ประวัติความเป็นมา
ประวัติวัดพระยาทำ
ชั้นและที่ตั้งของวัด
วัดพระยาทำเป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๔๗ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าวัดอยู่ทางทิศตะวันออก มีทางเข้า-ออกติดต่อกับถนนอรุณอมรินทร์ตรงเชิงสะพานข้ามคลองมอญฝั่งเหนือ ตรงกันข้ามกับกรมอู่ทหารเรือ อยู่ทางทิศเหนือของวัดนาคกลางโดยมีคลองมอญคั่นกลาง
เขตวัด
ลักษณะพื้นที่ของเขตวัดเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีเนื้อที่ประมาณ ๑๖ ไร่ แบ่งเป็นเขตพุทธาวาสและสังฆาวาสส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่ง (ประมาณครึ่งหนึ่ง) แบ่งให้ทางราชการสร้างโรงเรียนอยู่ทางทิศเหนือ และตะวันออกเฉียงเหนือของพระอุโบสถ และให้ประชาชนอยู่อาศัย
อาณาเขตของวัดมีดังนี้
ทิศตะวันออก ยาวประมาณ ๕ เส้น ๔ วา จดคลองสาธารณประโยชน์ (คลองซอยบ้านขมิ้น)
ทิศตะวันตก ยาวประมาณ ๕ เส้น จดลำกระโดงสวนอนันต์
ทิศเหนือ ยาวประมาณ ๓ เส้น ๓ วา จดที่ดินของนาวาตรีหลวงสิทธิ
ทิศใต้ ยาวประมาณ ๓ เส้น ๓ วา จดคลองมอญ
ความเป็นมา
วัดพระยาทำ เดิมมีชื่อว่า วัดนาค คู่กับ วัดกลาง ซึ่งตั้งอยู่คนละฝั่งคลองมอญ คือ วัดนาคอยู่ฝั่งเหนือ วัดกลางอยู่ฝั่งใต้ ต่อมาเมื่อวัดนาคเปลี่ยนชื่อเป็นวัดพระยาทำแล้ว จึงรวมชื่อวัดนาคกับวัดกลางเป็น วัดนาคกลาง ดังที่ปรากฏในปัจจุบัน และ วัดทั้งสองนี้ต่างก็เป็นวัดโบราณ สันนิษฐานกันว่า วัดนาคสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แต่ยังไม่พบหลักฐานทางเอกสารว่าใครเป็นผู้สร้าง สร้างในรัชกาลใด
มาในสมัยกรุงธนบุรี มีเรื่องเกี่ยวข้องกับวัดนาคปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า เมื่อราว พ.ศ. ๒๓๑๓ พระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จไปทรงปราบก๊กพระฝาง (เรือน) ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ในฝ่ายเหนือได้สำเร็จ และรับสั่งให้จับพระสงฆ์ฝ่ายเหนือที่ร่วมกับพระฝางทำความเดือดร้อนแก่ประชาชนทั้งหลายมาลงพระราชอาญาตามโทษานุโทษ และโปรดให้สังฆการีลงมาอาราธนาพระราชาคณะและพระสงฆ์อันดับจากกรุงธนบุรีขึ้นไปบวชพระสงฆ์ไว้ในหัวเมืองเหนือทุกๆ เมือง และโปรดให้พระราชาคณะอยู่สั่งสอนพระธรรมวินัยในเมืองต่างๆ ดังนี้
๑. พระพิมลธรรมไปอยู่เมืองสวางคบุรี
๒. พระธรรมโคดมไปอยู่เมืองพิชัย
๓. พระธรรมเจดีย์ไปอยู่เมืองพิษณุโลก
๔. พระพรหมมุนีไปอยู่เมืองสุโขทัย
๕. พระเทพกระวีไปอยู่เมืองสววรคโลก
๖. พระโพธิวงศ์ไปอยู่เมืองศรีพนมทุ่งยั้ง
พระธรรมเจดีย์ที่พระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดให้ไปจัดการคณะสงฆ์ที่เมืองพิษณุโลกนั้นเป็น เจ้าอาวาสวัดนาค มาก่อน ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระพิมลธรรม และโปรดให้ไปครองวัดโพธาราม (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ในปัจจุบัน)๒ ข้อนี้แสดงว่า มีวัดนาคอยู่ก่อนสมัยกรุงธนบุรีแน่นอน
ในต้นรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เคยมีเรื่องให้รวมวัดนาคกับวัดกลางเข้าด้วยกัน คือ ให้มีพัทธสีมาเดียวกัน ดังความปรากฏในพระราชพงศาวดารตอนหนึ่งว่า พระพุฒาจารย์ (อยู่)๓ วัดบางหว้าใหญ่ (วัดระฆังโฆสิตาราม) ปรึกษากับพระธรรมธีรราชมหามุนี (ชื่น)๔ วัดหงส์รัตนารามแล้วนำความขึ้นถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชว่า วัดนาคกับวัดกลางมีอุปจารใกล้กันนัก จะมีพัทธสีมาต่างกันมีควร ควรจะมีพัทธสีมาเดียวกัน ร่วมกระทำอุโบสถสังฆกรรมในพัทธสีมาเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช มีพระราชดำรัสให้พระราชาคณะประชุมกันพิจารณาวินิจฉัยเรื่องนี้ ในที่สุดที่ประชุมพระราชาคณะอันมีสมเด็จพระสังฆราช(ศรี) เป็นประธาน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า วัดทั้งสองนี้มีคลองคั่นเป็นเขตอยู่ ควรมีพัทธสีมาต่างกันได้ ดังตัวอย่างมีเคยมีมาในครั้งกรุงเก่า ปรากฏว่ามตินี้ทำให้พระพุฒาจารย์ (อยู่) ถูกลงพระราชอาญาโดยให้ถอดสมณศักดิ์ ฐานเจรจาอวดรู้กว่าผู้ใหญ่ สมเด็จพระสังฆราช (ศรี) ทรงออกประกาศให้เรียกว่า มหาอกตัญญู๔
การบูรณปฏิสังขรณ์
การที่มีคดีคัดค้านไม่ให้วัดนาคกับวัดกลางมีพัทธสีมาแยกกันดังกล่าวข้างต้นนั้น ชวนให้สันนิษฐานว่า ขณะนั้น คงจะมีการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งสำคัญในวัดใดวัดหนึ่งหรืออาจจะทั้ง ๒ วัดนี้ก็เป็นได้ มิฉะนั้นจะรื้อฟื้นเรื่องเก่าขึ้นมาเพื่อประโยชน์อะไร
อย่างไรก็ดี ใดด้านเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของวัดนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดว่าในต้นรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ.๒๓๒๕) ได้มีการโยกย้ายสับเปลี่ยนกัน กล่าวคือ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระครูเทพสิทธิเทพาธิบดี เจ้าอาวาสวัดนาค(สืบต่อจากพระธรรมเจดีย์ในสมัยกรุงธนบุรี) พระครูศรีสุนทรกษรวิจิตร เป็นตำแหน่งคู่สวดในสมเด็จพระสังฆราชไปอยู่วัดกลาง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพระมหาทองดี เปรียญเอก วัดหงส์รัตนาราม เป็นพระนิกรมมุนีไปครองวันนาคแทน๑
ในรัชการที่ ๒ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงสนพระราชหฤทัยอย่างยิ่งในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา เช่น ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดหลายสิบวัด และโปรดให้พระบรมวงศานุวงศ์ตลอดจนข้าราชการผู้ใหญ่ช่วยรับภาระบูรณปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ ด้วย ในการนี้ เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ (กุน) สมุหนายก มีจิตศรัทธารับบูรณปฏิสังขรณ์วัดนาค แบบสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดทับลงในที่เดิม ครั้นเสร็จแล้วได้น้อมเกล้า ฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย วัดนาคจึงได้เป็นพระอารามหลวง และมีนามใหม่ว่าวัดพระยาทำ หมายถึง วัดที่เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์สร้างขึ้นใหม่
เจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ผู้บูรณปฏิสังขรณ์วัดนาคครั้งใหญ่นี้ เป็นบุตรคนที่ ๕ ของพ่อค้าเรือสำเภาสมัยกรุงศรีอยุธยา มีชื่อว่า จีนกุ๋ย อยู่ที่ตำบลคลองโรงช้าง เหนือจังหวัดราชบุรีขึ้นไป เมื่อจีนกุน มีครอบครัวแล้วได้ไปตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ริมฝั่งแม่กลอง (จังหวัดสมุทรสงคราม) ติดกับวัดใหญ่ ห่างจากวัดเพชรสมุทรวรวิหารไปทางเหนือประมาณ ๕๐๐ เมตร ในสมัยกรุงธนบุรีจีนกุนได้เข้ารับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นพระราชสิทธิ ได้ยกที่ดินของตนทั้งหมดถวายให้แก่วัดใหญ่ แล้วย้ายมาอยู่ในกรุงธนบุรี ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่หน้าวัดราชบูรณะ (วัดเลียบ) ต่อมาย้ายไปตั้งบ้านเรือนอยู่ในคลองบางกอกน้อย ในรัชกาลที่ ๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้รับพระราชทานเลื่อนขึ้นเป็นพระยาศรีพิพัฒน์ ตำแหน่งจางวางกรมพระคลังสินค้า ต่อมาเมื่อเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ถึงแก่อสัญกรรม ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนขึ้นเป็นพระยาพระคลัง ครั้นถึงรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยารัตนาธิเบศร์ เป็นต้นสกุลรัตนกุล๒ ถึงแกอสัญกรรมในรัชการที่ ๒ ท่านมีบุตรธิดา ๔ คน คือ (๑) จมื่นมหาดเล็ก (ทองอยู่) (๒) พระยาพิไชยสงคราม (สัตวา) ต่อมาเลื่อนเป็นเจ้าพระยารัตนามาตยพงศ์ภักดี (๓) ท้าววรจันทร์(ยิ้ม) (๔) พระนิกรมมุนี(เบญจวรรณ) เจ้าอาวาสวัดพระยาทำ๓
ต่อมาในรัชการที่ ๓ พระบาทสมเด็จตพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชศรัทธาปฏิสังขรณ์เพิ่มเติมทั้งวัดอีกครั้งหนึ่ง จนมีสภาพถาวรมั่นคงมาถึงรัชการที่ ๕ พระอุโบสถ และเสนาสนะต่างๆ เริ่มชำรุดทรุดโทรมลง พระครูสุนทรากษรวิจิตร (แจ้ง) เจ้าอาวาสร่วมกับอุบาสกอุบาสิกาบูรณปฏิสังขรณ์ใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ต่อจากนั้นก็มีการบูรณะสิ่งปลูกสร้างที่ชำรุดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
อ้างอิงจาก
๑. พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ภาคจบ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงนิพนธ์พระอธิบายประกอบ (พระนคร : ห้างหุ้นส่วนจำกัดโอเดียนสโตร์, ๒๕๐๕), หน้า ๒๓๓๖ ๒๓๓๙.
๒. เรื่องเดียวกัน, หน้า ๔๒๔
๓. เป็นศิษย์ของสมเด็จพระสังฆราช (ศรี) เดิมเป็นพระพรหมมุนี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ เลื่อนขึ้นเป็น พระพุฒาจารย์ หลังจากพระราชทานเพลิงศพพระพุฒาจารย์ที่เคยถูกถอดสมณศักดิ์ในตอนปลายรัชกาลพระเจ้ากรุงธนบุรีร่วมกับสมเด็จพระสังฆราช(ศรี) และพระพิมลธรรม (ที่เลื่อนจากพระธรรมเจดีย์ วัดนาค) เพราะถวายพระพรว่า พระสงฆ์ปุถุชนไหว้นพเคารพสคฤหัสถ์ผู้เป็นพระโสดาบันนั้นไม่ควร (ดู พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ภาคจบ หน้า ๔๒๗-๔๒๘, ๔๔๘)
๔. คือ พระโพธิวงศ์ ที่พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชแทนสมเด็จพระสังฆราช (ศรี) ในตอนปลายรัชกาล พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงถอดออกจากตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งเป็นพระธรรมธีรราชมหามุนี ว่าที่พระวันรัตน
๕. พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ภาคจบ, หน้า ๔๕๐-๔๕๑
๖. พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ฉบับหอสมุดแห่งชาติ หน้า ๓๗๗
๗. พระมหาเอี๋ยว ปญฺญาทีโป, บันทึกประวัติวัดพระยาทำ (เอกสารโรเนียว ๖ หน้า),หน้า๕-๖