โคตรรักเอ็งเลย = บทวิจารณ์อ่านสนุกโดยคุณแท๊กซี่นิรนาม =
|
ความคิดเห็นที่ 1 จริงๆสิ่งที่หนังมันอยากจะบอกก็ไม่เลว แต่ขอโทษ
สิ่งที่หนังอยากจะบอกนั้น เขาก็ยัดใส่ปากนางเอกให้พูดให้คนดูฟังโต้งๆอยู่แล้วตอนจบ เฮ้อ
มา
ผมจะสับหนังเรื่องให้ท่านฟังเป็นข้อๆ อย่างยาววว(เพราะแค้นมาก)
ก่อนที่ท่านจะหลงเป็นเหยื่อเหมือนผม
1.บท - ผมไม่ทราบว่าใครเขียนบท
แต่นี่มันไม่ใช่บทหนังนี่ครับ นี่มันบทละครทีวีที่ compressed ลงมาให้อยู่ใน 2 ชั่วโมงครับ
บทหนังบ้าอะไรครับเล่าเรื่องด้วยบทพูด! นึกว่าคนดูหนังนี่เขาทำกับข้าวไปดูหนังไปหรือครับ? ถึงต้องให้ตัวละครเล่าๆๆอยู่นั่น คนดูหนังเขามาดูหนังจอใหญ่เขาก็หวังจะถูกดูดเข้าไปในเรื่องราวด้วยการแสดง ด้วยภาพ ด้วยเสียง จะเล่าไปทำหอกอะไรหนักหนา
ฉันไปโน่นมานะ ไปนี่มานะ ปวดขี้นะ รักกันนะ
สมควรหักเงินคนเขียนบท
จ่ายมันเท่าราคาสคริพท์ทีวีนั่นแหละ ถึงจะเหมาะสม
แล้วบทมันไม่มีโครงสร้างเลย
มันจึงยากที่จะวิจารณ์ เพราะมันไม่มีเหียกอะไรให้วิจารณ์ ไม่มีองค์ ไม่มีกระดูก ไม่มีธีม ไม่มีสับธีม ไม่มีพัฒนาการของตัวละคร สับสนปนเปมั่วซั่ว พูดง่ายๆ.. คือไม่มีเรื่องราวอะไรเลย
ผมสามารถเล่าหนังเรื่องนี้ให้คุณฟังแล้วได้อรรถรสเดียวกันกับการเสียเงินร้อยยี่สิบบวกเวลาสองชั่วโมงได้ในย่อหน้าเดียว
"ผัวเมียทะเลาะกัน หักมุมไปมาเจ็ดรอบแต่ไม่ไปไหนเหมือนโรนัลโด้สับขาหลอก แล้วผัวเมียก็คืนดีกันโดยที่เมียบอกผัวว่า "ทีหลังเวลาทะเลาะกันเราคุยกันนะ"
จบ
หนังทั้งเรื่องมีอยู่แค่นี้ครับ อย่างที่บอกไว้ว่า message ของหนังมีอยู่แค่นี้แหละ แถมยังบอกด้วยรสนิยมอันต่ำทรามด้วยการยัดใส่ปากนางเอกให้พูดตอนจบ
แค่นั้นแหละ พูดจริงๆ ดูโรนัลโด้สับขาหลอกยังสนุกกว่า เพราะอย่างน้อยถึงมันจะไม่มีประสิทธิภาพ แต่เทคนิคมันก็ยังสวยงาม
แต่เรื่องนี้
ทั้งไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีเทคนิค ไม่สวยงาม และที่สำคัญ
มันจะสับไปทำหอกอะไรของมัน ทำไมมันไม่ไปเล่นฟุตบอลซะให้หมดเรื่อง มันจะมาแปลงกายเป็นบทหนังทำทรากอะไรไม่ทราบ
จริงๆการสับขาหลอกคนดูนั้นไม่ผิดนะครับ การเซอร์ไพร๊ส์คนดูเป็นหลักการอย่างหนึ่งของหนัง แต่มันต้องมีที่มาที่ไป มีน้ำหนักมีความเป็นไปได้ มีความเกี่ยวข้องกับเรื่อง และทำในจังหวะและรสนิยมที่ดี ไม่ใช่หลอกอย่างเดียวไม่พื้นฐานอย่างกะผีลอยอยู่ในอวกาศอย่างนี้ แถมยังทำไม่เป็น
หลอกไม่เนียน ไม่ถูกจังหวะ แล้วยังบอกเขาก่อนว่า "ฉันกำลังจะหลอกเธอแล้วนะ
" อีกแน่ะ มาสไตล์นี้ซ้ำซากจนเรื่องไม่เดินหน้าไปไหนเลย
เซอร์ไพร๊ส์เหลือเกิน ฮ่วย
มันกะหลอกคนดูจนเผลอหลอกตัวเองไปด้วย
คิดดู ขณะที่คนดูส่วนหนึ่งอาจจะดูไม่รู้เรื่อง(ท่านไม่โง่ไม่ผิดครับ
ผมยืนยันว่าหนังมันมั่วครับ) คนดูอีกส่วนก็จะรอแก๊กตลกของโน๊ตแล้วก็รู้สึกว่า
เมื่อไหร่มันจะจบซะทีวะ
อย่างที่ผมเป็น
(เผื่อท่านที่อ่านแล้วไม่อยากไปดูแต่อยากรู้เรื่อง เรื่องมีอยู่ว่า นางเอกตาย!
แต่จริงๆแล้วไม่ตาย พระเอกตาย!
แต่จริงๆแล้วก็ไม่ตาย ลูกตาย!
แต่จริงๆแล้ว
ตาย แต่ไม่เป็นไร เรามีลูกแฝด! แล้วหักมุมทั้งหมดนี้
ไม่ได้มีความเป็นไปได้หรือมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับอารมณ์ของเรื่องทั้งสิ้น
กรูจะหัก ใครจะทำไมกรู)
| โดย: job ก๊อปเขามา [28 ก.ค. 49 12:32] ( IP A:202.57.132.195 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 2 [ b> 2.การกำกับ - หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังไทยที่มีบทแย่ที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมาครับ มันไม่ถึงขนาดแย่บัดซบ แต่ที่มันออกมาแล้วยิ่งแย่หนักจนบัดซบก็เพราะการกำกับครับ ใครกำกับผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน เห็นผ่านๆตาในนี้เหมือนจะคุยว่ามีฝีมือพอสมควร
ผมว่าไม่จริงครับ, มีฝีมือครับ
แต่ไม่ใช่พอสมควร
คือมีน้อยมากครับ ไม่ได้ช่วยอะไรบทที่แย่ๆเลยครับ ช่วยอย่างเดียว
ช่วยให้มันแย่เยี่ยวราดหนักเข้าไปอีก
ตีบทไม่แตก ไปหลงงมกับอะไรไม่ทราบ กำกับแบบเมาๆ จับอารมณ์ของเรื่องไม่อยู่ ที่พออยู่ก็เค้นไม่เป็น เค้นผิดวิธี ผิดจังหวะ ฯลฯ
ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือการไม่เข้าใจใน paradox of emotional representation ไม่เข้าใจความยั่วแย้งระหว่างอารมณ์ของตัวละครกับอารมณ์ของเรื่อง เวลาจะให้เรื่องเศร้าก็บังคับให้ตัวละครร้องไห้ เวลาจะให้เรื่องขำก็บังคับให้ตัวละครทำตลก
ทื่อๆมันไปอย่างนั้น ทำอย่างกับไม่ได้กำกับหนัง แต่เป็นการกำกับละครทีวีเช้าวันอาทิตย์ที่เด็กดูแบบนั้น
หลุดมาจากไหนก็ไม่ทราบ
แถมยังชอบเล่นกับของยากทั้งๆที่ฝีมือมีไม่ถึง หนังเรื่องนี้ใช้สไตล์ parody เยอะมากครับ เกือบทั้งหมดแป๊ก
เพราะ parody นั้นยากสสส
ปูเนื้อมาไม่ดี จังหวะยังไม่ถึง ทะลึ่งจะ parody อย่างโรงที่ผมดูมีคนดูเยอะพอสมควร แต่ฮา
.กริบตลอด
สมน้ำหนวก
การใช้กล้องเล่าเรื่องก็บัดซบมาก จนผมขี้เกียจและไม่สนใจจะจำ จำได้อยู่ฉากเดียว เพราะฉากนี้ทั้งโรงมีผมหัวเราะอยู่คนเดียวจนคนดูอื่นมองหน้า ฉากที่พระเอกเอาสคริพท์ไปให้โปรดิวเซอร์ดูครับ ท่านออกแบบซีนสนทนาไม่เป็นครับ(เป็นอย่างนี้ทั้งเรื่องครับ ซีนขนมๆอย่างนี้ท่านถ่ายข้ามไหล่ไม่เป็น) ท่านคงไม่รู้จะทำยังไง เลยเช่าดอลลี่มาให้เปลืองตังค์เล่น แล้วก็เอากล้องไปตั้งบนดอลลี่ แล้วก็ลากไปลากมา
ลากมาลากไป
อยู่อย่างนี้ทั้งฉาก โดยไม่มีมรรคผลใดๆ ไม่รับใช้อารมณ์ของซีน ไม่ถูกบีต รังแต่จะทำให้ดูน่ารำคาญ
ผกก.ไม่จำเป็นต้องเรียนมาหรอกครับ แต่การไม่ศึกษาไม่ใฝ่รู้ศาสตร์ของหนังก่อนทำงานนี่
ด่าว่าสะเออะได้ไหมครับ | โดย: job ก๊อปเขามา [28 ก.ค. 49 12:33] ( IP A:202.57.132.195 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 3 แต่ที่แย่ถึงระดับที่ถ้าการทำหนังมีกฎหมายนี่ก็ต้องประหารชีวิตแล้ว คือการกำกับการแสดงครับ ไม่ทราบว่าสำนักไหนสอนมาให้บังคับนักแสดงเล่นอย่างโน้นเล่นอย่างนี้ครับ! ถ้าชอบเล่นอย่างนั้นเมิงไม่เล่นเองไปเลยหละ
จ้างนักแสดงทำหอกอะไร
นักแสดงเป็นคนนะคร๊าบ มีชีวิตจิตใจ อารมณ์และจินตนาการของเขา แล้วเขาก็ใช้มันในการแสดง เขาไม่ใช่หุ่นให้คุณปั้นท่าโน้นท่านี้ดั่งใจ
ทำไมผมถึงพูดอย่างนี้
ก็เพราะการแสดงมันปัญหาว่าผิดธรรมชาติของนักแสดงแบบโจ่งแจ้งกระจ่างตาชนิดดูออกว่าไม่ได้เล่นเอง แต่เล่นอย่างนั้นเพราะกำลังเลียนแบบไอ้บ้าที่ไหนคนหนึ่งอยู่ ชัดที่สุดก็คือนางเอก ดูออกครับว่านางเอกเป็นนักแสดงสมัครเล่น แต่เขาดูมีศักยภาพมาก เวลาจับจังหวะของตัวเองได้จะเป็นธรรมชาติมาก แต่มาตกม้าตายชนิดไม่ได้เกิดกับหนังเรื่องนี้ก็ซีนร้องไห้นี่แหละ
หนังเรื่องนี้นางเอกร้องไห้ทั้งเรื่อง ร้องมันเกือบทุกครั้งที่เสียใจ ทะเลาะกับผัวก็ร้อง เลิกก็ร้อง ผัวตาย
ผัวไม่ตาย
นอกใจ
ไม่นอกใจ
ลูกตาย
ร้องมันอยู่นั่นทุกสิบนาที แต่ที่บัดซบมากคือร้องทุกครั้งร้องในโหมดเดียว เหมือนกันหมด เหมือนกันเด๊ะ
ขนาดปริมาณของน้ำตาทุกครั้งยังเท่าๆกันเลย
บ้าแล้ว
มนุษย์ที่ไหนจะร้องไห้ตะวักตะบวยแล้วก็ร้องเหมือนกันทุกครั้งเป็นหุ่นยนตร์อย่างนี้ ที่แสบที่สุดก็คือบางครั้งเขาไม่อยากร้องไห้ก็บังคับให้เขาร้อง เขาร้องแล้วไม่มีน้ำตา ก็เอาน้ำมาหยอดตาเขาอีก
บัดซบไหมล่ะ
ท่านได้ยินถูกต้องแล้วครับ มีบางซีนที่เขาเล่นเอาน้ำหยอดตากันเลย ดูออกครับ จริงๆนี่เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับการกำกับหนังใหญ่นะครับ ในโรมาเนียสมัยเชาเชสคู ผกก.หนังใหญ่คนไหนทำอย่างนี้เขาจับไปประหารชีวิตเลยนะครับ (
อันนี้มุก) หายโมโหแล้ว
พอ
ทั้งที่มีเรื่องให้วิจารณ์ต่อได้อีกเป็นกระตั๊ก แต่ขี้เกียจ
ไม่คุ้มค่าแก่การพูดถึงและจดจำ สรุปเลยก็แล้วกัน
ใครมีเงินเหลือเฟือ และพอใจกับการเสียเวลาอันน่ารำคาญไปกับแก๊กสดๆของโน๊ตอุดมไม่กี่แก๊ก (มันเล็กกว่ามุกจึงเรียกว่ามุกไม่ได้ มุกมันต้องเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง ซึ่งในเรื่องนี้ มุกแป๊กเกือบหมด) ก็เชิญลอง แต่ถ้าไม่ใช่ก็อย่าดีกว่า ไม่จำเป็นต้องลองเลยครับ รับประกันไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชมกลุ่มไหน หนังเรื่องนี้ทำคุณเสียเวลาแน่นอน ไม่ซึ้ง ไม่ตลก ไม่สนุก ไม่ตื่นเต้น ไม่สวยงาม ไม่ประเทืองปัญญา ไม่ประโลมอารมณ์ด้วยประการทั้งปวง มีเพื่อนก็บอกต่อเพื่อน มีพี่ก็บอกต่อพี่ บอกทุกคนที่มีสิทธิจะไปดูว่าอย่าไปดู
ไม่อย่างนั้นเสียใจมาแล้วจะหัวเราะเยาะให้
ไม่เชื่ออยากลองโง่เหมือนผมก็เชิญ
หนังอย่างนี้
เช่าวิซีดีมาดูยังไม่คุ้มเสียเวลาเลยครับ
ผมไม่รู้จักผกก. ไม่รู้จักใครทั้งนั้น รู้แต่ว่าการทำหนังเรื่องหนึ่งนั้นกว่าจะเสร็จเลือดตาแทบกระเด็น คนทำหนังทุกคนสมควรได้รับการยกย่องตรงนี้ ผมยอมรับตรงนี้ แต่จะให้ผมฝืนใจให้กำลังใจคนทำหนังอย่างนี้เห็นทีจะไม่ไหว ผมเคยอ่านผ่านๆว่าผกก.ท่านนี้เอาเรื่องจริงของตนเองมาทำหนัง ถ้าอย่างนั้น
ผมยิ่งอยากด่าหนักเข้าไปอีก เรื่องส่วนตัวอย่างนั้นสมควรทำอย่างสุดหัวใจ ไม่ใช่เอาเท้าเขี่ยทำอย่างนี้ ทำอย่างนี้มันทรยศต่อความรักของตัวเองชัดๆ ถ้าผมมีคนรัก วันหนึ่งผมจากไปแล้วคนรักเอาเรื่องของเรามาทำหนัง แล้วทำออกมาอย่างนี้
ผมก็อยากจะบอกกับเขาว่า
"ที่รัก
ผมภูมิใจมากที่คุณคิดถึงและให้เกียรติผม ขนาดนำเรื่องของเรามาทำหนังด้วยความอุตส่าหะทุ่มเท
แต่หลังจากผมได้ดูหนังของเราแล้ว
ที่รักครับ ผมถึงนึกออกด้วยหลักฐานที่เห็นได้ชัดเจนจากหนัง ก็เพราะคุณมันบ้องตื้นอย่างนี้นี่เอง
เรื่องราวของเราถึงเป็นเช่นนี้ ผมสงสารตัวเองจัง
"
| โดย: job ก๊อปเขามา [28 ก.ค. 49 12:34] ( IP A:202.57.132.195 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 4 มันโกรธแค้นอะไรเขามากขนาดนี้นะ ชักสงสัยแระ แบบนี้เขาเรียกว่าวิจารณ์หรือคับ??????????????? ด่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วก็ด่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมว่าคงเป็น ศรัทตรู ที่เกลียดแระอาฆาตกันมากๆแระ 
| โดย: ตะวัน [28 ก.ค. 49 15:23] ( IP A:221.128.111.72 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าผมไปดูด่าแรงกว่านี้อีก อิอิ | โดย: t [28 ก.ค. 49 15:28] ( IP A:202.44.7.67 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 6 ยังไงก็ไม่ดูอยู่แล้วล่ะ หนังของพิงกับโน้สเนี่ย...
เมื่อคืนเช่าหนังหนังญี่ปุ่น ALWAYS มาดู หนังดีมาก ๆๆๆๆๆ ดีโคตร ๆๆๆๆๆ ทั้งเนื้อหา โปรดักชั่น นักแสดง ขนาดเราไม่ใช่คนญี่ปุ่น ดูแล้วยังซาบซึ้งมาก ๆ ต้องซื้อเป็นดีวีดีเก็บไว้แน่นอน
น่าเศร้าตรงที่ว่า หนังดีขนาดนี้ดันไม่ได้ฉายในโรงบ้านเราล่ะ ทีหนังอย่าง "เมืองห่าผี" ล่ะโปรโมทกันจัง
ประเทศชาติและหนังบ้านเรามันถึงไม่พัฒนาซะที
| โดย: ปุ๊กกุจัง [28 ก.ค. 49 15:41] ( IP A:61.7.129.40 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 7 ไม่รู้นะว่า ALWAYS ได้ฉายในโรงบ้านเรารึเปล่า แต่ถึงเอามาฉาย ก็น่าเศร้าอยู่ดี เพราะไม่ได้ข่าวการโปรโมทอะไรเลย
ดาราที่แสดงนำ เราจำ โคยูกิ ได้คนเดียว (แสดง THE LAST SAMURAI ด้วย)) อีกคนไม่แน่ใจว่าใช่ ยาสุโกะ ซาวากูจิรึเปล่า เพราะแต่งตัวทำผมแปลกไปจนจำแทบไม่ได้ แต่แสดงได้สมบทบาทกันทุกคน คือมันไม่ใช่หนังขายดาราน่ะ ก่อนนี้ก็ดูทไวไลท์ซามูไร ที่ฮิโรยูกิ ซานาดะ กับริเอะ มิยาซาวะแสดง หนังดีนะ แต่ไม่สนุก ก็ชอบ แต่ไม่มาก
แต่ ALWAYS เป็นหนังดีที่สนุกด้วยค่ะ ...ชอบมาก... | โดย: ปุ๊กกุจัง [28 ก.ค. 49 15:50] ( IP A:61.7.129.40 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 8 อ้าวกะจะไปดูคืนนี้นะเนี๊ย ... สงสัยต้องคิดอีกทีแล้วหละ | โดย: จิ๊กกี๋ [28 ก.ค. 49 16:31] ( IP A:58.136.65.254 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 9 .......Always - sunset on 3rd street เป็นหนังที่ฉายโรงภาพยนตร์บ้านเราครับ แต่เป็นการฉายในวงแคบๆ ที่โรงหนัง เฮ๊าส์ อาร์ซีเอ และโรงหนังสยามครับ ( โรงใหญ่ ) ฉายอยู่นานพอสมควรด้วย ประมาณ เดือนกว่าๆ หรือสองเดือนนี่แหละครับ เป็นหนังที่หลายคนดูก็ประทับใจครับ เพราะมันเป็นหนัง ออกแนว Feel Good อยู่แล้ว ส่วนตัวผมจำไม่ได้ว่าเขียนเอาไว้ในบล็อคหรือว่าในบอร์ดหรือเปล่า ดูแล้วชอบเหมือนกันครับ ให้สามดาว แต่ก็ไม่ได้เป็นหนังแบบที่ชอบจัดๆ หนังเรื่องนี้คว้าตุ๊กตาทอง 11ตัวของ อคาเดมี่ ญี่ปุ่น ปีล่าสุดถ้าจำไม่ผิด ที่บอร์ดเฉลิมไทยก็มีคนรักหนังเรื่องนี้อยู่เยอะมาก สังเกตุว่าช่วงที่ฉายก็มีกระทู้เชียร์หนังอยู่เนืองๆตลอดครับ | โดย: จ๊อบ [28 ก.ค. 49 17:29] ( IP A:202.57.132.195 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 10 นั่นดิ... ว่าคนที่รู้จักเรื่องนี้(ALWAYS)คงเป็นแค่ในวงแคบ ๆ เล่นไม่โปรโมทตามสื่อทั่วไปเลย ถ้าไม่ดูในเน็ตจะรู้กันไม๊เนี่ย...เสียดายจัง | โดย: ปุ๊กกุจัง [28 ก.ค. 49 18:13] ( IP A:61.7.129.40 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 11 ว่าแล้วเชียว เหมือนอย่างที่คาดการณ์ไว้ไม่มีอะไรพลิคล๊อคเฮ้อ โชคดีที่ไม่มีใครใช้ให้ไปเป็นเพื่อนนั่งดู | โดย: อ้อม(หนูพุก) [29 ก.ค. 49 2:39] ( IP A:203.188.6.222 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 13 ว่ากันเกินไปรึป่าว
เราเป็นคนนึงที่ไปดูหนังเรื่องนี้แล้วนะ และเราก็ชอบมากมากด้วย เพื่อนเราก้อชอบ หลายคนที่เรารู้จักก้อชอบ หนังแบบว่าให้ข้อคิดดีมากเลยอ่ะ
เพื่อนเราคนนึงออกจากโรงมาแล้วบอกว่า มันจะไปซื้อตั๋วอีกสองใบ เอาไปให้ป๊ากะม๊ามันมาดู (เราก้อเห็นด้วยนะ หนังมันสอนอะไรดีๆเกี่ยวกับชีวิตคู่อ่ะ)
เพื่อนเราอีกคนมันแอบชอบผู้ชายคนนึงอยู่ มันก้อบอกว่า มันตัดสินใจจะไปบอกเค้าคนนั้นดีกว่า เพราะกลัวว่าอะไรๆมันอาจจะสายเกินไป (เราก้อเห็นด้วยนะ อนาคตมันเป็นเรื่องไม่แน่นอน ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราอาจไม่สามารถย้อนกลับมาทำสิ่งที่ใจอยากทำได้อ่ะ)
สรุปเราว่าหนังเรื่องนี้ดีมากเลยนะ นอกจากจะให้อารมณ์ซึ้งจนน้ำตาซึมแล้ว แล้วให้อารมณ์ฮาอีกด้วย ดูไปยิ้มไปอ่ะ
| โดย: กั๊ก [29 ก.ค. 49 12:07] ( IP A:58.64.103.170 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 14 พูดถึงหนังเรื่องAlways เราไปดูมาเหมือนกันที่โรงหนังสยาม ก้อชอบนะ ให้สามดาว | โดย: กั๊ก [29 ก.ค. 49 12:08] ( IP A:58.64.103.170 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 15 คุณแท๊กซี่นิรนามเนี่ยะเป็นนักวิจารณ์หนังหรือเปล่าคะ ถ้าใช่ปกตินักวิจารณ์เค้าดุเดือดกันขนาดเหมือนโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนขนาดนี้เลยเหรอคะ (แบบไม่เห็นมีข้อดีเสียสักกะติ๊ด)
ปกติเราไม่ค่อยชอบดูหนังนะ และก็ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหนังเท่าไหร่ แต่กะว่าจะไปดูเรื่องนี้ซะหน่อย (เรื่องสุดท้ายที่ดูก็ \\"แฟนฉัน\\") | โดย: เอ๋ [30 ก.ค. 49 3:20] ( IP A:58.9.92.107 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 16 ............แวะมาสวัสดีคุณกั๊ก กะคุณเอ๋ ในกระทู้นี้นะครับ ขอบคุณที่แวะมาคุยกันในบอร์ดนะครับ ยินดีต้อนรับครับผม แวะมาตอบแทนคุณแท๊กซี่ให้ละกัน คุณแท๊กซี่เค้าก็เป็นคนในแวดวงภาพยนตร์นั่นแหละครับ ผมไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวหรอก ก็รู้จักกันจากการพูดคุยกันบ้างในอินเตอร์เน็ท ผ่านเวปบอร์ดนั่นแหละ แต่ก็เคยเห็นสำนวนการเขียน แล้วก็สไตล์การพูดคุยแบบจริงจังของพี่แกแล้ว พบว่าแกเป็นคนที่น่ารักมาก เป็นคนที่ผมอยากจะให้มีโอกาสได้ทำหนังใหญ่ที่เป็นตัวของแกเองจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าวันนั้นจะมาถึงหรือเปล่า เพราะดูเหมือนแกจะเป็นคนไม่ประนีประนอมกับตลาดเท่าไหร่นัก ... ที่แน่ๆแกไม่ใช่นักวิจารณ์หนังอาชีพแน่นอนครับ พอจะทราบมาว่าแกเคยทำหนังสั้นที่เข้าประกวดในระดับนานาชาติด้วย ส่วนตัวแล้วผมคิดว่า การวิจารณ์หนังนั้นเป็นอะไรที่เปิดกว้างครับ เพราะเป็นเพียงความคิดเห็นของคนๆนึง เค้าอาจจะเขียนชมสุดขั้ว เขียนด่าสุดขั้ว หรือเขียนกลางๆก็ย่อมได้ การอ่าน หรือรับฟังงานวิจารณ์แบบนี้ ก็เป็นสิ่งที่ต้องใช้วิจารณญาณส่วนตัวเหมือนกันครับ อาจจะไม่ตรงใจเราก็ได้ หรืออาจจะตรงใจเราก็ได้ ที่ยกมาให้อ่านก็เพราะผมคิดว่า เป็นงานเขียนที่ค่อนข้างถูกใจผม อาจจะไม่ถูกใจคนอื่นก็เป็นได้ เท่าที่ซาวเสียงในพันทิพย์ ก็เห็นมีคนดูหนังบางคนเค้าชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกัน ( อาจจะเป็นหน้าม้าก็ได้ ) อย่าคิดมากครับ ต่างจิตต่างใจ ลางเนื้อชอบลางยา คนเรามีความเห็นแตกต่างกันได้ ที่สำคัญก็คือ เราจะยอมรับความแตกต่างทางด้านความคิดของกันและกันได้หรือเปล่า การแตกต่างไม่ได้นำมาซึ่งความแตกแยกเสมอไปนะครับ ถ้าลองมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสันติ สังคมจะต้องน่าอยู่ขึ้นแน่นอนครับ แทนที่จะหันหน้าเข้ามาประหัตประหารกันอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ........... | โดย: จ๊อบ [30 ก.ค. 49 10:41] ( IP A:203.118.72.151 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 17 ใครจะว่าไง..ไม่รู้-รู้แต่ว่า..ไปดูแล้วร้องไห้เพราะมันโดน......ชีวิตอ่ะ | โดย: กิ๊บซี่ [31 ก.ค. 49 10:46] ( IP A:203.188.9.35 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 18 ............อุ๊ย กิ๊บซี่มาคอนเฟิร์มแบบนี้ ชักอยากดูขึ้นมาจิ๊ดนึงซะแล้ว เด๋วแผ่นออกสงสัยต้องไปหามาดูมั่ง............ | โดย: จ๊อบ [31 ก.ค. 49 11:19] ( IP A:203.118.73.178 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 19 ไม่อย่างนั้นเสียใจมาแล้วจะหัวเราะเยาะให้
ไม่เชื่ออยากลองโง่เหมือนผมก็เชิญ
เหอๆ.... ถ้าคิดว่าคนไปดูแล้วโง่... นี่ก็เกินไปหน่อยนะคะ.... การที่เราจะเลือกดู หรืออยากดูหนังสักเรื่อง มันเกี่ยวกะการโง่หรือฉลาดหรอ....
ก้แล้วแต่อ่ะนะ นานาจิตตัง ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์....
แต่มันไม่เกี่ยวกะโง่หรือฉลาดหรอก มันอยู่ที่ความชอบส่วนตัว ความพอใจส่วนตัวมากกว่า.... เพราะก่อนที่จะซื้อตั๋วเข้าไปดู ไม่มีใครมาบังคับเราหนิ เราสมัครใจไปดูเอง
อีกอย่างที่ไปดูมา.... ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว ขนาดซื้อตั๋วก่อนล่วงหน้า 1 รอบ (ก่อนหนังฉายเป็นชาติ) ก็ยังได้แถว ที่ 5 จากหน้าจอ.... พอเข้าไปในโรงหนัง ก็มีคนดูไปถึงเท่าหน้าสุด คนเต็มโรงมาก ๆ....
ก็ยอมรับว่า.... ไม่ได้ประทับใจอะไรกับหนังเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้เสียความรู้สึกอะไร..... ก็เห็นคนหัวเราะกันลั่นโรง..... เห็นมีก็แต่อิชั้นนี่ล่ะ ที่ไม่ได้หัวเราะอะไรกะชาวบ้านเค้า....
แต่ทุกอย่าง.... มันดูเพื่อความบันเทิง พักผ่อนหย่อนใจ.... ไม่ได้ดูเพื่อจะสอบชิงทุน ไม่ได้ดูเพื่อเอาข้อมูลไปทำวิทยานิพนธ์ เลยไม่ได้ซีเรียส และคาดหวังอะไร..........
เป็นเพราะคาดหวังมากเกินไปหรือเปล่าคะ ถึงผิดหวังเสียความรู้สึกขนาดนี้.....
ไม่รู้สินะ.... ปรกติเป็นคนไม่ค่อยชอบดูหนัง แล้วไม่รู้ ไม่มีศาสตร์ไม่มีศิลป์ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำหนังหรอกค่ะ.... ไม่รู้หรอกว่าหนังแบบไหนดี แบบไหนเลว แบบไหนมีคุณภาพ แบบไหนไร้สติปัญญาในการสร้าง..........
แต่ดูเพราะอยากดูเอง ไม่มีใครชวน ไม่มีใครบังคับ.... ดังนั้นคิดว่ามันน่าจะขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว รสนิยม ความถูกใจนะคะ.....
ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความโง่หรือฉลาด....
โห... ไม่งั้น น่าสงสารประเทศชาตินะ.... ที่วัน ๆ นึงไม่ค่อยจะมีคนฉลาดเลยน่ะ............. ที่เห็น ๆ ส่วนมากก็มีแต่นักศึกษา นักเรียน ที่เป็นกำลังสำคัญของชาติทั้งนั้น.....
.......... ความคิดเห็นที่แตกต่าง.......... ย่อมเกิดขึนได้เสมอในทุก ๆ สถานการณ์และทุก ๆ จังหวะของชีวิตค่ะ......... เป็นเรื่องธรรมดา
........... ถ้าทุกคนเห็นเหมือนกันหมด คิดเหมือนกันหมด ประเทศชาติก็ไม่เจริญ............อีกง่ะ.......
++++ นี่ก็แค่อีกความคิดเห็นหนึ่ง..... แค่เศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของสังคม.... และเป็นความคิดเห็นส่วนตัวเช่นกันค่ะ | โดย: รปภ.คนจ๋วย [1 ส.ค. 49 12:06] ( IP A:202.133.139.132 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 20 แต่ดูเพราะอยากดูเอง ไม่มีใครชวน ไม่มีใครบังคับ.... <== จริงเร๊ออ คนที่ไม่ค่อยดูหนังอย่างคุณ รปภ เนี่ยนะ ไปดู โคตรรักเอ็งเลย คนเดียว ไม่มีใครชวน อมพระมาพูดผมยังไม่เชื่อเร๊ยยยย อิอิ .... สารภาพมาเหอะว่าไปดูกับเด็กๆที่ใหนมา หุหุ ...... แอบดูหนังรักไม่ชวนแบบเนี้ย ระวังปาปารัสซี่เน้อ คริคริ..... | โดย: จ๊อบ [1 ส.ค. 49 22:01] ( IP A:203.118.73.66 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 21 คนที่วิจารณ์ มีปัญหาอะไรกับชีวิตหรือเปล่า
พ่อไม่รัก ?? แฟนทิ้ง ?? ลูกอกตัญญู ?? หรือปัญหาด้านสุขภาพจิตอื่น ๆ ??
คุณควรจะเข้าใจก่อนว่า ...
หนังเรื่องไหน ทำมาเพื่ออะไร
บางเรื่อง ทำเพื่อต้องการสื่ออะไรบางอย่างแก่ผู้ชม
บางเรื่อง ทำเพื่อต้องการตอบสนอง need ของผู้ทำ
บางเรื่อง ทำเพื่อให้โดนใจนักวิจารณ์
และบางเรื่อง ทำเพียงเพื่อให้ ผู้ชม ได้รับความ entertain
คุณจะมาบอกได้ยังไงว่า คุณเป็น นักดูหนัง ???
เพราะแค่ พล๊อตเรื่อง ของหนัง คุณยังไม่รู้เลย
คุณไม่รู้จริง ๆ เร๊อะ ว่า ใครเป็นผู้เขียนบท ....
เอาเป็นแค่ว่า ผมสรุปว่า คุณไม่ชอบหนังเรื่องนี้
ส่วนเรื่อง 108-1009 ที่คุณโม้มาเกี่ยวกับ เทคนิค ต่างๆ ของการทำหนัง ผมถือว่า ฟังเด็ก ๆ พล่าม ล่ะกัน
เพราะแค่ พล๊อตเรื่อง คุณยังไม่เข้าใจ แล้วมาสะเออะ วิจารณ์ทำเหียกอะไรเนี่ย | โดย: ขับแท๊กซี่ต่อไปเหอะ อย่ามาดูหนังเลย [2 ส.ค. 49 10:35] ( IP A:58.8.23.43 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 22 ((( ท่านที่หลงตามลิ๊งค์มา ถ้าต้องการกลับสู่หน้าแรก เชิญคลิก ))) https://pandagroup.pantown.com/ | โดย: จ๊อบ [3 ส.ค. 49 23:25] ( IP A:203.118.72.79 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 23 ............ออกตัวสักหน่อยนะครับ ผมกับคุณแท๊กซี่นิรนาม ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่เท่าที่ทราบข้อมูลมาคร่าวๆ คุณแท๊กซี่ฯ เค้าเคยมีผลงานหนังสั้น ซึ่งไปได้รับรางวัลในระดับนานาชาติมาแล้ว .. แล้วก็มีบทหนังที่พร้อมจะทำเป็นหนังใหญ่ ( หนังยาวฉายโรง ) แต่หลังจากที่เสนอไปตามค่ายหนังโดยทั่ว คำตอบที่ได้มาก็คือ หนังมันคงไม่ขาย มันหนักเกินไป มันหดหู่เกินไป และแล้วฝันของคุณแท๊กซี่ ก็เลยยังต้องรอคอยกันต่อไป จริงๆโปรเจคซ์เรื่องนั้นผมอยากให้มันกลายออกมาเป็นหนังจริงๆเลยชมัด อยากดูหนังไทยคุณภาพทางเลือกที่แตกต่างไปจากที่เห็นในทุกวันนี้ เสียดายที่นายทุนไม่เชื่อมั่น เพียงเพราะตลาดคนดูบ้านเรามัน......เป็นแบบที่เห็นทุกวันนี้ ดังนั้นคนไทยจะโทษใครไม่ได้ ที่คนทำหนังเขาไม่กล้าทำหนังดีๆ หนังคุณภาพ หนังทางเลือกออกมา ก็เพราะคนดูนี่แหละ เป็นตัวทำให้มันเป็นแบบนี้ คนดูหนังชอบแบบใหน คนทำหนัง คนลงทุน เค้าก็ทำออกมาแบบนั้นแหละครับ ตามความต้องการของตลาด ...... ถ้าหนังดีๆ ทำแล้วมันเจ๊ง ก็คงไม่มีใครอยากทำออกมา จริงใหมครับ ?? | โดย: joblovenuk [5 ส.ค. 49 12:33] ( IP A:202.57.132.195 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 24 นักวิจารณ์อย่าง กฤษดา เกิดดี ก็ชม
นักเขียนอย่าง วัฒน์ วรรยางกูล ดูแล้วก็ชอบ
เราดูแล้วก็ว่า ดีใช้ได้เลยล่ะ เราไม่เห็นว่าจะเลวร้ายอย่างคุณแท็กซี่ว่าเลย | โดย: ขาจรมาเยี่ยม [5 ส.ค. 49 14:34] ( IP A:203.188.28.225 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 25 ผมชอบครับ ชอบมากๆๆๆๆๆๆ เป็นหนังไทยอีกเรื่องที่ผมชอบมากขนาดนี้ต่อจากโหมโรง | โดย: ขาจรเหมือนกัน [5 ส.ค. 49 16:03] ( IP A:124.121.139.177 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 26 แต่เราชอบมากอ่ะ มีปัญหาป่ะ??
เนี่ยจะไปดูอีกรอบ
ใครไม่ชอบก็ช่าง | โดย: อืม [5 ส.ค. 49 23:51] ( IP A:202.93.61.194 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 27 ..............ใครดูแล้วไม่ชอบ ผมก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ เรื่องรสนิยม หรือความชอบในภาพยนตร์เนี่ย ใครจะห้ามกันได้ล่ะเน้อ แต่ใหนๆก็ชอบแล้ว น่าจะลองแสดงความคิดเห็นกันหน่อยว่าชอบตรงใหน ชอบฉากใหน หรือชอบส่วนใหน ชอบยังไง หนังดีตรงใหน สนุกตรงใหน ก็น่าจะเล่าสู่กันฟังบ้าง เผื่อเป็นวิทยาทาน ... คุณกฤษดาเนี่ย ผมก็ชอบอ่านงานวิจารณ์ของเค้านะ ถ้ามีบทวิจารณ์หนังเรื่องนี้ ในแง่บวกอย่างที่ว่า น่าจะก๊อป หรือทำลิ๊งค์มาให้อ่านบ้างนะครับ จะได้ทราบว่าแกเขียนอย่างไร ส่วน คุณวัฒน์ วรรยางกูล นี่ผมไม่รู้จักครับ | โดย: จ๊อบ [6 ส.ค. 49 20:50] ( IP A:203.118.95.115 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 28 วันที่ 04 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5727
โคตรรักเอ็งเลย
คอลัมน์ หนังเด่น
กฤษดา
3 ดาว
ดูหนังเรื่อง "โคตรรักเอ็งเลย" แล้วทำให้นึกถึงการทำประตูที่สร้างสรรค์อย่างสุดสวยในการแข่งขันฟุตบอล
ถ้าเปรียบผู้กำกับฯ และคนเขียนบทหนังเรื่องนี้เป็นนักฟุตบอล เขาได้แสดงให้เห็นถึงการสร้างสรรค์เกมรุก เต็มไปด้วยชั้นเชิงและมีจินตนาการ
โดยได้แสดงให้เห็นถึงการทำประตูที่สุดสวยถึง 2 ครั้งในช่วงเวลาประมาณ 90 นาที
แต่ปัญหาก็คือการทำประตูในฟุตบอลกันในหนังอาจจะมีความแตกต่างกัน
ในการแข่งขันฟุตบอล "ประตู" เป็นเป้าหมายในตัวของมันเอง แต่ในหนัง หลังจากทำประตูแล้วยังคงต้องนำไปสู่เป้าหมายด้วย
กรณีของ "โคตรรักเอ็งเลย" นั้น การที่ผู้กำกับฯ และคนเขียนบทได้แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์และชั้นเชิงนับว่าน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง
แต่ผมไม่คิดว่านั่นคือเป้าหมายของหนัง
เท่าที่พิจารณาดู ผมเชื่อว่าเป้าหมายของหนัง (ซึ่งก็คือเป้าหมายของผู้กำกับฯ และคนเขียนบท) ได้แก่ การทำให้คนดูได้สัมผัสประสบการณ์ชีวิตคู่ในแง่มุมของความขัดแย้ง ซึ่งอาจจะนำไปสู่จุดจบ
แต่ด้วยวิธีการในการเล่าเรื่อง (ซึ่งเต็มไปด้วยการใช้ความคิดสร้างสรรค์และชั้นเชิง) ผมเลยถูกชักนำให้คล้อยตามไปกับ "วิธีการ" (และคนดูอีกจำนวนมากก็น่าจะพบสถานการณ์ที่ไม่แตกต่างกันนัก)
คือถูกทำให้คล้อยตามไปกับวิธีการ แต่ไม่ได้เข้าถึงอารมณ์หรือหัวใจของเรื่อง
ดูแล้วไม่สามารถเกิดความรู้สึกได้เลยว่าตัวละครคนใดคนหนึ่ง หรือทั้งสองคนนั้นมัน "โคตรรักเอ็งเลย"
และไม่เกิดอารมณ์และความรู้สึกว่าจะต้องกลับไปทบทวนหรือพิจารณาความรัก (จะรักแบบธรรมดาไปจนถึงขั้นโคตรรัก) เพื่อมิให้เป็นอย่างในเรื่อง หรือให้เป็นไปตามแบบที่น่าจะเป็น
อีกอย่างก็คือการมีชั้นเชิงล่อหลอกคนดูนั้นมีส่วนทำให้หนังสูญเสียความเป็นหนึ่งเดียวกันไป
ผมพิจารณาว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังตลก ซึ่งมีแบบแผนของพล็อตเป็นเรื่องความรัก การสอดแทรกบรรยากาศแบบลึกลับตื่นเต้น และสยองขวัญ เป็นสิ่งที่ลดทอนความเป็นหนึ่งเดียวกันของหนัง
ปัญหาสำคัญอีกอย่างของหนังเรื่องนี้ก็คือดูแล้วไม่เชื่อว่า สาวสวยเป็นภรรยาของชายหนุ่มผู้เป็นตัวละครเอก
ดูแล้วมองไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมคนสวยอย่างนั้นต้องทนใช้ชีวิตคู่กับผู้ชายซึ่งแทบหาข้อดีไม่ได้
การที่เธอเผลอใจไปกับผู้ชายอีกคนจึงดูสมควรและรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องเห็นใจสามีของเธอเลย
ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาของการคัดเลือกผู้แสดงมากกว่าจะเป็นปัญหาทางด้านการแสดงหรือการกำกับการแสดง (ซึ่งผมเห็นว่าทั้งการแสดงและการกำกับการแสดงนั้นอยู่ในเกณฑ์ดี)
ส่วนที่น่าชมเชยในหนังได้แก่ การเขียนบทสนทนาในหลายฉาก รวมทั้งการกำหนดสถานการณ์แบบอยู่บ้านติดกันหรือการที่เปลี่ยนสถานที่ตรวจร่างกาย รวมไปถึงการสอดแทรกอารมณ์ขันอย่างพอเหมาะพอดี
ฉากที่ผมชอบมีอยู่ 2 ฉาก ฉากแรกได้แก่ ฉากที่ชายหญิงนั่งคุยกันใต้ต้นไม้ที่เต็มไปด้วยกิ่งใบ และเห็นอีกต้นยืนอยู่เคียงข้างแต่ดูเหมือนเป็นต้นที่ตายแล้ว และอีกฉากก็เป็นฉากตรงต้นไม้อีกเหมือนกัน
ผมคิดว่าฉากดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะใช้องค์ประกอบทางด้านฉากสถานที่มาช่วยเหลือความหมายได้ดี
เท่าที่เห็นการใช้ภาพเพื่อเล่าเรื่องก็พอจะมองเห็นว่า ผู้กำกับฯ มีความรู้ความเข้าใจภาษาหนังอยู่พอสมควร
ถ้าหากไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการทำให้ติดอยู่กับ "วิธีการ" ตามที่ได้กล่าวไป หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นงานที่สร้างความประทับใจได้มากกว่าที่เป็นอยู่
ผู้กำกับฯ - พิง ลำพระเพลิง
ผู้แสดง - อุดม แต้พานิช, วิสา สารสาส ........
วัฒน์ วรรยางกูล คือผู้เขียนนิยาย"มนต์รักทรานซิสเตอร์"ที่ เป็นเอก รัตนเรือง เอามาทำเป็นหนัง
เราเขียนไม่เก่ง และกลัวเปิดเผยความลับของหนัง ที่คุณแท็กซี่ฯกระทำอย่างน่าเกลียด เป็นคนทำหนังแท้ๆน่าจะรู้ว่าอะไรควรทำ ควรไม่ทำ โชคดีที่รีบละสายตาจากข้อความสปอยได้ทัน ไม่งั้นมีโมโห ใจคับแคบแบบนั้น ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงคงแย่แน่
เราขาประจำอ่านวิจารณ์หนังของคุณจ๊อบนะในเฉลิมไทย ไม่อยากให้พลาด ยอมหน้าม้าให้หนังเรื่องนี้คนนึงล่ะ | โดย: ขาจรมาเยี่ยม [6 ส.ค. 49 22:10] ( IP A:125.25.0.68 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 29 "เป็นตัวทำให้มันเป็นแบบนี้ คนดูหนังชอบแบบใหน คนทำหนัง คนลงทุน เค้าก็ทำออกมาแบบนั้นแหละครับ ตามความต้องการของตลาด ...... ถ้าหนังดีๆ ทำแล้วมันเจ๊ง ก็คงไม่มีใครอยากทำออกมา จริงใหมครับ "
คุณเอาอะไรมาตัดสินว่าหนังดีละึครับ พวกนั้นมันก็แ่ค่ทฤษฏี ใครทำตรงตามทฤษฏีมากกว่า แปลว่า หนังดีงั้นเหรอ คนดูหนังเกือบ 95% ดูเพื่อความบันเทิงครับ (และโคตรรักฯ ก็ทำได้ดีในตรงนี้ ผมดูจบแล้ว รู้สึกว่ามีความสุขที่ได้ดูหนังเรื่องนี้) ดังนั้น ผมว่า อย่ามาบอกว่าหนังที่ได้กล่อง เป็นหนังดีเลย เพราะคนปกติเค้าดูกันไม่รู้เรื่อง มีแต่คนบ้านั่นแหละที่ดูรู้เรื่อง | โดย: เหอเหอ [7 ส.ค. 49 19:27] ( IP A:203.151.10.61 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 30 ..................เพิ่งเห็นที่ก๊อปมาฝากครับ ขอบคุณนะครับ เด๋วขอเวลาอ่านสักหน่อย แล้วจะมาคุยกันต่อครับ........... | โดย: จ๊อบ [8 ส.ค. 49 19:19] ( IP A:202.57.132.195 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 31 ...........ขอบคุณคุณขาจรที่แวะมาเยี่ยม พร้อมก๊อปบทวิจารณ์มาฝากนะครับ ขอบคุณที่ติดตามกันเรื่อยมา ( ซึ้งใจจริงๆ ) เท่าที่อ่านยังรู้สึกก้ำกึ่งอยู่ เดาว่าคงเป็นงานเขียนในหนังสือพิมพ์ที่คุณกฤษดา ทำตามใบสั่งแน่ๆ เลยเหมือนยัดเยียดข้อดีมากไปหน่อย แต่ก็ไม่แน่ อาจจะเป็นความคิดเห็นของเขาจริงๆก็เป็นได้ คุณกฤษดาเด๋วนี้เขียนวิจารณ์ไม่ค่อยลึกเท่าไหร่ แต่ก็อ่านง่ายดีครับ หลายๆเรื่องก็ตรงกับความคิดของผมอยู่น่ะ หลังๆผมชอบอ่านงานวิจารณ์ในไบโอ โดยเฉพาะของคุณไกรวุฒิ รู้สึกแกเขียนลึก อ่านมันส์ แถมเขียนอ่านง่ายด้วย
............ส่วนประเด็นหนังดี คืออะไรนี่ สงสัยถ้าคุยคงจะยาวน่ะครับ คงเถียงกันไม่จบแน่นอน เพราะหนังดีของใคร ส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนังที่คนๆนั้นเห็นว่าดีน่ะแหละครับ เอาอะไรมาวัดนี่คงยาก แต่คงไม่เกี่ยวกับเรื่อง กล่อง หรือไม่กล่องแน่นอน แต่ผมยังยืนยัน นอนยันเหมือนเดิมนะครับว่า หนังดี กับหนังที่ชอบเป็นคนละเรื่องกัน ผมไม่เคยบอกว่า หนังที่ผมชอบ คือหนังดีน่ะครับ หลายเรื่องที่ผมยอมรับว่าเป็นหนังดี ก็ไม่ใช่หนังที่ผมชอบ ก็ต้องตีค่ากับไปตามศิลปะของภาพยนตร์ ตามเทคนิคการเล่าเรื่อง ความคิดสร้างสรรค์ กระบวนการผลิต ฯลฯ อนึ่ง ผมไม่เคยเอารางวัลมาเป็นตัววัดว่า หนังเรื่องใหนคือหนังดีแน่นอนครับ แม้หนังจะไม่ได้รับการยกย่องจากที่ใหนเลย แต่สำหรับเรา มันอาจจะเป็นหนังที่ดีสุดยอด ก็เป็นได้ | โดย: joblovenuk [9 ส.ค. 49] ( IP A:203.144.193.38 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 32 ไม่ทราบว่าคุณแท็กซี่จะมีโอกาสได้อ่านหรือเปล่า แต่ดิฉันเองก็ควรจะมีสิทธิเขียนความคิดเห็นที่มีต่อ บทวิจารณ์โคตรแสบ ข้างต้นนี้ ในฐานะที่ทำให้ดิฉันสูญเสียเวลาอันมีค่าไปในการอ่านความเห็นของคุณ เช่นเดียวกับที่คุณเสียไปจากการไปดูหนังเรื่องนี้
คุณแท็กซี่คิดว่าคุณ "ฉลาด" ในการดูหรือทำหนังคนเดียวหรือคะ
ไม่ได้เป็นหน้าม้าให้หนัง แต่ดูแล้วก็ประทับใจหนังเรื่องนี้ องค์ประกอบของภาพสวย มี symbol หลายอย่าง หากคุณจะ "ฉลาด" คิดให้ออก เช่น ซากต้นไม้กับต้นไม้เขียวขจียืนต้นคู่กัน ฉากนางเอกจู๋จี่กับหมอซึ่งเป็นคนใหม่เข้ามาทำให้ชีวิตคู่ของเธอที่กำลังอับเฉาเบิกบานขึ้น เธอสนทนากับเขาใต้ต้นไม้ที่มีใบเต็มต้นเหมือนชีวิตของเธอได้รับน้ำหล่อเลี้ยงอีกครั้ง มีซากต้นไม้อยู่ข้างๆแทนชีวิตเก่าของเธอก่อนพบหมอ แต่เมื่อเธอตัดความสัมพันธ์กับหมอ เธอบอกความรู้สึกของเธอกับเขาใต้ซากต้นไม้แทนชีวิตรักของเธอกับหมอที่จบลง มีต้นไม้เขียวชอุ่มต้นเดิมอยู่ข้างๆ แทนชีวิตของเธอต่อไป หรือฉากการกะพริบตาปิ๊งๆให้กันของคู่พระ-นางซึ่งเป็นมุขตลกที่ทั้งคู่มักทำให้กัน เมื่อนางเอกจากไป พระเอกทำได้เพียงยืนสบตากับประภาคารที่มีแสงระยิบระยับเป็นจังหวะ แทนสายตาของคนรักในอดีต หรือฉากพระเอกนั่งคุกเข่าร้องไห้อยู่ริมทะเล หุ่นไม้ที่เป็นงานศิลปะประดับบ้านนอนเค้เก้กับพื้น แทนความรู้สึกพระเอกที่เหมือนคนตั้งหลักไม่ถูก ชีวิตเสียศูนย์ นี่ยังไม่นับความใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยของผู้กำกับที่สนใจแม้กระทั่ง prop เล็กน้อยในเรื่อง เช่นรถของเล่นหรือหุ่นยนต์ของลูกที่มีอยู่เป็นคู่ ตามธรรมชาติของลูกแฝดที่พ่อแม่มักซื้อของเหมือนกันให้ รายละเอียดเล็กน้อยแบบนี้ ถ้าไม่ตั้งใจดูหรือคิดตามจริงๆ จะแทบไม่สังเกตเลย แต่ผู้กำกับก็ยังไม่ละเลย แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้ชุ่ยอย่างที่คุณเห็น (การที่ดิฉันจะพาดพิงถึงบางเรื่องที่เป็นปมปริศนาของหนัง คงไม่ได้ทำให้ผู้ที่อ่านข้อความของดิฉันเสียดายโอกาสที่จะได้ขบคิดด้วยตัวเองไป เพราะความลับของหนังทั้งหมดนั้น ได้ถูกคุณเผยไปจนหมดสิ้นก่อนจะมาอ่านความเห็นของดิฉันแล้ว)
การที่คุณอ้างว่าไม่รู้จักผู้เขียนบทหรือผู้กำกับ แล้วเขียน บทวิจารณ์ นี้ ไม่ได้ทำให้ความเห็นของคุณดูปราศจากอคติ หรือมีความเป็นกลางขึ้นแต่อย่างใดเลย ตรงกันข้าม การที่คุณ วิจารณ์ โดยไม่รู้จริง กลับแสดงให้เห็นวุฒิภาวะของคุณได้อย่างเด่นชัด การที่คุณกล่าวว่าภรรยาของผู้กำกับน่าสงสารที่สามีนำเรื่องราวจากชีวิตจริงมาสร้างในลักษณะนี้ แสดงให้เห็นถึงภาวะการฟังไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียดโดยแท้ อันที่จริง ผู้กำกับเขานำ ส่วนหนึ่ง ของชีวิตจริง มาเติมแต่งด้วยจินตนาการเพื่อตอบสนองความรู้สึกภายในของตนที่อยากมีโอกาสได้แก้ไขความผิดพลาดในอดีตแต่ทำไม่ได้ (เพราะภรรยาของเขาเสียชีวิตไปโดยไม่ฟื้นจากสภาพโคม่า) ให้ตัวละครเอกโชคดีกว่าเขาที่มีโอกาสปรับความเข้าใจกับภรรยาก่อนจะสายไป หากจะขึ้น credit ต้นเรื่องแบบหนังฝรั่งก็ต้องว่า based on the true story ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นความจริงล้วนๆ หรือเอามาหักเหลี่ยม ปรับมุมไม่ได้นี่นา ถ้าคุณเป็นคนทำหนังจริง เรื่องพื้นฐานแค่นี้ก็ควรจะทราบ
การที่คุณขบขันการใช้มุมกล้องของผู้กำกับในฉากที่คุณอ้างว่าคุณเป็นคนเดียวที่ขำและเห็นว่าขำที่สุดในเรื่องนั้น ดิฉันก็ขอกล่าวว่าการที่คุณขบขันผู้กำกับที่ใช้ดอลลี่แทนที่จะถ่ายข้ามไหล่คนไปนั้น เป็นสิ่งที่ทำให้ดิฉันขบขันที่สุดใน บทวิจารณ์ ของคุณ แต่ไม่แน่ใจว่าตนเองจะเป็นคนเดียวที่ขำหรือเปล่านะคะ เพราะดิฉันมองว่าการที่คุณตัดสินว่าผู้กำกับเบาปัญญา ไม่รู้จักเทคนิคการถ่ายข้ามไหล่ที่คุณตัดสินว่า ฉลาด กว่านั้น เป็นการตัดสินงานผู้อื่นแบบอัตวิสัย (subjective หรืออิงตนเองเป็นที่ตั้ง) อย่างน่าสมเพชที่สุด การถ่ายทอดภาพลงแผ่นฟิล์มก็เหมือนจิตรกรวาดภาพลงบนผืนผ้าใบ ยุค Realism คนเห็นว่าภาพที่สวย มีศิลปะนั้น ต้องสมจริง เก็บทุกรายละเอียด ยุคต่อมาคนกลับนิยม Expressionism โดยเห็นว่าไม่ต้องสะบัดฝีแปรงหรอก แค่เอาพู่กันแต้มสีเป็นจุดๆหรือขีดๆให้ภาพมัวๆ แทนความรู้สึกโดยรวมก็สวยแล้ว เราไม่อาจจะเปรียบเทียบได้ว่างานที่ใช้เทคนิคหนึ่งจะสวยหรือเป็นการลงสีแบบ ฉลาด กว่าอีกแบบหนึ่ง ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้กำกับเขาจะเดินอ้อมเขา (ใช้ดอลลี่หมุนไปมา) ชมความงามของภูมิทัศน์โดยรอบมันก็เรื่องของเขา คุณอาจจะเห็นว่าการเดินตัดทุ่ง มุ่งสู่เป้าหมาย (ถ่ายข้ามไหล่) มันง่ายกว่ามันก็เรื่องของคุณ ทั้งที่ทั้งสองวิธีมันก็พาไปถึงจุดหมายเหมือนกัน พฤติกรรมอย่างนี้จะเรียกได้ว่าใคร สะเออะ กันแน่คะ แล้วจะให้ดิฉันอดขำไว้ไม่ไหวได้ยังไงกัน
ส่วนเรื่องที่ผู้กำกับเขาเจตนาหลอกคนดูนั้น อย่าลืมว่าหากย้อนคิดกลับไป ทุกฉากก็ชัดเจนในตัวเองและอธิบายได้ คนดูต่างหากที่เป็นคนปะติดปะต่อเรื่องราว แล้วเข้าใจผิดไปเอง (ซึ่งแน่นอนว่าเกิดจากการตัดต่อภาพของผู้กำกับและการใช้เทคนิคจิตวิทยาการเชื่อมโยงเหตุผลของมนุษย์มาใช้เป็นพื้นฐาน) การที่คนดูเข้าใจผิด ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นไปตามเจตนาของผู้กำกับ แล้วคุณยังคิดว่าผู้กำกับหรือผู้เขียนบทที่ชักนำให้คนดูมี reaction ตามความประสงค์ของเขาได้ ไม่มีเทคนิค ไร้ศิลปะหรือคะ
การสับขาหลอกในเรื่องเป็นการผูกเรื่องให้น่าติดตาม มีสีสันมากกว่าการบอกเล่าปัญหาชีวิตคู่ธรรมดา มุขตลกในเรื่องก็ไม่ได้มากเกินพอดี จะว่าอารมณ์เศร้าไม่ peak ก็ไม่ใช่อีก เพราะเขาไม่ได้ต้องการให้ดูไปซับน้ำตาไปทั้งเรื่อง เขาก็บอกแล้วว่าเป็น "หนังรักชวนตื่น" ทำไมไม่มองกลับกันว่าการทำให้หนังเรื่องหนึ่งครบทุกอารมณ์ ทั้งตลก เศร้า ลึกลับ สยองขวัญหน่อยๆ เป็นศิลปะอย่างหนึ่งเหมือนกัน ไม่ใช่ผู้กำกับทุกคนจะชงและเขย่าส่วนผสมเหล่านี้ได้กลมกล่อมพอดี
หนังดีเรื่องหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังหนัก พยายามนำเสนอ theme ยากๆที่ผู้กำกับหรือคนเขียนบทอาจเข้าใจชัดเจนอยู่คนเดียว เหมือนดอกเตอร์บางคนที่อาจมี degree พ่วงท้ายมาเป็นแถว มีความรู้มากมาย แต่บรรยายแล้วลูกศิษฐ์อยากหลับหรือไม่เข้าใจที่อาจารย์ต้องการนำเสนอ บางครั้งหนังเรื่องหนึ่งที่สร้างโดยผู้กำกับที่อยากจะเล่าเรื่องซักเรื่องหนึ่ง ให้คนดูสนุกและได้ข้อคิดอย่างที่เขาต้องการจะสื่อ ก็ถือว่าเขาประสบความสำเร็จแล้ว
แนวหลากหลายของหนัง ก็เหมือนหนังสือ คุณชอบเรื่องชัดเจนเล่าเป็นชิ้นเป็นอัน คุณก็อ่านสารคดีสิ คุณอยากเรียนรู้ชีวิตผู้อื่น คุณก็อ่านชีวประวัติหรืออัติชีวประวัติ คุณอยากอ่านหนังสือที่ให้ทั้งสาระและบันเทิง คุณก็อ่านหนังสือบันเทิงคดีหรือนิตยสารต่างๆ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณชอบแบบไหน หรืออารมณ์คุณ ณ ตอนนั้นมากกว่าว่าคุณอยากอ่านแบบไหน แต่คุณไม่อาจกล่าวได้ว่าคนที่อ่านหนังสือบันเทิงคดี "โง่" หรือมีสติปัญญาน้อยกว่าคนอ่านสารคดี หรือสารคดีเท่านั้นที่นับว่าเป็นหนังสือดี
เรื่องการดูหนังเป็นเรื่องความชอบส่วนตัว คนดูแต่ละคนต่างก็มีวิจารณญาณ อย่าได้คิดเป็นอันขาดว่าใครจะ "โง่" เสียเงินเข้าไปดูอย่างคุณ เพราะคนดูบางคนที่ไม่ต้องทำหนังเป็น อาจดูหนังได้ "ฉลาด" กว่าคุณก็เป็นได้ และก็ไม่จำเป็นต้องชักจูงให้คนที่จะไปดูอ่านข้อความของคุณก่อนตัดสินใจ เพราะถ้าใครสักคนจะตัดสินใจไปดูแล้วชอบหรือไม่ชอบ มันก็ควรเป็นเพราะเขาเลือกเอง ไม่ใช่ถูกความคิดที่จำกัดในกรอบทฤษฎีคนทำหนังที่ดี (แต่ขายไม่ออก แค่เสนอ project ก็ถูกปฏิเสธแต่แรก) มาตัดสิน คุณลืมไปหรือเปล่าว่าวัตถุประสงค์เริ่มแรกแท้จริงของการทำหนังคือการบอกเล่าเรื่องราว หากคุณมีภูมิหรือทฤษฎีเต็มสมอง แต่ไม่มีโอกาสถ่ายทอดมันออกมา ก็ถือว่าคุณล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้วค่ะ
ดิฉันไม่เชียร์ให้ใครไปดูหนังเรื่องนี้ เพราะดิฉันเชื่อว่าผู้ชมแต่ละคนคิดเองได้ว่าสมควรหรือตนเองอยากดูหรือไม่ และดิฉันก็ไม่ได้บอกว่าหนังเรื่องนี้ perfect ไปทุกอย่าง หลับหูหลับตาชอบ บางฉากบางตอนก็ดิฉันก็เห็นว่าไม่สมเหตุผล เช่น หมอซึ่งเป็นสูตินรีแพทย์ตรวจภายในนางเอก แต่ไม่ทราบว่านางเอกน่าจะมีสามีแล้วหรือผ่านการคลอดลูกมาก่อน ในความเป็นจริงเห็นจะเป็นไปได้ยาก หรือฉากที่นางเอกขอเลือกกับพระเอก พอพระเอกถามว่า ตัวเองไม่อยากสอนเค้าเล่นเปียโนแล้วเหรอ กล้อง close up หน้านางเอก ฉากนี้นางเอกปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมาไม่ค่อยเนียนเท่าไร คือดูเหมือนกะพริบตาแล้วเค้นให้ไหลลงมา ไม่เชื่อลองไปดู MV ของเรื่องนี้ได้ แต่ฉากอื่นๆต้องนับว่าเล่นได้ธรรมชาติและน่าชมเชยแล้ว เมื่อคิดว่าเป็นเรื่องแรกของเธอ โดยรวมดิฉันคิดว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจ เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการ และความกล้าที่จะสร้างสรรค์ ครบรสและงดงาม ไม่ได้ไร้ศิลปะ ไร้เทคนิค ไร้ความสวยงาม ไม่มีค่าควรแก่การกล่าวถึงอย่างที่คุณตัดสิน
จริงๆก็มีอะไรอยากเขียนอีกมากหลังอ่าน บทวิจารณ์ ของคุณ แต่ก็คงเหมือนความรู้สึกของคุณที่มีต่อหนังเรื่องนี้นั่นแหละค่ะ ดิฉันก็เห็นว่า บทวิจารณ์ ของคุณไม่มีค่าควรแก่การเขียนถึงยาวไปกว่านี้ จึงขอสรุปสั้นๆว่า องุ่นในปากคนอื่นที่เรา (อยากกิน แต่) กินไม่ได้ มันก็เปรี้ยวเสมอแหละค่ะ | โดย: kob_ple@gmail.com [9 ส.ค. 49 4:42] ( IP A:58.64.46.13 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 33 คุณกฤษดาเขียนใน"ข่าวสด"จะเขียนแบบให้อ่านง่าย หนังไทยที่แกชอบจะแสดงออกทางด้าน"ติ"ให้เห็นเป็นสำคัญเสียด้วยซ้ำ เรื่องทำตาม"ใบสั่ง"ไม่มีหรอก อย่างของคุณ"วัฒน์ วรรยางกูล"ที่เราจะเอามาให้คุณจ๊อบอ่านนี่ก็"สั่งได้"หรือ | โดย: ขาจรมาเยี่ยม [9 ส.ค. 49 14:35] ( IP A:203.114.111.210 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 34 ข่าวสด วันที่ 06 สิงหาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 16 ฉบับที่ 5729
รักกันวันนี้ดีกว่า
คอลัมน์ วัฒน์ วรรลยางกรู
วันเสาร์ที่แล้วได้ไปดูภาพยนตร์เรื่อง "โคตรรักเอ็งเลย"
ดูแล้วนึกถึงเพลง "พรุ่งนี้ไม่มีอะไรแน่"-ชรินทร์ นันทนาคร และเพลง "ขี้เหร่ก็รัก"-ศรคีรี ศรีประจวบ
เดี๋ยวค่อยขยายความ
ขอตอบจดหมายมิตรรักแฟนเพลงที่ค้างแฟ้มมาเป็นเดือน
จดหมายส่วนหนึ่ง ชื่นชมการลงลึกแนะนำให้รู้จักเพลงดีๆ ของ ทูล ทองใจ ก็จะไม่ลงรายละเอียด
ขอบคุณที่ติดตามอ่าน และให้กำลังใจ
เท่าที่ได้เช็กข้อมูลจากแม่ไม้เพลงไทย ผู้ผลิตเพลงของ ทูล
บอกว่า ชุดที่คนนิยมมาก คือ โปรดเถิดดวงใจ (CD420) นิราศเวียงพิงค์ (CD419)
ส่วนชุดที่ผมลงความเห็นว่ารวมเพลงไพเราะของทูลไว้มากที่สุด กลับขายไม่ค่อยดีนัก
คือชุด นกเขาขันฉันครวญ (CD422)
ก็จะไม่ค้นคิดอะไรให้ยืดยาว เป็นเรื่องของความนิยม
เพลงชุดนกเขาขันฉันครวญ ที่ผมเคยชื่นชมฟูมฟายไปนั้น ก็ได้ผล เช่น
เพื่อนรุ่นน้อง เป็นคอลูกทุ่งรุ่นสายัณห์ สัญญา (โด่งดังปี 2517) โตไม่ทัน ทูล ทองใจ เลยขอยืมเพลงชุดนกเขาขันฉันครวญไปฟัง
ผมยกให้ไปเลย เพราะมีอยู่สองแผ่นกันเหนียว เผื่อหาย
เคยตอบคุณสมเจตน์ หมอดูที่ชอบร้องเพลงลูกทุ่ง เรื่องต้นฉบับเพลงนิราศรักนครปฐมว่า มีขาย ผลิตโดย บ.เมโทร
เช็กข้อมูลทางโทรศัพท์ พอซื้อมาฟังจริงๆ ไม่ใช่ต้นฉบับเดิม เป็นการบันทึกเสียงใหม่
เพราะดนตรีใช้เสียงสังเคราะห์
ข้อมูลจาก ครูสุรินทร์ ภาคศิริ บอกว่านิราศรักนครปฐม เป็นเพลงในยุคที่ ไพรวัลย์ ลูกเพชร ออกมาตั้งวงเองแล้ว (ก่อนหน้านั้น อยู่กับวงสุรพล สมบัติเจริญ และวงรวมดาวกระจาย ตามลำดับ)
แผ่นเสียงชุด นิราศรักนครปฐม ไพรวัลย์ ทำแผ่นเสียงขายเองมาสเตอร์ของเดิมไม่รู้อยู่ที่ใคร
เพลงที่ใช้ดนตรีเสียงสังเคราะห์กับดนตรีเล่นสดนั้น ความไพเราะต่างกันเยอะ
ฟังเพลงบ้าง ดูหนังบ้าง ดูหนังแล้วก็คิดถึงเพลง
อย่างในหนังเรื่อง โคตรรักเอ็งเลย นำแสดงโดย โน้ส อุดม แต้พานิช
กับนางเอกใหม่ที่สวยสดใส ดูเพลินไม่เบื่อตา
คาดว่า เธอคงแจ้งเกิดในแวดวงหนัง-ละครได้อีกคน
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องของนักเขียนบทที่หน้าตาไม่หล่อ ตลก ทะลึ่ง
และก็กิริยาน่าเบื่อน่าเกลียด
เช่น ชอบนอนตด นอนกรน น้ำลายยืด ฯลฯ
เขามีเมียสวยผู้มีรสนิยมวิไล ชอบเล่นเปียโน ชอบโซฟาศิลปะสมัยหลุยส์
ใฝ่ฝันถึงสุภาพบุรุษที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งไม่มีอยู่ในตัวสามีของเธอเลย จึงได้เบื่อกัน ทะเลาะกัน
เมื่อเธอจับได้ว่าเขาไปเที่ยวหมอนวด
เขาบอกว่า แค่ "นอกกาย" ไม่ได้ "นอกใจ"
ส่วนเธอไปพบหมอตรวจภายในรูปหล่อราวกับผู้ชายในฝัน
เหตุการณ์บานปลาย จนผัวเมียทะเลาะ เลิกรากัน กว่าจะเข้าใจกันได้ก็เกือบตายด้วยอุบัติเหตุ
หนังเขียนบทดี เก็บรายละเอียดชีวิตคู่ทั้ง กิน-ขี้-ปี้-นอน ครบถ้วน
ทุกมุขที่ปล่อยออกมามีเหตุมีผลตามเนื้อเรื่อง ไม่เป็นมุขโดดยัดเยียด
นางเอกขับรถตกหน้าผา พระเอกโดนรถชน ดูตามภาพไม่น่ารอดตายได้
แต่ก็หยวน เพราะนี่คือโลกสมมติ
เหมือนที่ลิเกเดินวนสามรอบก็บอกว่าออกจากพระราชวังไปถึงกลางป่าใหญ่
เป็นการสมมติ เพื่อบรรลุการเล่าเรื่องว่า ความตายจะมาถึงคนที่เรารักเมื่อไรก็ไม่รู้
อย่ามัวแต่ไม่พอใจว่าผัวตัวเองไม่หล่อและทุเรศ (เล็กๆ น้อยๆ)
หรือมัวแต่โกรธแค้นที่เมียเผลอใจไปกับชายอื่น แบบ "สูญเสียการทรงตัวและหัวใจ"
เรื่องง่ายๆ อาศัยตบมุขดี ไดอะล็อกสนุก-ฮามีเหตุผล
มีที่มาที่ไปเก็บได้ละเอียด
ที่สำคัญนางเอกสวย!
ถ้าจะคลางแคลงบ้างก็ตรง สาวสวยมารักนายคนตลกทุเรศนี้ได้อย่างไร
เป็นต้นว่า เธออาจจะเคยผิดหวังกับหนุ่มหล่อ เลยหันมาสนใจคนไม่หล่อ
และพอมาเจอหมอหนุ่มหล่อๆ เลยเกิดเรื่อง
ด้านลึกของนางเอกเป็นส่วนสำคัญ เพราะเรื่องเกือบทั้งหมด มาจากนางเอก
นี่คือส่วนที่พร่องไป 1%
เพลงขี้เหร่ก็รัก เป็นมุมมองของนางเอกต่อพระเอก (ในที่สุด)
เพลงพรุ่งนี้ไม่มีอะไรแน่ เข้ากับแก่นเรื่อง (theme) ของ โคตรรักเอ็งเลย
ร้องโดย ชรินทร์ นันทนาคร ทำนอง สมาน กาญจนผลิน เนื้อร้องโดย สนิท ศ.
"รักกันวันนี้ดีกว่า เผื่อว่าพรุ่งนี้มีอันเป็นไป แม้เธอและฉันนั้นพลันต้องสิ้นใจ ฉันจะหวังใครให้เป็นที่รักยิ่ง"
นางเอกหนังโคตรรักเอ็งเลย เธอชื่อ วิสา สารสาส
ดูจบแล้วต้องบ่นว่า "เอ็งโคตรน่ารักเลยว่ะ"
หน้า 17 | โดย: ขาจรมาเยี่ยม [9 ส.ค. 49 14:37] ( IP A:203.114.111.210 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 35 .............ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นน่ะครับ เด๋วกลับมาอ่านต่อตอนว่างๆน่ะครับ พอดีมีเวลาแป๊ปเดียว ส่วนกระทู้นี้ผมเคยก๊อปไปให้คุณแท๊กซี่รอบนึงแล้ว ไม่รู้เค้ามีเวลาอ่านหรือเปล่า ยังไงเด๋วจะลิ๊งค์ไปให้คุรแท๊กซี่เขาอีกรอบ ถ้าเจ้าตัวเค้าว่างๆก็อาจจะโผล่มาตอบความคิดเห็นให้ก็เป็นได้น่ะครับ ............ | โดย: ่joblovenuk [10 ส.ค. 49 12:21] ( IP A:202.57.132.195 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 36 ............แวะมาอ่านจนครบแล้วล่ะครับ ผมฝากกระทู้ไปให้คุณแท๊กซี่เค้าแล้วล่ะ แต่เค้าคงไม่อยากมาตอบกระมัง คงไม่อยากมาต่อปากต่อคำ จริงๆผมเองก็ฟังความทั้งสองฝ่ายแหละครับ ทั้งฝ่ายที่ชอบและไม่ชอบ มาถกเถียงกันถึงเหตุผลความชอบนี่ฟังสนุกครับ ถ้าแขวะกันไปแขวะกันมา ถึงเรื่องส่วนตัว หรืออื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับหนังเนี่ย ผมก็คงเซ็งแทนเหมือนกัน เพราะส่วนตัวก็เคยเขียนด่าหนังที่เกลียด แล้วก็โดนพวกชอบหนังเรื่องนั้นๆออกมาด่า บางทีเถียงกันด้วยเหตุผลไม่ได้ ก็พาลด่าว่าผมเลว โง่ ไปโน่นเลย ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเบื่อมั่กๆๆ | โดย: joblovenuk (พีอาร์ฯ ) [12 ส.ค. 49 22:29] ( IP A:203.118.95.198 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 37 วิจารณ์ด้วย อัคติ ล้วนๆ
หนังเรื่องนึง แค่ตอบโจทย์ตัวเองได้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก็พอแล้ว
สร้าง อนุสาวรีย์หรือปฏิมากรรม ซักชิ้นหรือก็เปล่า
ผมว่า โคตรรักเอ็งเลย ทำหน้าที่ของมันได้เกือบ ดีแล้วครับ
อ่านตอนแรก คิดว่าคุณ พิง ลำพระเพลิง มาเขียนด่าตัวเองเสียอีก
เพราะเขียนอย่างนี้ ไม่ใช่ตัวเอง ก็
โคตร เกลียด เอ็งเลย แน่นอน
ซึ่งแน่นอน... มันแฝงอารมณ์ส่วนตัว เจืออยู่มาก | โดย: ชอบไปยาลใหญ่ [15 มี.ค. 50 13:53] ( IP A:202.133.139.159 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อคืนเพิ่งได้ดูจากช่อง 7 ที่นำมาฉาย ส่วนตัวชอบหนังเรื่องนี้ ดูจบแล้วรู้สึกอิ่มเอมกับสิ่งที่ผู้สร้างหนังต้องการมอบให้กับคนดู ครบรสจริงๆ ถึงแม้จะมีบางฉากบางตอนที่ไม่ชอบ แต่เมือดูจบโดยรวมก็ยังให้อารมณ์ความรู้สึกที่ดีอยู่ รู้สึกว่าเป็นหนังที่ให้แง่คิดได้เรื่องหนึ่ง ได้มาเจอบทวิจารณ์ของคุณแท๊กซี่เข้าไป รู้สึกเสียใจที่คนทำหนัง หรือนักวิจารณ์หนังเป็นแบบนี้ รู้สึกว่าคุณเหมือนตีกรอบให้ความคิดตัวเอง แล้วยังจะไปยัดเยียดกรอบของตัวเองให้คนอื่นอีก การวิจารณ์หนังที่ดี ไม่ใช่การใส่อารมณ์ความรู้สึกของตัวเองเข้าไปขนาดนั้น (มีแต่ด้านลบ)ควรจะมองโลกให้กว้างกว่านี้ และเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ มองอะไรให้เป็นกลางมากกว่านี้ อีกทั้งไม่ควรไปตัดสินว่าคนไปดูหนังเรื่องนี้เป็นคนโง่ เพราะอย่างที่พูดกันมาว่ารสนิยม ความชอบของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน จะมาบังคับทุกคนให้คิด ให้ชอบเหมือนตัวเองนั้นคงไม่ได้ใช่มั้ยคะคุณจ๊อบ ดิฉันรู้สึกผิดหวังกับคุณจ็อบเล็กน้อยที่คุณไม่ได้เป็นกลางอย่างที่ควรจะเป็น อย่างความคิดเห็นที่ 16 "...ก็เห็นมีคนดูหนังบางคนเค้าชอบหนังเรื่องนี้เหมือนกัน ( อาจจะเป็นหน้าม้าก็ได้ )" อย่างไรก็ตามการวิจารณ์หนังในแบบของแต่ละคนไม่ใช่เรื่องผิดแต่การยัดเยียดเอาความคิดและกรอบของตัวเองให้คนอื่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำค่ะ คนเราถารู้จักให้เกีรยติและ เคารพซึ่งกันและกันมากกว่านี้ถึงแตกต่างทางความคิดเราก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขค่ะ | โดย: NJ [17 ก.ย. 52 20:47] ( IP A:61.47.25.147 X: ) |  |
ความคิดเห็นที่ 40 อย่าไปสนใจเรื่องความสามารถในการเขียนบท กำกับ หรือเทคนิคต่างๆ เพราะเราไม่ได้อยู่ในชั้นเรียน Boardcast ดูหนังแล้วอินก้อพอแล้ว หนังจะบอกว่า "คนรักกันต้องทำให้ดีที่สุดในทุกๆวันที่มีโอกาส" แค่นั้นก้อโอเคแล้ว เพราะถ้าครัยคิดว่าเขียนบทดี กำกับดี จะมาวิจารณ์ทำไม ไม่ไปทำเองเลยหมดเรื่องไป... | โดย: sikaju@hotmail.com [26 ธ.ค. 53 2:20] ( IP A:58.9.110.196 X: ) |  |
|