มีหมาเป็นเพื่อนดีกว่ามีเพื่อนหมาๆ
ได้ร่วมฝันกับเพื่อนหลายๆคนว่าน่าจะทำอะไรกันเพื่อบางแก้วแสนรักบ้าง
https://www.hightidediving.com/webboard/view.php?No=70
เช่น เขียนหนังสือ , ทำโครงการวิจัยพฤติกรรมและบ้านพักพิงสำหรับสุนัขบางแก้ว , ทำเสื้อยืด , ตุ๊กตา , เปิดสระน้ำ ฯลฯ
https://www.hightidediving.com/webboard/view.php?No=11
แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ทุกสิ่งอย่าง มันไม่ง่ายนัก
คงต้อง ฝันให้ไกล ไปให้ถึง กันต่อไป
แต่ไหนๆ ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับบางแก้วที่ชื่อปิงปองไว้บ้างแล้ว จะทยอยนำมาลงให้ผู้รักบางแก้วได้อ่านกัน เผื่อว่าจะได้ผู้ร่วมฝันมากขึ้น และ สักวันหนึ่ง ฝันนั้นอาจจะกลายเป็นจริงขึ้นมา
เพื่อนๆได้อ่านแล้ว มีข้อคิดเห็นหรือข้อแนะนำประการใด กรุณาช่วยไปให้ข้อคิดเห็นในกระทู้ห้องเสวนานานาปัญหาบางแก้วด้วยครับ
และเพื่อให้เพื่อนๆได้อ่านแบบออฟไลน์และนำไปเผยแพร่ต่อได้สะดวก ได้ลองไปหาโปรแกรมอีบู๊คมาใส่เรื่องราวของบางแก้วให้เพื่อนๆที่สนใจได้ดาวน์โหลดไปอ่านกันที่ https://bangkaew.no-ip.com ส่วนใหญ่จะเปิดเฉพาะตอนกลางวัน ครั้งหนึ่งเปิดได้ 12 ชั่วโมงจะโดนตัด ต้องต่อใหม่ ไม่ได้เปิดตลอดเวลา อาจไม่สะดวกสำหรับเพื่อนหลายๆท่านโดยเฉพาะท่านที่อยู่ต่างประเทศ เลยสร้างสำรองไว้ที่ https://www.geocities.com/bangkaew4u ให้เพื่อนๆเข้าไปดูและดาวน์โหลด Bangkaew e-Book ได้ตลอดเวลา
มีหมาเป็นเพื่อนดีกว่ามีเพื่อนหมาๆ
โดย รักษ์ บางแก้ว
สงวนลิขสิทธิ์ โดย https://bangkaew-dog-lover-club.pantown.com
๘ กันยายน ๒๕๔๖
แด่
อาจารย์อัศวิน วรรณวินเวศร์ ผู้มีพระคุณต่อข้าพเจ้าและเป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชอบสุนัขบางแก้ว
แด่
อาม่า ภรรยา ลูกๆ และเจ้าโบที่ช่วยกันเลี้ยงดูเจ้าปิงปองมาด้วยความอดทน
แด่
เพื่อนชาวชุมชนคนรักสุนัขบางแก้วที่ช่วยทำให้หนังสือเล่มนี้มีสาระน่าอ่านมากขึ้น
แด่
เพื่อนชาวจตุจักรผู้เป็นเจ้าของคำคม มีหมาเป็นเพื่อนดีกว่ามีเพื่อนหมาๆ
และแด่
เพื่อนชาวจตุบท (4 เท้า ) ผู้ได้ร่วมกันพิสูจน์แล้วว่าคำคมนี้เป็นจริง
สารบัญ
เกริ่นเรื่อง
1. เปิดท้ายขายหมา
2. ต้อนรับสมาชิกใหม่
3. หมอหมากับหมอคน ต่างกันที่ตรงไหน
4. สู่ชุนชมคนรักสุนัขบางแก้ว
5. ใบรับรองสายพันธุ์ สำคัญไฉน
6. สุนัขเพ็ดดิกรีกับสุนัขโนเร็คคอร์ดต่างกันอย่างไร
7. จะดูโหงวเฮ้งบางแก้วอย่างไรดี
8. เมื่อพี่น้องคู่ซี้กลับกลายเป็นศัตรูคู่แค้น
9. โต๊ะจตุจักร เพื่อนๆผู้รักสุนัขที่แสนดี
10. อนาคตของบางแก้ว ฝันให้ไกล ไปให้ถึง
จุดเริ่มต้น
เกริ่นเรื่อง
ตลาดนัดสวนจตุจักรในเย็นวันนั้นคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายจากทั่วทุกสารทิศที่ต่างมุ่งหน้ามาด้วยวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน นอกจากเสื้อผ้าและของกินของใช้ราคาถูกแล้ว เป็นที่รู้จักกันดีว่า ถ้าต้องการหาสัตว์เลี้ยงสักตัว ไม่ว่าจะเป็นแมว หมา ปลา นก หรือ สัตว์หายากอื่นๆ ก็สามารถมาหาซื้อได้จากตลาดนัดสวนจตุจักรแห่งนี้
ผมกับลูกสาวก็เป็นหนึ่งในฝูงชนที่เดินทางมาด้วยวัตถุประสงค์ที่จะหาซื้อลูกสุนัขไปเลี้ยงไว้ดูเล่นเป็นเพื่อนเช่นกัน
หลังจากเดินดูตามคอกสุนัขพันธุ์ต่างประเทศราคาแพงไปหลายร้าน ก็ยังไม่มีสุนัขที่ถูกใจ( ลูกสาว ) จนฟ้าเริ่มมืด ผู้คนเริ่มจะทยอยกลับบ้านกันแล้ว จึงบอกลูกสาวว่ารอไว้วันหลังค่อยกลับมาหาซื้อใหม่ ในขณะที่เดินกลับออกมาถึงสี่แยก บังเอิญได้พบกับหญิงชาวบ้านคนหนึ่งนำลูกสุนัขสีดำใส่ตะกร้ามายืนขายอยู่ตัวหนึ่ง สีหน้าท่าทางของหญิงคนนั้นคล้ายกับมีความกังวลอะไรบางอย่างอยู่ในใจ เช่นเดียวกับสุนัขของเธอที่นั่งสงบอยู่ในตะกร้า จ้องมองผู้คนที่ผ่านไปมาด้วยแววตาบริสุทธ์คล้ายกับจะบอกว่า ช่วยรับหนูไปด้วยนะคะ หนูไม่อยากให้แม่ต้องลำบาก
คืนนั้น เรากลับถึงบ้านพร้อมกับสมาชิกใหม่ 1 ตัว แต่สิ่งสำคัญที่ผมได้จากตลาดนัดสวนจตุจักรในวันนั้น มันไม่ใช่สุนัขสีดำหูตั้งตัวนี้แต่เพียงอย่างเดียว ผมยังได้ข้อคิดเตือนใจจากคำคมบนแผ่นป้ายหน้าร้านขายสุนัขแห่งหนึ่งที่เขียนว่า
มีหมาเป็นเพื่อนดีกว่ามีเพื่อนหมาๆ
อ่านต่อ บทที่ ๑

๑. เปิดท้ายขายหมา
สามปีต่อมา
สวนหลวง ร.๙ เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ผู้คนนิยมมาเที่ยว โดยเฉพาะในยามเช้าที่อากาศสดชื่นเย็นสบาย จะมีผู้คนมาออกกำลังกายในสวนกันอย่างคึกคัก
ผมเพิ่งจะมีโอกาสมาสวนหลวง ร.๙ เป็นครั้งแรกในยามเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง โดยได้มาร่วมกิจกรรมเดินวิ่งการกุศลของที่ทำงาน ทำให้ได้รับรู้ว่ามีผู้คนมากมายที่ตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกาย ณ สวนแห่งนี้ นับได้ว่าการรณรงค์ ให้ประชาชานเห็นความสำคัญของการดูแลสุขภาพตนเองของหน่วยงานต่างๆประสบความสำเร็จพอสมควร
ที่บริเวณประตูทางเข้าออกของสวนหลวง ร.๙ เป็นถนนกว้างใหญ่ที่ทอดยาวเข้ามาจากถนนศรีนครินทร์ตรงข้างศูนย์การค้าเสรีเซ็นเตอร์ ในยามเช้าเช่นนี้ จะมีพ่อค้าแม่ค้านำสิ่งของมาขายเต็มสองฟากถนน ผู้คนเดินขวักไขว่จับจ่ายซื้อของกันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มาออกกำลังกายในยามเช้า เมื่อเสร็จธุระก็จะมาแวะซื้อของกินของใช้ติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน
ที่นี่เหมือนตลาดนัดสวนจตุจักรน้อยๆ เพียงแต่ไม่มีใครนำสัตว์มาขาย
ผมคิดขณะที่เดินทอดน่องผ่านแผงต่างๆกลับไปยังที่จอดรถ ทันใดนั้น สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นรถเก๋งคันหนึ่งมีแผ่นป้ายกระดาษติดไว้บนหลังคารถเขียนไว้ว่า ขายสุนัขบางแก้ว ด้วยความสนใจ ผมจึงสาวเท้าเข้าไปดู
ท้ายรถเก๋งคันดังกล่าวถูกเปิดออกกว้าง มีกรงสุนัขขนาดไม่ใหญ่นักวางอยู่ ภายในมีลูกสุนัขขนปุกปุยลำตัวสีขาว ใบหน้าสีน้ำตาล เล่นหยอกล้อกันอยู่ ๒ ตัว ข้างๆมีเด็ก ๒-๓ คนยืนมุงดูอยู่ด้วยความสนใจ ใกล้ๆ มีผู้ปกครองเด็กกำลังยืนคุยอยู่กับคนขาย ผมนึกขึ้นได้ว่าลูกสาวเคยบอกว่าอยากได้ลูกสุนัขอีกสักตัวไปเป็นเพื่อนเจ้าโบที่บ้าน
โดยไม่รอช้า ผมตัดสินใจเลือกสุนัขตัวใหญ่ที่มีท่าทางปราดเปรียวกว่ามาอุ้มไว้ หลังจากที่ตกลงราคาเสร็จ ผมก็อุ้ม เจ้ามอม สุนัขบางแก้วเพศเมียอายุ ๒ เดือนตัวนั้นกลับมาขึ้นรถด้วยความลิงโลดใจ
สายวันนั้น ผมกลับถึงบ้านพร้อมกับสมาชิกใหม่อีก 1 ตัว โดยหารู้ไม่ว่า ข้อคิดเตือนใจบทใหม่กำลังรอผมอยู่ข้างหน้า
อ่านต่อ บทที่ ๒

๒. ต้อนรับสมาชิกใหม่
เมื่อพาเจ้ามอมมาถึงบ้าน ก็มีทั้งคนที่ดีใจ แปลกใจ และตกใจ
ที่ดีใจคือลูกสาวผมที่พยายามจะเอามือไปลูบหัวเจ้ามอมเล่น แต่เจ้ามอมไม่ยอมเล่นด้วย
มันวิ่งเข้าไปหลบอยู่ใต้โต๊ะกินข้าว แยกเคี้ยวขู่ฟอดๆ ทำท่าจะกัดเอา
ที่แปลกใจคือเจ้าโบที่พยายามเอาจมูกเข้าไปดมก้นทักทายด้วยความอยากรู้จัก แต่ก็โดนขู่คำรามจนต้องล่าถอยออกมา
ที่ตกใจคือแฟนผมที่พยายามบอกให้เอาไปคืนคนเลี้ยงเสีย โดยอ้างพระบรมราโชวาทของในหลวงที่ทรงตรัสไว้ว่า บางแก้วเป็นสุนัขที่ดุ รักเจ้าของคนเดียว แล้วพูดขยายความต่อเอาเองว่า เดี๋ยวจะไปกัดเด็กๆในบ้าน
ผมเองก็เริ่มรู้สึกว่า เจ้าบางแก้วนี่ดุไม่เบาเลยขนาดตัวเล็กแค่นี้ ยังสามารถขู่คำรามให้คนและสุนัขที่ใหญ่กว่ากลัวได้ ถ้าโตขึ้นจะดุขนาดไหน ผมเริ่มได้บทเรียนใหม่แล้วว่า การเลี้ยงสุนัขไม่ใช่เรื่องเล่นๆ จำเป็นที่จะต้องศึกษาอุปนิสัยรายละเอียดต่างๆของสุนัขให้ถี่ถ้วนและที่สำคัญคือต้องปรึกษาคนรอบข้างให้ดีก่อนที่จะซื้อมาเลี้ยงในบ้าน
ผมพยายามเอานมเทใส่จาน ล่อให้มันออกมาจากใต้โต๊ะกินข้าว มันก็ยังแสดงอาการไม่ไว้ใจและไม่ยอมออกมา
ผมคิดว่ามันคงจะเครียดเพราะไม่คุ้นเคยกับคนเลี้ยงใหม่และสถานที่ใหม่ จึงบอกลูกๆและแฟนรวมทั้งเจ้าโบให้ออกไปห่างๆ ทิ้งให้มันอยู่ตามลำพังสักพัก แล้วแอบมองมันจากห้องนั่งเล่น สักครู่ใหญ่ เจ้ามอมก็เริ่มคลานออกมาจากใต้โต๊ะมาเลียนมในจานจนหมด แล้วเริ่มเดินสำรวจไปรอบบริเวณบ้าน
คืนนั้น พวกเราให้เจ้ามอมนอนอยู่ในห้องครัวหลังบ้าน เพราะยังไม่กล้าปล่อยให้ไปนอนนอกบ้าน กลัวเจ้าโบจะกัดเอา พวกเราพากันคิดว่า คืนนี้ สงสัยคงไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันหละ เจ้ามอมคงร้องเรียกหาแม่เหมือนตอนที่พาเจ้าโบจากแม่มันมา
แต่คืนแรกที่บ้านใหม่ก็ผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อย ผมเปิดประตูห้องครัวในตอนเช้าพบเจ้ามอมนั่งอยู่ด้วยความเรียบร้อย หนังสือพิมพ์ที่ผมเช็ดฉี่มันในรถแล้วนำมาวางไว้ในห้องครัวเพื่อหวังให้มันฉี่เป็นที่เป็นทางถูกมันกัดกระจุยกระจายเต็มพื้น ผมรวบรวมเศษกระดาษหนังสือพิมพ์เข้าด้วยกัน แล้วนำไปโปรยทิ้งไว้ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน จากนั้นพาเจ้ามอมออกมาเดินเล่น สักครู่ เจ้ามอมเดินไปดมพื้นสนามหญ้าที่มีเศษกระดาษหนังสือพิมพ์โปรยอยู่ มันคงได้กลิ่นฉี่ของมันที่ผมซับไว้ จึงจัดการทำธุระของมันจนเป็นที่เรียบร้อย
ผมได้บทเรียนใหม่อีกว่าบางแก้วเป็นสุนัขที่มีนิสัยรักสะอาด ไม่ฉี่หรือขี้เรี่ยราด มันจะทำธุระในที่เดิมของมันเป็นประจำ แม้ยามที่พาออกไปเดินเล่นนอกบ้าน เจ้ามอมก็ไม่เคยทำอะไรให้ขายหน้าคนจูงเลย ผิดกับเจ้าโบ ซึ่งจะดีใจเมื่อได้ออกมานอกบ้าน และจะไปเที่ยวฉี่และขี้ไปทั่ว เป็นการบอกอาณาเขตของมัน จนระยะหลังผมต้องคอยถือที่ตักขี้สุนัขไปด้วย เพราะไม่อยากให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อนเมื่อตอนเดินมาเหยียบขี้มันเข้า
เช้าวันนั้น ผมพาเจ้ามอมไปที่หน้าสวนหลวง ร.๙ อีกครั้งหนึ่ง ขับรถวนหาอยู่ ๒ รอบ แต่ไม่พบร่องรอยของรถคันที่เปิดท้ายขายหมาบางแก้วอีก ผมทำผิดพลาดไปอย่างมากที่ไม่ได้ขอที่ติดต่อคนขายไว้ และที่ผิดพลาดยิ่งไปกว่านั้นก็คือผมไม่ได้ขอใบรับรองพันธุ์ประวัติ (Pedigree) ของเจ้ามอมไว้ ซึ่งผมมารู้ที่หลังว่าใบเพ็ดดิกรีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งดังที่ผมจะได้เล่าต่อไป
สายวันนั้น ผมกับเจ้ามอมกลับมาถึงบ้านพร้อมกันอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความรู้สึกที่สับสน ไม่รู้ว่าดีใจหรือเสียใจ
อ่านต่อ บทที่ ๓
๓. หมอหมากับหมอคนต่างกันที่ตรงไหน
มีบุคคลอยู่ ๓ ประเภทที่ผมพยายามอยู่ห่างๆ คือ
๑. ตำรวจ
๒. เจ้าหน้าที่ที่อำเภอ
๓. หมอ
สองประเภทแรกนั้น ต้องยอมรับว่ามีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปมากพอสมควร อย่างตำรวจแถวหน้าตลาดบางกะปิใกล้ๆกับที่ผมอยู่นี้ ต้องชมว่าทำงานได้คุณภาพตามมาตรฐาน ISO-9000 จริงๆ วันก่อนผมโดนเรียกให้หยุดรถ เพราะไปเบียดช่องทางจราจร เลยรีบเปิดกระจกรถลงมาไหว้ด้วยความนอบน้อม ๑ ที พร้อมกับเริ่มต้นเจรจา
"พี่ๆ พอจะช่วยกันหน่อยได้ไหมครับ ผมจะรีบไปธุระ"
ตำรวจผู้นั้นตอบด้วยความสุภาพว่า
"ไม้ช้าหรอกครับ ไม่เกิน ๑ นาทีเสร็จ"
ว่าแล้วก็เริ่มเขียนใบสั่ง กรอกข้อมูลต่างๆลงไป แล้วฉีกส่งให้ผมภายในเวลา ๑ นาทีจริงๆ
"เรียบร้อยแล้วครับ เชิญไปได้"
วันนั้น ผมเลยต้องใช้ใบสั่งแทนใบขับขี่ไปครึ่งวัน หลังจากเสร็จธุระแล้ว ผมรีบตรงมาที่โรงพัก จ่ายค่าปรับเต็มอัตรา ๔๐๐ บาทเสร็จแล้ว นึกว่าจะได้ใบขับขี่คืน แต่ที่ไหนได้ นอกจากจะโดนหัก ๑๐ คะแนนแล้ว ยังต้องโนยึดใบขับขี่เป็นเวลา ๑๕ วัน
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ผมได้เรียนรู้ว่า จะขับรถให้ถูกต้องตามกฎจราจรจะต้องทำอย่างไร
เจ้าหน้าที่ที่อำเภอก็เช่นเดียวกัน เดี๋ยวนี้พูดจาอัธยาศัยดี มีจิตใจบริการ และมีขั้นตอนการทำงานที่ชัดเจน สามารถบอกได้ว่างานจะเสร็จภายในเมื่อไหร่ ไม่ปล่อยให้เราเฝ้ารอ แถมบางทียังมีการเก็บข้อมูลความพอใจของลูกค้าที่ไปใช้บริการอีกด้วย น่าสรรเสริญจริงๆ
แต่ประเภทที่ไม่ค่อยจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง ต้องยกให้คุณหมอทั้งหลาย โดยเฉพาะหมอดังๆ เราเจ็บป่วยไม่สบายก็เครียดอยู่แล้ว มาเจอคุณหมอหน้าตาดุๆ (เหมือนบางแก้ว) ก็ยิ่งเครียดใหญ่ อย่างปีที่แล้ว พาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่ศิริราช คุณหมอบอกว่าเป็นโรคกระดูกสันหลังคด ( Scoliosis ) ต้องผ่าหลังเอาเหล็กยาวเข้าไปดามกระดูกให้ตรง แค่ได้ฟังเราก็เสียววูบที่กระดูกสันหลังและเป็นห่วงแทนลูกสาวแล้ว เพราะบริเวณนั้นมีเส้นประสาทเต็มไปหมด จะมั่นใจได้อย่างไรว่าปลอดภัย จึงพยายามซักถามคุณหมอเพื่อขอความมั่นใจ คุณหมอเองก็คงรำคาญ เลยพูดแบบถามคำตอบคำ
ท้ายที่สุด ผมไม่มีทางเลือกมากนัก เลยต้องฝากชีวิตลูกสาวไว้กับคุณหมอ การผ่าตัดใช้เวลากว่า 7 ชั่วโมงแล้วต้องไปอยู่ในห้องไอซียู 1 คืน ทุกอย่างจบลงด้วยดี ลูกสาวผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้ภายในเวลา 1 อาทิตย์ และหลังจากนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 1 เดือน ก็สามารถเดินได้เป็นปกติ
ผมคิดว่าคงต้องยอมยกให้อาชีพหมอสักอาชีพหนึ่ง เพราะหมอคงเครียดกับงานจนไม่มีเวลาจะมาใส่ใจกับคนไข้หรือพ่อแม่ของคนไข้มากนัก ปกติคนไข้ของคุณหมอผู้นี้ก็มากอยู่แล้ว จะมารอคิวตั้งแต่เช้าจนล้นห้อง บ่อยครั้งที่คุณหมอไม่มีเวลาพักทานอาหารกลางวัน แต่คุณหมอก็ขยันมาเยี่ยมคนไข้แต่เช้า และพยายามถ่ายทอดความรู้แก่นักศึกษาแพทย์ที่มาร่วมฟังการวินิจฉัยโรค ผมมารู้สึกชื่นชมคุณหมอผู้นี้ในภายหลังว่า ถึงแม้ท่านจะพูดน้อย แต่ก็เป็นคนจริงจังและมีความรับผิดชอบสูง ถ้าลูกใครหลานใครมีอาการกระดูกสันหลังคด ควรรีบพามาให้คุณหมอดูโดยไว ก่อนที่จะทรุดหนักลงไปกว่านี้ โรคนี้จะเป็นมากในเด็กผู้หญิงที่กำลังโตเป็นสาว ฟังมาว่า เด็ก 100 คน จะเป็นโรคนี้ประมาณ 3 คน สามารถตรวจดูอาการได้โดยให้เด็กก้มตัวเอาปลายนิ้วมือทั้งสองข้างเหยียดตรงไปที่เท้า แล้วสังเกตแผ่นหลังดูว่ามีอาการสูงต่ำไม่เท่ากันหรือไม่ ในรายที่เป็นมาก จะมีลักษณะเป็นโหนกนูนขึ้นมาบนข้างใดข้างหนึ่งของแผ่นหลังอย่างชัดเจน ต้องรีบพาไปให้หมอตรวจรักษานะครับ
ที่เล่าเรื่องหมอคนมาเสียยืดยาว ไม่ใช่ต้องการโฆษณาอะไรหรอกนะครับ เพียงแต่ต้องการนำมาเปรียบเทียบกับหมอหมาว่าต่างกันที่ตรงไหน
หลังจากที่เจ้าปิงปอง (ชื่อใหม่ของเจ้ามอมที่อาม่าตั้งให้) มาอยู่ที่บ้านได้ ๑ เดือน ก็ครบกำหนด ๓ เดือนที่จะต้องพาลูกสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่างๆ รวมทั้งทำการถ่ายพยาธิด้วย ผมได้หารือกับแฟนว่าจะลองหาคลีนิคสุนัขที่ใหม่ดู เพราะคลีนิคเดิมที่เคยพาเจ้าโบไปฉีดวัคซีนและผ่าตัดทำหมันนั้น ดูท่าทางไม่ค่อยจะเป็นคนรักหมาเลย ไม่เคยเห็นหมอพูดกับหมาสักคำ อย่างน้อยก็ควรทักทายตรวจสอบสภาพร่างกายโดยทั่วไปบ้าง ไม่ใช่ไปถึงก็จับฉีดยาผ่าตัดโดยไม่พูดพล่ำทำเพลง สุนัขคงจะไม่ชอบหมอด้วย หันกลับมากัดมือหมอเบาๆ แต่ก็ต้องหลับไปด้วยฤทธิ์ยาสลบ หลังจากที่เจ้าโบผ่าตัดทำหมันกลับมาแล้ว มันแทะไหมที่หมอเย็บแผลออก มองเห็นท้องไส้ภายในน่าหวาดเสียว ต้องพากลับไปให้หมอช่วยดูใหม่ หมอเลยฉีดยาแก้อักเสบให้ แล้วคิดค่ายาเพิ่มอีกหลายร้อย ทั้งๆที่น่าจะเป็นความรับผิดชอบของหมอในการเย็บและปิดปากแผลให้แน่นหนากว่านี้
คลีนิคสุนัขแห่งใหม่ที่พาเจ้าปิงปองไปนั้น ดูท่าจะเพิ่งเปิดใหม่ เพราะยังไม่มีคนไข้มากนัก เจ้าหน้าที่ของคลีนิคต้องโทรตามให้คุณหมอมา เสียเวลารอไปพักใหญ่ เมื่อคุณหมอมาถึงก็จัดการฉีดวัคซีนให้กับเจ้าปิงปองโดยไม่พูดพล่ำทำเพลงอีกเช่นกัน เจ้าปิงปองตกใจจะแว้งมากัดเอา ผมต้องช่วยจับตัวมันไว้ มีความรู้สึกว่าคุณหมอนี่จะไม่ค่อยรู้เรื่องสุนัขเอาเสียเลย ถามคำตอบคำ ไม่คุ้มกับการไปนั่งรออยู่ตั้งพักใหญ่ หมอนัดให้พามาฉีดวัคซีนกระตุ้นอีกเดือนหน้า แต่ผมก็ได้ตัดสินใจตั้งแต่ตอนก้าวเท้าออกจากร้านแล้วว่า คงมาที่นี่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย
หนึ่งเดือนผ่านไป ผมกับแฟนพาเจ้าปิงปองไปหาหมอตามนัดที่คลีนิคใหม่อีกแห่งหนึ่ง คลีนิคนี้เลี้ยงหมาพูเดิ้ลอยู่ตัวหนึ่งไว้ทักทายกับคนไข้ที่เป็นหมาทั้งหลาย รู้สึกพนักงานต้อนรับตัวนี้จะทำงานได้ผล เจ้าปิงปองตื่นเต้นดีใจที่มีเพื่อนเล่นใหม่ในคลีนิค มันยอมให้ฉีดวัคซีนกระตุ้นแต่โดยดี แต่ดูท่าทางคุณหมอก็ไม่ใช่คนที่รักสุนัขสักเท่าไหร่ หมาพูเดิ้ลตัวนั้น หมอแกก็ไม่ได้เลี้ยงเอง มีคนอื่นดูแลให้ แล้วเอามาเป็นพนักงานต้อนรับเท่านั้น
ผมคิดว่าในการสอบเข้าศึกษาในคณะสัตวแพทย์ น่าจะมีการสอบวัดระดับความรักสัตว์ด้วยก็ดีนะ จะได้หมอที่คุยภาษาหมารู้เรื่องบ้าง ไม่ใช่ฉีดยาผ่าตัดเป็นอย่างเดียว หมาเองก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน ถ้าไม่รู้จักผูกใจหมาไว้แล้ว เจ้าของหมาคงไม่อยากพามาอีก คลีนิคคุณหมอจะร้างผู้มาใช้บริการ เพราะหมอไม่รู้ว่าลูกค้าคือพระเจ้า จะต้องมีการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationship Management) ให้ดีกว่านี้ จึงจะดึงลูกค้าให้อยู่เป็นขาประจำได้ตลอดไป ถึงแม้หมอจะเก่งแค่ไหน ลูกค้าอาจไม่สนใจก็ได้ เพราะมีโรงพยายาลสัตว์อยู่มากมายทั้งของรัฐและเอกชน
ตรงนี้เองที่ผมคิดว่าเป็นความแตกต่างระหว่างหมอหมากับหมอคน หมอคนพูดน้อยหน่วย คนไข้ก็ไม่ว่าอะไร เพราะอย่างไรเสีย คุณหมอก็ยังเป็นผู้มีพระคุณ แต่ถ้าหมอหมาพูดน้อย หรือไม่พูดกับหมาบ้างเลย จะให้เจ้าของหมามั่นใจไอย่างไรว่าคุณหมอมีความรู้ความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาหมาจริง ต้องขอโทษหมอหมาทั้งหลายด้วย แต่ผมคิดว่าเจ้าของหมาส่วนใหญ่จะคาดหวังความใจดีรักสัตว์กับคุณหมอค่อนข้างมาก ถ้าคุณหมอสามารถเข้าไปยืนอยู่กลางหว่างใจของคนไข้ได้ รับรองได้เลยว่าคลีนิคคุณหมอไม่ร้างแน่
แต่ก็ใช่ว่าผมจะพบพานแต่หมอหมาที่ไม่ช่างคุยหรอกนะครับ หลังจากที่ผมตามหาเจ้าของเดิมของปิงปองไม่พบ ทำให้ต้องนำมันกลับมาเลี้ยงอยู่ในบ้านท่านกลางความเป็นห่วงของหลายๆคนว่ามันจะกัดคนในบ้านหรือไม่ ผมเริ่มศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับสุนัขบางแก้วอย่างจริงจังทั้งจากหนังสือและข้อมูลต่างๆ บนเว็บไซต์ในอินเทอร์เน็ต
ผมพบเว็บไซต์ตอบปัญหาสุนัขของคุณหมอท่านหนึ่ง มีคำถามเกี่ยวกับสุนัขที่ผู้เลี้ยงโพสต์เข้ามาถามมากมายร่วมหมื่นคำถาม แต่คุณหมอก็ขยันตอบทุกคำถามอย่างไม่รอช้าและไม่เบื่อหน่าย แม้ว่าบางคำถามจะซ้ำๆหรือบางคำถามจะไม่มีสาระเลย คุณหมอพยายามตอบ บางครั้งก็ตอบห้วนไปจนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้ถามก็มีเหมือนกัน
ผมลองสืบค้น( search ) ดูว่ามีคำถามเกี่ยวกับบางแก้วบ้างหรือไม่ ก็ปรากฏว่ามีอยู่มากมายเป็นร้อยคำถาม ผมจึงนั่งอ่านไปทีละคำถาม สิ่งที่ผมตั้งใจอยากจะถาม ส่วนใหญ่จะมีคำตอบอยู่ในนั้นอยู่แล้ว ไม่ต้องถามใหม่ให้เสียเวลา
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมค่อนข้างจะตกใจก็คือ ในหลายๆคำถาม คุณหมอจะตอบในลักษณะเดียวกันว่า ไม่แนะนำให้เลี้ยงสุนัขบางแก้ว บางตัวที่ดุ คุมไม่อยู่ คุณหมอจะแนะนำให้ฉีดยาให้สุนัขหลับตลอดไป
ผมมีโอกาสพบคุณหมอท่านนี้โดยบังเอิญในงานบริจาคเงินช่วยเหลือโครงการดูแลสุนัขจรจัดที่คุณหมอรับผิดชอบอยู่ รู้สึกว่าคุณหมอจะเป็นกันเองดี และมีความสุขกับการดูแลและรักษาสุนัข ลองถามท่านว่าการดูแลรักษาสุนัขนี่มีความเครียดเหมือนการดูแลรักษาคนบ้างไหม ท่านตอบว่า ก็มีเหมือนกัน แต่ไม่ได้เครียดกับสุนัขหรอก เครียดกับคนเลี้ยงที่พาสุนัขมามากกว่า คนเลี้ยงบางคนก็รักสุนัขราวกับลูกของตัวเอง
ในจุดนี้ ผมเริ่มเห็นใจคุณหมอที่เป็นหมอหมามากขึ้น ถ้าเจอคนเลี้ยงสุนัขที่จุกจิกจู้จี้เซ้าซี้ซักถามมากๆ ก็คงทำให้คุณหมอปวดหัวจนเกิดอาการเครียดได้
อย่างไรก็ตาม ผมมีโอกาสถามปัญหาเกี่ยวกับสุนัขบางแก้วไปหลายข้อ คุณหมอท่านนั้นก็ตอบด้วยอารมณ์ดี ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า ท่านไม่ได้ต่อต้านการเลี้ยงสุนัขบางแก้ว เพียงแต่ท่านเห็นว่าควรมีการพัฒนาสายพันธุ์ให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ ไม่ใช่เพาะพันธุ์ไว้ขายเพียงเพื่อหวัง
ผลประโยชน์เฉพาะหน้าอย่างที่ท่านเคยประสบพบมา ซึ่งอาจทำให้ได้ลูกสุนัขบางแก้วที่มีจิตประสาทไม่มั่นคง มีนิสัยก้าวร้าวและดุร้ายเกินไป
คุยกับคุณหมอแล้ว ก็ให้เป็นห่วงว่าเจ้าปิงปองจะมีนิสัยก้าวร้าวและดุร้ายหรือไม่ ตอนนี้ เจ้าปิงปองมันคุ้นเคยกับทุกคนในบ้านเป็นอย่างดี รวมทั้งเจ้าโบ ซึ่งเป็นทั้งเพื่อนที่คอยเล่นวิ่งไล่จับกับมันทุกเย็น เป็นทั้งแม่ที่คอยดูแลไซ้ขนหาเห็บให้ และเป็นทั้งพี่ที่คอยปรามเมื่อมันดื้อไม่เชื่อฟัง มีอยู่หลายครั้งที่เจ้าปิงปองจะวิ่งตามผมเข้าไปในบ้าน เจ้าโบจะคอยช่วยงับคอเจ้าปิงปองลากออกมานอกบ้าน เพราะเจ้าโบทราบดีว่า ผมไม่อนุญาตให้เข้าไปในบ้าน
สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะรู้จักคุณหมอที่ผมเอ่ยถึงข้างต้น ลองไปดูที่เว็บไซต์ข้างล่างนี้ได้ครับ
https://www1.lemononline.com/pets/askvet/a.asp?type=1&q_id=16556
อ่านต่อ บทที่ ๔
โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตำนานปิงปอง(วัยสาว)