วัดห้วยขานาง(หลวงพ่อพลอย)ในปัจจุบัน
เมื่อปี พ.ศ.2544 หลังจากวัดห้วยขานางว่างจากตำแหน่งเจ้าอาวาสและผู้นำสงฆ์มานับสิบปี ชาวบ้าน พุทธบริษัทวัดห้วยขานางได้กราบอาราธนานิมนต์ พระสมุห์วิชัย จนฺสีโล ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสามัคคีรังสรรค์(ทุ่งนาใหม่) ให้มารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดห้วยขานาง พระสมุห์วิชัย ได้เล่าให้กับ"ทิดหนึ่ง"ฟังว่า เมื่อมานิมนต์ครั้งแรกท่านก็นึกชอบใจอยู่ก่อนแล้ว เพราะวัดห้วยขานางเป็นวัดของหลวงปู่พลอย การสัญจรไปมาก็สดวก เรียกได้ว่าสัปปายะทุกอย่าง แต่ท่านต้องการความแน่ใจของพุทธบริษัทวัดห้วยขานาง จึงบอกกับพุทธบริษัทครั้งนั้นว่า ให้รออีก 3 ปี ทุกครั้งที่ออกพรรษาพุทธบริษัทวัดห้วยขานางก็มานิมนต์ท่านทุกปี จนครบ 3 ปี ตามที่ท่านได้ลั่นวาจาไว้ ท่านจึงมาเป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยขานางแห่งนี้
" ทิดหนึ่ง " ได้มีโอกาสมาส่งท่านพระสมุห์วิชัย พร้อมกับคณะพุทธบริษัทวัดห้วยขานางที่มารับท่าน จำได้ว่า สมบัติติดตัวที่ท่านพระสมุห์วิชัย นำติดตัวไปอยู่วัดห้วยขานางมีเพียง กลด บาตร เสื่อ หมอนและผ้าห่มหนึ่งผืนเท่านั้น ทั้งที่ท่านอุปสมบทมาแล้วขณะนั้น 11 พรรษา ท่านบอกว่า เวลาญาติโยมจะไล่เรากลับ เราจะได้ไม่ต้องเอาของติดตัวกลับให้ยุ่งยาก เคยมาเท่าไรก็จะกลับเท่านั้น..และการที่ท่านมาอยู่ที่วัดห้วยขานางก็ได้ทำความตกลงกับพุทธบริษัทว่า จะอยู่ให้ครบ 5 พรรษาก่อน แล้วค่อยมาประชุมสอบถามความเห็นอีกที ว่าพอใจจะให้ท่านอยู่อีกหรือไม่ จำได้ว่าวันที่ครบ 5 ปี พระสมุห์วิชัย เก็บกลด บาตร เสื่อ หมอน มากองไว้ที่หน้ากุฏิ เรียกญาติโยม ทายก มาพร้อมกัน (ตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเรียกมาทำไม) ท่านก็สอบถามญาติโยมทั้งหลายว่า ตลอด 5 ปีทีผ่านมาท่านทำอะไรให้ใครไม่พอใจหรือไม่ หรือมีเหตุอันน่าจะติเตียนอันใดหรือไม่ หากไม่มีก็ถือว่าครบวาระที่ท่านได้ทำหน้าที่แล้ว ท่านก็จะขอกลับวัดเดิม ปรากฏว่าญาติโยมคณะพุทธบริษัทต้องนิมนต์ให้ท่านทำหน้าที่เจ้าอาวาสต่อไปและขอให้อยู่เป็นหลัก ที่พึ่งของพุทธบริษัทวัดห้วยขานางตลอดไป
พระสมุห์วิชัย จนฺสีโล เป็นพระนักปฏิบัติและพระนักพัฒนาควบคู่กันไป ในสมัยที่ "ทิดหนึ่ง" บวชเป็นพระอยู่ก็ได้ท่านที่คอยชี้แนะสั่งสอนในเรื่องต่าง ๆ เคยอยู่ป่าอยู่เขา หนีญาติโยมลงถ้ำด้วยกัน เคยอดเคยอิ่มด้วยกันหลายพรรษา จนท่านมาเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสามัคคีรังสรรค์ก็ได้ช่วยเจ้าอาวาส ในการดูแลหมู่สงฆ์ และเสนาสนะอย่างเต็มกำลังความสามารถ เป็นที่นับถือของพุทธบริษัทอย่างมาก


เมื่อท่านพระสมุห์วิชัย ได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยขานางแล้ว ทำให้เกิดความเลื่อมใส ศรัทธาในวัตรปฎิบัติจากญาติโยมไปทั่ว ท่านเริ่มปรับปรุงความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่คณะสงฆ์วัดห้วยขานาง ตลอดจนส่งเสริมความสามัคคีของพุทธบริษัท ปรับปรุงเสนาสนะไม่ว่าจะเป็นกุฏิสงฆ์หลังใหม่ เป็นรูปร่างที่แปลกตาด้วยแรงงานของคณะสงฆ์และชาวบ้าน สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่แทนหลังคาหลังเดิมของหลวงปู่พลอยที่ผุพังตามกาลเวลา ไม่น่าเชื่อว่าเวลาไม่ถึง 10 ปี ที่ท่านมาอยู่ที่วัดห้วยขานางท่านได้ปรับปรุง แก้ไข ซ่อมแซมและเพิ่มเติมเสนาสนะหลายอย่าง อย่างที่ไม่น่าว่าจะทำได้ เช่น กุฏิสงฆ์หลังใหม่ ศาลาการเปรียญหลังใหม่ คลังเก็บอุปกรณ์เครื่องครัว โรงครัวโรงทานหอฉัน และห้องน้ำขนาด 24 ห้องที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
ท่านได้รับความศรัทธาและความไว้วางใจจากพุทธบริษัทเป็นอย่างมาก จนลูกศิษย์เก่าของหลวงปู่พลอยต่างก็พูดกันว่า วัตรปฏิบัติของท่านเหมือนกับหลวงปู่กลับชาติมาเกิด และนับเป็นที่น่ายินดีในกรณีที่ว่าวิชาต่าง ๆ ของหลวงปู่ที่ได้ครอบครูไว้กับลูกศิษย์หลายคนที่ยังหลงเหลืออยู่ เมื่อเห็นวัตรปฏิบัติของพระสมุห์ ต่างก็นำพานครูและตำราวิชาต่าง ๆ ของหลวงปู่(เท่าที่รวบรวมได้)มามอบให้กับท่านไว้ศึกษาและเพื่อจะได้ใช้วิชาของหลวงปู่พลอย สงเคราะห์แก่เหล่าผู้มีทุกข์ทั้งหลายแต่สิ่งที่เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งก็คือ การได้กลับคืนมาของ ไม้เท้าของหลวงปู่พลอย ที่ถือว่าเป็นการสืบทอดตามตำแหน่งเจ้าอาวาส ก็มีญาติโยมนำมาถวายคืนท่าน เพื่อให้ท่านได้ใช้ประโยชน์ในกาลต่อไป
วัดห้วยขานางรับรางวัลวัดพัฒนาตัวอย่างของจังหวัดอุทัยธานีประจำปี 2550 นับเป็นความสำเร็จของคณะสงฆ์และพุทธบริษัทวัดห้วยขานางที่ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อบูชาพระคุณของบุรพาจารย์จังหวัดอุทัยธานีคือหลวงปู่พลอย เป็นที่น่ายินดีกันถ้วนหน้า
"ทิดหนึ่ง" เคยถามพระสมุห์วิชัยว่า "หลวงพี่..เมื่อไรเราจะจะหยุด(สร้าง)...เพราะเท่าทีมีปัจจุบันก็คุ้มค่ากับการใช้งานของคณะสงฆ์แล้ว"ท่านบอกว่า ใกล้แล้ว..เพราะสิ่งที่อยากจะสร้างเป็นสิ่งสุดท้ายก็คือศาลาวิปัสสนากรรมฐาน..เพราะเราทำเพื่อส่วนรวมมาเกือบทั้งชีวิตเราน่าจะทำเพื่อตัวเอง..ตามทางที่พระพุทธองค์ทรงสอนไว้บ้างควบคู่กันไป และน่าจะเป็นประโยชน์กับเยาวชนคนรุ่นหลัง ๆ ที่นอกจากจะได้อานิสงค์จากการบำเพ็ญทาน แล้วยังจะได้บุญจากการปฏิบ้ติธรรมตามคำสอนของพระพุทธองค์อีกด้วย....."ทิดหนึ่ง"ก็อนุโมทนากับความคิดของท่านและเห็นดีด้วย
หากท่านมีโอกาสผ่านมาจังหวัดอุทัยธานี มีเวลาที่จะมากราบนมัสการรูปเหมือนของหลวงปู่พลอย ก็ขอเชิญได้ทุกวัน และจะพูดคุยปารภกับทิดหนึ่ง ก็ขอเชิญ เพราะทิดหนึ่งอยู่ที่วัดห้วยขานาง ฝากชีวิตไว้กับหลวงปู่พลอย ทุกวันเช่นกัน