เลี้ยงปลาแดงอย่างไรให้สีดี--ฉบับเก่า
*** กรุณาอ่านแนวทางเลี้ยงปลาแดงฉบับปรับปรุงในบทความต่อไปด้วยนะครับ เพราะแนวทางเดิมนั้น..มีปัญหาในทางปฏิบัติจริง ณ ระดับหนึ่งครับ ***
บทความอันนี้...ต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่า "กรุณาใช้วิจารณญาณอย่างถี่ถ้วนก่อนที่จะกระทำการใด ๆ กับปลาอันเป็นที่รักนะครับ"
โดยส่วนตัวของผม ขอบอกก่อนเลยว่า บทความนี้เป็นแค่"แนวทาง"ในการเลี้ยงที่ผมได้สอบถามจะผู้รู้หลาย ๆ ท่าน รวมทั้งได้ลองเลี้ยงกับปลาของตัวเองหลาย ๆ ตัวมาแล้วทั้งนั้น ไม่ขอเรียกว่า "สูตร" อย่างแน่นอน
เหตุผลที่ผมขอเรียกว่า "แนวทาง" การเลี้ยงปลาแดง เพราะ "ใช่ว่าปลาแดงทุกตัวที่เลี้ยงตามลักษณะนี้จะทำให้สีสันเข้มขึ้นได้ดังใจทุกตัว" และด้วย "แนวทาง"นี้...ผมก็ไม่สามารถบอกได้อีกเช่นกันว่า "เมื่อไหร่" ปลาถึงจะสีสันได้ดั่งใจ
จากการที่ได้ลองผิดลองถูกกับปลาตัวเอง ปลาบางตัวก็สีสันดีภายในระยะเวลาเดือนสองเดือน ในขณะที่ปลาบางตัว...เลี้ยงแบบเดียวกันมาเป็นปี ๆ ก็ไม่ได้มีสีสันดีขึ้นแต่ประการใด
ถ้าเป็นกรณีที่แจ๋วสุด ก็คงเป็นของเพื่อนของผมครับ...คุณซี สามารถเลี้ยงปลาแดงตัวหนึ่งที่แววดี แต่ไม่มีสีสันประการใด มาเป็นปลาที่สีสันโดดเด่นอย่างมากภายในระยะเวลาอาทิตย์เดียวเท่านั้นเอง ซึ่งแม้แต่ตัวเองเองก็ไม่สามารถเลียนแบบได้
แนวทางเลี้ยงปลาแดงนั้นไม่ยากเลยนะครับ เรียกว่าเป็นการเลียนแบบธรรมชาติดั่งเดิมของปลาอะโรฯ แดงนั่นเอง
ในสภาพแวดล้อมธรรมชาติของปลาแดงนั่นอยู่ในน้ำที่ไม่ใสครับ เป็นน้ำที่ออกสีน้ำตาลที่เกิดจากการร่วงโรยของใบไม้ตามธรรมชาติ ซึ่งตรงนี้ทำให้น้ำออกสีน้ำตาลเพราะสารแทนนินนั่นเอง ซึ่งทำให้น้ำอยู่ในสภาพที่เรียกว่า"น้ำอ่อน" (ค่า kh ต่ำ)
ลักษณะของน้ำเป็นน้ำไหลเอื่อย ๆ และทั้งหมด ทำให้น้ำมีความเป็นกรดอ่อน ๆ (ค่าpH < 7) อุณหภูมิระหว่าง 28-30 องศาเซลเซียส แสงแดดจะจัดมากในเวลากลางวัน
จากสภาพแวดล้อมดังที่กล่าวข้างต้น เราก็พอจะจัดสภาพแวดล้อมสำหรับตู้ปลาอะโรฯ แดงตามแนวลักษณะดังต่อไปนี้
อันดับแรก...ปลาทุกชนิดปรับตัวตามสภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมที่ทำให้ปลาสีเข้มก็คือสภาพแวดล้อมที่มีสีสันเข้มเช่นกัน เพราะฉะนั้นพื้นตู้และผนังของตู้ควรติดสติ๊กเกอร์สีดำครับ
อันดับที่สอง...แสงไฟควรเพียงพอ ถ้าได้แสงแดดธรรมชาติได้ก็ยิ่งดี แต่ปัญหาของแสงธรรมชาติคือ มักจะเข้ามาในด้านหน้าตู้ ไม่ใช่ด้านบนของตู้ปลา ตรงนี้ทำให้ปลาหลาย ๆ ตัววางเอียงเพราะหลบแสงอาทิตย์
ถ้าไม่ใช่แสงธรรมชาติ เราก็คงต้องชดเชยด้วยแสงจากหลอดฟูลออเรนเซ้นส์ ซึ่งควรเป็นหลอดที่ให้แสงไกลเคียงกับแสงอาทิตย์จริงมากที่สุด ตรงนี้ผมขอแนะนำหลอด 12000k ของ kowa นะครับ เป็นหลอดที่ให้แสงสีขาวที่จ้าสว่างมากครับ ถ้าปลาว่ายใกล้ผิวน้ำ เราจะเห็นว่าความสว่างของหลอดนั้นจ้ามากจนทำให้สีปลาดูซีดด้วยซ้ำไป
ภายใต้หลอด 12000k อาจจะทำให้ปลาของเราดูสีไม่สวย แต่ว่าคุณสมบัติที่ได้จากหลอด 12000k นั้นดีกับสีปลาในตัวมันเอง ในแนวนี้...ผู้เลี้ยงอาจจะเปิดหลอด 12000k ในเวลากลางคืน และเปิดหลอด ซิลเวอร์เนีย โกรลักซ์ในตอนกลางวันหรือในเวลาที่เราต้องการชมความงามของปลา
เพราะหลอดซิลเวอร์เนีย โกรลักซ์นั้นเป็นหลอดที่ช่วยเน้นความเข้มของสีปลา ซึ่งทำให้ปลาอะโรฯแดงดูดีภายใต้หลอดชนิดนี้
ในอดีต...ตัวผมเองเคยใช้หลอด 20000k ซึ่งเป็นหลอดที่ใช้กับตู้ทะเลมาลองใช้กลับปลาแดง หลอดชนิดนี้ก็ให้แสงที่สว่างมาก แต่ข้อเสียของหลอดชนิดขึ้นคือ ปลา"บางตัว"ของผมนั้นไม่สามารถทนต่อแสงที่ได้จากหลอด 20000k ทำให้ตาตกในช่วง 1-2 คืนเท่านั่นเอง ในขณะที่ปลาบางตัวก็ไม่ได้แสดงอาการผิดปกติออกมา
(หมายเหตุ: ในขณะที่เราเปิดหลอด 12000k นั้น เราอาจจะเปิดหลอด rb37 ของ kowa ร่วมด้วยก็ได้ เพราะตามคุณสมบัติของหลอด rb37 นั้นช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของสีของต้นไม้น้ำสีแดง)
ในการเปิดปิดไฟสำหรับตู้ปลาอะโรฯแดงอินโดนั้น ดูเหมือนว่าการเปิดไฟตลอด 24 ชั่วโมงจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการเลี้ยงปลาแดงอินโด
อันดับที่สาม การเปลี่ยนถ่ายน้ำไม่ควรกระทำบ่อย และไม่ควรเปลี่ยนในปริมาณมาก ๆ ในทีเดียว ตามธรรมชาติแล้ว ปลาอะโรฯเป็นปลาน้ำเก่า เพราะฉะนั้นผู้เลี้ยงไม่ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อย ในลักษณะเดียวกันปลาอะโรฯแดงก็เป็นปลาที่ผิดน้ำง่ายมาก การเปลี่ยนถ่ายน้ำจำนวนมากในทีเดียวกันจะสามารถทำให้ปลาถอดสีได้อย่างทันทีทันใดเลย
การที่เรายืดเวลาถ่ายน้ำออกไปนั้น มีส่วนทำให้น้ำเป็นกรดอ่อน ๆ ด้วย ตรงนี้ต้องประกอบกับวัสดุกรองของเราด้วย "ปะการัง" เป็นวัสดุกรองที่ดีมากชนิดหนึ่ง เป็นคุณสมบัติที่เป็น pH buffer นั้นทำให้ตู้ที่ให้ปะการังเป็นวัสดุน้ำได้ค่าน้ำเป็นด่าง เพราะฉะนั้น "ปะการังไม่สมควรใช้เป็นวัสดุกรองในตู้ปลาอะโรฯแดงอินโด"
ตู้ที่เลี้ยงปลาอะโรฯแดงนั้น ควรเป็นตู้ที่ไม่มีเพื่อนร่วมตู้(tankmate)จำนวนมาก เพราะตู้ที่มีสมาชิกเยอะ อาหารก็ต้องให้ในปริมาณที่มาก ของเสียก็มากตาม ตรงนี้เป็นเหตุที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำถี่ ซึ่งไม่เหมาะสมกับปลาอะโรฯ แดง
โดยส่วนตัวของผมเองนั้น ตู้ 60*24*24 + กรองนอก 1 ตัว เลี้ยงปลาอะโรฯแดงตัวเดียว อาหารที่ให้ก็ไม่เคยให้ตกค้างในตู้ ...ระยะเวลาที่ผมเปลี่ยนน้ำคือประมาณ 1-2 เดือนต่อครั้งที่ 30% ของน้ำในตู้
อันดับที่สี่ โดยส่วนตัวผมจะให้กุ้งฝอย หรือกุ้งก้ามกรามพร้อมเปลือกเป็นอาหารหลักของปลาอะโรฯ อยู่แล้ว เพราะเป็นที่ทราบกันว่าทำให้สีของปลาดีขึ้นนั่นเอง
อันดับสุดท้าย การหมักหูกวางเลียนแบบสภาพแวดล้อมธรรมชาติ จากการที่ได้ทดลองซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับปลาแดงหลาย ๆ ตัว ก็พอจะสรุปได้ดังนี้
1 ปลาแดง"บางตัว" เมื่ออยู่ในสภาวะที่หมักใบหูกวาง สีสันของปลาจะดีขึ้น แต่เป็นกลับมาเลี้ยงในน้ำใส สีสันก็จะค่อย ๆ ถอยกลับ
2 ปลาแดงที่อยู่น้ำหมักหูกวางแล้วสีดีขึ้น ไม่ว่าจะหมักเข้มแค่ไหน ก็มีผลกับสีสันของปลาไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลที่จะต้องหมักน้ำหูกวางจนเข้ม
ด้วยเหตุนี้ ถ้าเราต้องการเลี้ยงปลาในน้ำที่หมักใบหูกวาง เราไม่มีควรจำเป็นที่จะต้องหมักให้เข้มจนมองปลาแทบไม่เห็น ปลาบางตัวก็สีสันดีขึ้นมากในน้ำหมักหูกวาง (ดีขึ้นในตัวปลา ไม่ใช่น้ำหูกวางทำให้ปลาดูเข้ม) แต่ปลาบางตัวก็ไม่มีสีสันที่เข้มขึ้นเลยในน้ำหมักหูกวาง
เท่านี้เอง...สำหรับแนวทางเลี้ยงปลาอะโรฯแดงอินโดให้ได้สีสันที่ดีขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่อย่างที่บอก ปลาบางตัวก็ไม่ได้สีสันที่ดีเลยทั้งนี้ก็เลี้ยงตามแนวทางนี้ สายพันธุ์และพันธุกรรมของปลาตัวนั้น ๆ เป็นส่วนสำคัญอยู่มาก ปลาที่ไม่มีสายพันธุ์ที่ดีก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเลี้ยงให้ได้สีสันที่เข้ม อย่างไงก็ตาม...จากประสบการณ์จริงก็พบว่าปลาที่สายพันธุ์ดี ถ้าเลี้ยงผิดวิธีก็สามารถทำให้ปลามีสีสันที่ซีดทั้งตัวก็เป็นไปได้
ถ้าจะให้สรุปคร่าว ๆ เกี่ยวกับแนวทางเลี้ยงปลาอะโรฯแดงอินโดก็มีดังนี้
1 ตู้ติดสติ๊กเกอร์ดำทุกด้าน ยกเว้นหน้าตู้ (ก้นตู้และฉากหลังนั้นสำคัญเป็นอย่างยิ่ง)
2 เปิดไฟตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้หลอด 12000k ในเวลากลางคืนหรือเวลาที่เราไม่ได้ชมปลา โดยอาจจะเปิดหลอด rb37 ควบก็ได้ และเปิดหลอด โกรลักซ์ เวลากลางวันหรือเวลาที่เราต้องการจะชมปลา
3 ยืดเวลาเปลียนถ่ายน้ำให้นานกว่าปกติ ตรงนี้ต้องประกอบการระบบกรองที่ดี ไม่มีเศษอาหารตกค้างตู้ ไม่มีtankmateมากเกินควร
4 ไม่ควรใช้ปะการังเป็นวัสดุกรอง
5 อาหารหลักควรเป็นกุ้ง
6 น้ำหมักใบหูกวางมีส่วนทำให้ปลาสีสันดีขึ้นในปลาอะโรฯ แดงอินโดบางตัวเท่านั้น และถ้าต้องการหมัก..ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหมักเข้ม
ในประเด็นที่ปลาอะโรฯแดงเป็นปลาที่ผิดน้ำง่าย ตรงนี้ต้องพยายามอย่าให้ปลาป่วย เพราะเวลาที่ปลาป่วย เราต้องใส่ยา ซึ่งก็มักจะเป็นกฏตายตัวว่าเราต้องค่อนข้างเปลี่ยนถ่ายน้ำถี่ และนี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปลาถอดสีอย่างมาก ยิ่งปลาอยู่ยานานแค่ไหน สีก็จะถอดจนซีดขึ้นเท่านั้น
หลาย ๆ คนอาจจะแย้งขึ้นว่า "ก็ไม่ได้อยากให้ปลาป่วยเลย" จริงอยู่ประเด็นปลาป่วย บางครั้งเราก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หลาย ๆ ครั้งเราสามารถลดประสบการณ์พวกนี้ได้มากโดยการปรับแนวการดูแลปลาเท่านั้นเอง
ตัวอย่างเช่น
1 ไม่ควรใช้ปลาเหยื่อ เพราะมีโอกาสที่ปลาเหยื่อจะเป็นพาหะนำเชื้อร้ายต่าง ๆ มาสู่ปลาแดงอันเป็นที่รักของเรา ไม่ว่าจะเป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรีย หรือจะเป็นปรสิตภายนอก เช่น หนอนสมอ หรือเห็บปลา
2 หลีกเลี่ยง tankmate ที่ก้าวร้าว ยิ่งปลาแดงเรามีเพื่อนร่วมตู้ที่ก้าวร้าวมากแค่ไหน โอกาสที่ปลาจะบาดเจ็บก็มากขึ้นเท่านั้น
เล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ก็ช่วยลดโอกาสที่ปลาเราจะบาดเจ็บจนต้องใช้ยาได้มากเลยทีเดียว
ในกรณีที่เราต้องการหมักน้ำหูกวาง ผมแนะนำให้หมักที่ภาชนะภายนอกก่อน แล้วจึงค่อยเอาน้ำหมักมาเทใส่เข้าตู้ปลานะครับ เพราะการย่อยสลายของใบหูกวางในขณะหมัก จะทำให้เกิดฝุ่นผงมากพอควรเลยทีเดียว
วิธีการหมักน้ำหูกวาง
1 นำใบหูกวางที่แก่จัด ๆ จนแห้งโรยจากต้นเองมาทำความสะอาด อย่านำใบสดหรือใบที่เราเด็ดเองจากต้นมาใช้เด็ดขาด วิธีการล้างก็นำแต่ละใบมาถูผ่านน้ำก๊อก จากนั้นก็เอาใบที่ล้างน้ำแล้วมาแช่ในน้ำด่างทับทิมเข้มข้นสัก 5-10 นาที โดยปกติแล้วตู้ 60*24*24 ก็ใช้ใบหูกวางสัก 5-10ใบ
2 ล้างใบหูกวางจนมั่นใจว่าปราศจากด่างทับทิมตกค้าง จากนั้นนำมาใส่ในถังน้ำ ใส่น้ำพอประมาณ ใส่หัวทรายเข้าไปในถังด้วย เพื่อทำให้น้ำไม่เสียเวลาที่เราหมักน้ำ
3 หมักสัก 3-4 วัน น้ำในถังจะเป็นสีเข้ม จากนั้นก็นำมาตักใส่ตู้โดยกรองผ่านใยแก้วหรือผ้าขาวบางก่อน ความเข้มของสีน้ำในตู้ก็แล้วแต่ความพอใจครับ