับพวกเค้าก็พบว่า เริ่มมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ... นาฬิกาตาย .. รถสตาร์ตไม่ติด ..และบางทีสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับพวกเค้าอาจเป็นเพราะสิ่งผิดปกตินอกเหนือธรรมชาติ ค่ำคืนอันสุดสะพรึงคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ ..รอบข้างเต็มไปด้วยทะเลทรายที่ร้างและห่างไกลผู้คน มีแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่าสุดลูกหูลูกตา และแล้วก็มีรถคันนึงผ่านเข้ามา คนขับเสนอให้ลากรถไปที่อู่ของเค้าไกลออกไป เป็นคุณล่ะ คุณจะยอมให้เค้าลากรถไปซ่อมให้ใหม๊ .. หรือจะเสี่ยงรออยู่ที่เดิมล่ะครับ ??

..............แม้มันจะเป็นหนัง แต่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้คนดูรู้สึกถึงความสมจริงของเรื่องราวได้อย่างไม่น่าเชื่อ จนแทบรู้สึกเลยว่ามันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ หลายฉากหลายซีนของหนังเล่นเอาอะดรีนาลีนสูบฉีดกันแบบสุดๆ หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ผู้กำกับ - เขียนบท เกร็ก แมกลีน เก่งมากที่ผูกเรื่องราวที่มีตัวละครหลักแค่สามสี่คน ฉากที่ใช้ในหนังก็ไม่มีอะไรมาก ถ่ายกันแบบโฮมมูวี่ ถ่ายเบี้ยบ้ายรายทางไปด้วย แต่พอจังหวะพลิกผันเข้ามาตื่นเต้น ก็เล่นเอาใจหายใจคว่ำทันที .. เชื่อว่าหลายคนอาจจะแทนตัวเองด้วยซ้ำว่า ถ้าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดกับตัวเอง เราจะเอาตัวรอดได้ใหม๊ แล้วก็เราจะเอาตัวรอดได้อย่างไร ซึ่งจากที่เห็นผมเชื่อว่า สติคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เราเอาตัวรอดได้ และบางที อาจจะต้องพึ่งโชคด้วยไม่มากก็น้อย ..ฉากหลังของหนังได้ทัศนียภาพอันสุดสวยงามของออสเตรเลียตะวันตกมาเป็นแบคกราวน์ ดนตรีประกอบสุดเร้าใจมาเป็นตัวช่วย แต่เหนืออื่นใด บทที่เข้มแข็งแล้วก็การเล่าเรื่องอันเก่งกาจน่ะแหละคือ จุดสำคัญที่ทำให้หนังทริลเล่อร์เรื่องนี้จะอยู่ในความทรงจำของคนดูอีกนานครับ เชื่อว่าหลายคนที่กำลังคิดจะออกท่องเที่ยวแบบขับรถไปกันเอง คงจะหนาวๆร้อนๆบ้างไม่มากก็น้อยแน่นอนครับ

โดย: joblovenuk [29 มิ.ย. 49 13:37] ( IP A:210.86.147.69 X: )
คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน