(36) พี่สา และ เพื่อนๆคุณแม่ที่น่ารักทั้งหลาย เชิญแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องลูกหน่อยค่ะ
    รายละเอียด :

    พี่สา และ เพื่อนๆคุณแม่ที่น่ารัก... นกเข้าไปดูเมลที่ยาฮูไม่ได้ตอนนี้ เลยมาฝกข้อความเอาไว้ตรงนี้หน่อยนึงน่ะค่ะ

    เรื่องของเรื่องก็มาบ่นหน่ะ อิอิอิ คือมันสงสารลูกมาก ที่เห็นลูกไม่สบายบ่อยๆ
    มันเป็นเดือนล่ะ 2 อาทิตย์กว่าๆเลย บางเดือนมันก็ดี ปล่อยให้ลูกเล่นได้บ้าง บางเดือนมันก็เอาถึง 3 อาทิตย์
    เราเป็นแม่น่ะ ก็เลยสงสัยว่ามันอะไรกันนี่ เด็กคนอื่น หรือลูกเพื่อนเราไม่ได้ป่วยขนาดนี้เลย
    ไม่ได้ป่วยหนักอะไรหรอก แต่ก็ นั่นแหละ บั่นทอนเวลาดีๆของลูกไปเยอะเลย คือลูกเป็นหวัด
    บ่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆ บางครั้งก็เกิดอาการแทรกซ้อนอื่นๆตามมา วันนี้เป็นวันที่ตัดสินใจพูดกับหมอว่า
    ถามจริงน่ะ ลูกฉันนี่ทำไมน่ะ เป็นหวัดบ่อยเหลือเกิน เมื่อก่อนหมอบอกว่า สร้างภูมิ แต่ตอนนี้มันคงไม่ใช่แล้วน่ะ

    หมอเลยบอกว่า ต้องตรวจหาเรื่อง ... ภูมิแพ้...แล้ว

    อะไรกันนี่ ลูกอายุ 4 ขวบกว่าๆเอง จะเอาแล้วเหรอ ภูมิแพ้นี่ แม่ยังต้องทานยาประจำ ถ้าลูกจะมาหอบยา
    อย่างเราอีกคงแย่เลย แบบว่า ไม่อยากเลย เห็นแล้วสงสารมากหน่ะ เมื่อคริตมาร์สยาวมาถึงหลังปีใหม่ก็ป่วยๆๆๆๆๆ
    ตอนนี้เอาอีกแล๊ว

    ถามจริงๆ คุณแม่ทั้งหลายที่นี่เลี้ยงลูกกันยังไงบ้างค่ะ ลูกป่วยกันบ่อยหรือเปล่า กิจกรรมยามว่างทำอะไรกันบ้าง
    สภาพแวดล้อมอยู่กันยังไง โดยเฉพาะ เป็นบ้าน เป็นอพาร์ตเม้น มีต้นไม้ หรือสัตว์เลี้ยงกันหรือไม่
    ตอนนี้เราอยู่บ้าน ต้นไม้/หญ้ามีค่อนข้างมาก สัตว์เลี้ยงเคยมี (ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว ไม่ใช่เพราะป่วยน่ะค่ะ)
    เด็กๆที่โรงเรียนก็มีป่วยกันบ้าง แต่ก็แค่หวัดธรรมดา ใครเป็นแล้วก็หายไปภายใน 3-4 วัน แล้วก็นานกว่าจะกลับมาเป็นอีก

    ขอบคุณน่ะค่ะ แล้วจะเข้ามาอ่านเป็นช่วงๆค่ะ ต้องคอยดูแลลูกด้วย
    โดย:[19 ม.ค. 49 3:48] ( IP A:85.18.13.1 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 1
    สวัสดีค่ะคุณนก ตำลึงมีลูกสาววัย 7 ขวบค่ะ เลยขอเข้ามาแจม
    ร่วมด้วยช่วยตอบค่ะ อิอิอิ ลูกสาวตำลึงก็มีป๋วยค่ะ แต่ไม่บ่อย
    นานๆทีค่ะ หมายถึ่งพวกไข้หรือหวัดนะค่ะ พูดถึ่งกิจกรรมยามว่างก่อนเลยค่ะ เวลาว่างตำลึงจะพาลูกสาวปั่นจักยานค่ะ ตอนนี้เขาสามารถปั่น
    ได้ 7 กิโลเมลรโดยไม่หยุดเลยค่ะ คิดว่าการพาลูกออกกำลังกายนี้ช่วยได้มากๆค่ะ ตำลึงจะพาเขาทำแบบนี้ตั้งแต่เล็กๆนะค่ะ( เปิดเพลงพาลูกเต้นก็ดีค่ะ ทำอยู่นะค่ะ)และ เวลาตำลึงออกกำลังในบ้าน ก็ชวนลูกออกด้วยนะค่ะ เขาทำนิดๆหน่อยก็ยังดีค่ะ สร้างความแข็งแรงไห้เขานะค่ะ ฝึกเขาไปในตัว ทุกวันนี้ก็ออกกำลังกายทั้งคุณแม่และคุณลูกค่ะ เขาชินแล้วนะค่ะ ฝึกแต่เล็กๆ

    ต่อมาเรื่องอาหารค่ะ นี้ทำอยู่นะค่ะ
    คือพวก นํ้าอัดลม หรือ นํ้าผลไม้ที่มี นํ้าตาล ผสมอยู่มากๆเนี้ย ตำลึงจะไห้เขากินได้แค่ อาทิตย์ละครั้ง ส่วนพวกของหวานก็ไห้เขากินได้ปกติแต่จำจัดนะค่ะ ฝึกเขามางี้นะตั้งแต่เขายังเล็กๆ
    ต้องยกความดีไห้ คุณหมอชนิกา ตอนท้องจะชอบซื้อหนังสือเลี้ยงลูก ของคุณหมอชนิกา มาอ่านนะค่ะ

    เรื่องอากาศและสิ่งแวดล้อมในบ้านตำลึงว่ามีส่วนค่ะ ขนสัตว์ก็อาจทำไห้ลูกแพ้ได้ค่ะ (ที่บ้านไม่เลี้ยงสัตว์เพราะแพ้ขนหมากันนะค่ะ)

    ตอนลูกสาวตำลึง อายุ 3 ขวบเขาเป็นหอบหืดแหละค่ะ ไปหาหมอประจำเลย แต่ตอนนี้เขาไม่เป็นหอบหืดมา 4 ปีแล้วแข็งแรงดี
    เห็นคุณหมอบอกว่าถ้าลูกเป็นหวัดบ่อยๆไห้กินพวกไวตามิน
    C จะช่วยได้นะค่ะลูกสาวตำลึงก็กินอยู่นะค่ะ ตามรูปเลยค่ะ
    เดี๋ยวคุณแม่ท่านอื่นคงมาช่วยตอบ ตำลึงเขียนอธิบายไม่ค่อยเป็นนะค่ะ ยังงัยก็ทนอ่านหน่อยแล้วกันค่ะ


    โดย: ผักตำลึง [19 ม.ค. 49 7:08] ( IP A:69.12.140.183 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 3
    สวัสดีอีกครั้งค่ะคุณนกตำลึงเอาลิ้งมาไห้อ่านค่ะ
    เพราะส่วนมากตำลึงก็ชอบไปอ่านเว็บไซ้เลี้ยงลูกนะค่ะ
    http://www.clinicrak.com/childclinic/a_childindex.html

    อันใหนเป็นประโยชน์ ตำลึงก็เอามา ไช้กับลูกนะค่ะ อาจจะช่วยได้นะค่ะลองดู
    โดย: ผักตำลึง [19 ม.ค. 49 7:35] ( IP A:69.12.140.183 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 4
    สวัสดีค่ะคุณนก และคุณผักตำลึง เรื่องลูกไม่สบายเป็นภูมิแพ้หรือเรียกแบบฝาหรั่งว่า Allergy คือการแพ้อากาศ หรือแพ้สิ่งต่างๆ พวกนี้จะมีอาการคล้ายเป็นหวัด โดยเฉพาะคนไทยที่อยู่เมืองไทยชอบคิดว่าเป็นหวัดอยู่เรื่อยไป แพทก็เป็นคนหนึ่งที่จัดอยู่ในจำพวก"ลูกอีช่างแพ้" แพ้หมา โดยเฉพาะหมาขนสั้นๆ พอจับหรืออุ้ม จะเกิดอาการคันและเป็นผื่นแดงที่ผิวหนัง หรือบางครั้งก็จะคันตา แพ้กลิ่นอับและเหม็น น้ำมูกจะไหลออกมาแบบฉับพลัน หรืออย่างที่เมืองไทยบ้านพี่สาวเลี้ยงหมาและแมว บ้านจะเหม็นกลิ่นฉี่แมวแบบฉุนมากๆ (แมวฉี่บนบ้าน) หรือกลิ่นสาบหมา เวลาแพทกลับบ้านที่เมืองไทยจะป่วยถึงขนาดเป็นหอบหืดต้องไปโรงพยาบาลให้อ๊อกซิเจนสองครั้งแล้ว ตอนอยู่ที่นี่เคยไปดูงาน Rodio ซึ่งจะมีการแสดงโชว์การล่าวัว ขี่วัว ขี่ม้า แพทเหม็นขี้วัว ขี้ม้า จนอาการหอบกำเริบ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยไปงาน Rodeo อีกเลย เพราะรู้สึกว่าไม่คุ้ม ค่าตั๋วก็แพง ค่าอาหารก็แพง แถมยังต้องเสียตังค์ค่าหมอและค่ายารักษาตัวอีกต่างหาก ที่บ่นมาทั้งหมดนั้นก็คืออาการของคน"ขี้แพ้" ทั้งนั้น ตอนนี้อาการดีขึ้นมากๆ แล้วค่ะ ตั้งแต่ย้ายมาอยู่เมกา อาการต่างๆ ก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะอากาศดี บ้านที่อยู่ก็ไม่เลี้ยงทั้งหมาและแมว(ยกเว้นแมลงสาบ...ล้อเล่น) แต่ตอนนี้ลูกชายกำลังสู้รบตบมือกับโรคภูมิแพ้อยู่เหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะเมื่อคืนต้องตื่นกันตอนตีสอง เพราะลูกหายใจไม่สะดวก คัดจมูก(Nasal Congestion) ไอ(cough)และเจ็บหน้าอก แถมมีไข้นิดหน่อย ต้องหายากันจ้าละหวั่นไม่ได้หลับได้นอนกัน(ตื่นเช้าจากคนกลายเป็นหมีแพนด้าตาดำเพราะอดนอน) ส่วนใหญ่แล้วเขาจะป่วยช่วงหน้าหนาว ช่วงหน้าร้อนเขาก็ไม่ค่อยป่วยเท่าไหร่ค่ะ มีครั้งหนึ่งทางห้องพยาบาลของโรงเรียนโทรศัพท์ให้ไปรับลูกกลับบ้าน เขาบอกว่าลูกตาบวมมาก สามีไปรับลูกที่โรงเรียน พอแพทเห็นสภาพลูกแล้วแทบแย่ ไม่อยากเชื่อเลยว่าตาเขาจะบวมมากขนาดนี้ แพทเคยพาลูกไปหาหมอ Specailise ตรวจว่าลูกแพ้อะไรบ้าง เขาแพ้เต้าหู้อย่างแรง และแพ้หลายอย่างจนจำไม่หมด อาการพวกนี้เป็นแล้วหายยากค่ะคุณนก นอกเสียจากว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เรารู้ว่าแพ้ อย่างแพทแพ้หมาก็ไม่เลี้ยงหมา แต่บางอย่างมันก็หลีกเลี่ยงได้ยาก อย่างเช่น แพ้ฝุ่นละอองในอากาศ หรือแพ้อากาศเย็นๆ อันนี้ไม่รู้จะหลีกเลี่ยงได้อย่างไร ขอเรียนตามตรงว่าหมดเวรหมดกรรมเมื่อไหร่ก็คงดีขึ้น คืออันนี้พูดแบบปลงๆ นะคะ เพราะแพทเจอมาเยอะแล้วค่ะ โดยเฉพาะตอนแพทเด็กๆ เป็นหอบหืดจนอยากตาย จำได้ว่าฝนตกทีไรจะป่วยเป็นหอบหืดทุกที(ตอนนั้นเกลียดหน้าฝนที่สุด) จนกระทั่งโตเป็นสาวก็ยังทรมารกับโรคหอบหืด(กรรมพันธุ์จากทางพ่อ) ถูกส่งโรงพยาบาลตอนดึกๆ อยู่บ่อยๆ จนย้ายมาอยู่เมกานี่แหละค่ะถึงได้รู้สึกเหมือนได้ชีวิตใหม่

    อย่างไรก็ขอให้ลูกคุณนกหายป่วยเร็วๆ นะคะ ฟังแล้วก็สงสารเด็กค่ะ คงหายใจฟืดฟาด และทรมารน่าดู
    โดย: แพท [19 ม.ค. 49 9:34] ( IP A:70.117.10.2 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 5
    มีหลานหลายคนค่ะ พ่อแม่เขาชอบเอามาฝากให้เลี้ยงตอนอยากทำตัวเป็นโสดกันบ่อยมาก เลยช่วยออกความเห็นได้นิดหน่อยค่ะ ว่าถ้าเด็กๆมีกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานเยอะๆ ออกกำลังเยอะๆ จะแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย ภูมิต้านทานดี รับประทานได้เยอะค่ะ เลยต้องคอยไล่หลานๆออกไปวิ่งเล่นกัน(ตามคำสั่งของพ่อแม่เขาเวลาเอามาฝาก) ยอมหนวกหู บ้านรก แต่ก็คุ้มค่า บางครั้งก็แอบใช้แรงงานเด็กบ้าง ให้กวาดบ้านถูบ้าน ตัดหญ้า หรือเล่นกีฬา เดี๋ยวนี้โตเป็นหนุ่มเป็นสาวที่ร่างกายแข็งแรงแจ่มใสและแวะมาดูแลอาดูแลป้าอยู่บ่อยๆค่ะ
    โดย: ตุ้ม [19 ม.ค. 49 9:40] ( IP A:61.91.175.163 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 6
    ลูกสาวคนโตพี่ก็เป็นภูมิแพ้ แพ้อากาศ อากาศเปลี่ยนนิดเปลี่ยนหน่อยก็น้ำหมูกไหล ไอ เป็นที 2 -3 อาทิตย์ ต้องกินยาแก้หวัดและยาภูมิแพ้เป็นประจำ ยังเคยไอจนต้องไปพ่นยา ก็กลุ้มใจเหมือนคุณนกที่เห็นลูกไม่สบายบ่อยๆแล้วเราช่วยอะไรไม่ได้ ก็อย่างที่หมอบอกลูกโตขึ้นร่างกายเขาก็มีภูมิคุ้มกันมากขึ้นทำให้อาการแพ้ของเขาลดน้อยลง แบบนานๆเป็นที ตอนนี้อายุ 6 ขวบกว่าแล้ว อาการหวัด คัดจมูก ไอ ก็ลดน้อยลง พอเป็นแล้วกินยาก็หายเร็วขึ้น พอเรารู้สึกว่าอากาศเปลี่ยนร้อนๆเย็นแล้วลูกหายใจฝืดฝาดนิดหน่อยก่อนนอนก็ให้กินยาภูมิแพ้ซึ่งไม่ได้กินประจำแล้วดักไว้ก่อน ตื่นมาก็ไม่เป็นอะไร เมื่อก่อนไปหาหมดทีไรก็จะถามหมอทุกทีทำไงแล้วเมื่อไรลูกจะหายจากการไม่สบายบ่อยๆ เดือนหนึ่งเป็นสัก 2-3 อาทิตย์ หายสบายดีอยู่ไม่กี่วันไม่สบายอีกแล้ว คุณหมอก็บอกคุณแม่ต้องใจเย็น ถึงเวลาลูกโตขึ้นก็ดีขึ้นเอง ตอนลูกยังเล็กๆนี้ก็ได้แต่รักษาให้ยาตามอาการและคอยดูแลไม่ให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ พี่ก็ไม่รู้จะให้คำแนะคุณนกยังไงได้แต่ส่งกำลังใจให้คุณนก และขอให้น้องกัญญารัตน์แข็งแรงๆหายจากไม่สบายเร็วๆนะคะ
    โดย: J&J [19 ม.ค. 49 12:20] ( IP A:61.91.118.171 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 7
    หลานตอนนี้ห้าขวบกว่าแล้ว ตอนที่เขาอายุสามถึงสี่ขวบก็เป็นแบบเดียวกับลูกน้องนกนะค่ะ คือ สามวันดีสี่วันไข้ เดือนหนึ่งหาหมอประมาณสามถึงสี่ครั้ง คิดดูนะค่ะ ยาที่หมอให้มากินอย่างน้อยก็สามถึงห้าวัน เดือนหนึ่งๆก็กินยาเกือบทุกวันนั่นแหละ การกินยาทำให้เขาไม่อยากกินอาหาร เชื่องซึม ปกติเขาก็กินข้าวน้อยอยู่แล้ว บังคับเขากินก็จะอ๊วก เห็นเขาผอมมากใจเราก็เจ็บนะ สุดท้ายก็ต้องมองหาสาเหตุ เขาปกติกินข้าวน้อยมากเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่น ก็แก้ปัญหาโดยให้เขากินมากมื้อขึ้น ระหว่างมื้อก็จะเพิ่มของว่างให้เขา สามเดือนเขาอ้วนขึ้นจนทุกคนทัก เรื่องไม่สบายซึ่งส่วนมาก็จะเป็นไอ เป็นไข้ เป็นหวัด หมอบอกว่าแพ้อากาศอะไรนี่แหละ ก็แก้ปัญหาด้วยการ รื้อตุ๊กตาต่างๆของเขาออกจากเตียงให้หมด ใส่เสื้อให้อบอุ่นพอ เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท หน้าร้อนเปิดแอร์ก็จะเปิดเครื่องทำไอน้ำ(ไม่ทราบว่าเรียกถูกหรือเปล่า) คือเวลาเปิดจะพ่นไอน้ำออกมา ทำให้อากาศในห้องไม่แห้งเกิน เดี๋ยวนี้เขาก็ดีขึ้น แต่เดิมเวลาตื่นนอนมาตอนเช้า เขาจะไอจามน้ำมูกออกมาเยอะมากๆ เดี๋ยวนี้น้อยลงมาก แล้วก็มาถึงเรื่องออกกำลังกาย เดิมเขาจะออกกำลังกายน้อยมาก ส่วนมากจะนั่งหน้าคอมฯ เล่นเกมหรือไม่ก็ดูทีวี ดังนั้นก็หาเวลาให้เขา ไปขี่จักยาน สเก็ตบอร์ด ว่ายน้ำ เล่นบาสเก็ตบอล หรือแม้แต่ให้เขาไปเล่นกับเด็กคนอื่นๆที่คลับเฮาส์ อย่างใดอย่างหนึ่งอย่างน้อยวันละหนึ่งชั่วโมง เดี๋ยวนี้ไม่สบายน้อยลง(ตอนที่พิมพ์อยู่นี่เขาก็ไอเป็นหวัดอยู่ ไปหาหมอมาเมื่อวาน แต่ก็นานแล้วที่ไม่ได้ไปหาหมอ ) หน้าตามีสีเลือดเวลาไปออกกำลัง (เดิมหน้าซีดเซียวไม่มีสีเลือด) ในห้องเรียนเขาจะตัวเล็กกว่าเพื่อน ตอนนี้เขาไม่ใช่คนตัวเล็กที่สุดแล้ว ถึงจะไม่อ้วนตัวกลมแต่เขาก็ไม่ผอมจนน่ากลัว ที่สำคัญเขาหาหมอกินยาน้อยลง น้องนกลองดูซิค่ะ เผื่อจะช่วยได้บ้าง ขอให้น้องเขาหายไวนะค่ะ
    โดย: ผักชี [19 ม.ค. 49 12:27] ( IP A:221.127.47.218 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 8
    สวัสดีค่ะ คุณนก และเพื่อนๆทุกคนค่ะ โทษทีที่ไม่ได้เอ่ยชื่อเพื่อนๆทั้งหมดน่ะคะ ไม่ว่ากันน่ะคะ เพราะว่านานๆเข้ามาทีค่ะ
    ที่เห็นคุณนกเล่ามานั้น อยากจะบอกว่า ลูกของขิงดิ้น ก็เป็นค่ะ และอีกอย่าง ลูกคลอดก่อนกำหนดด้วยค่ะ ก็เลยมีภูมิแพ้ตั้งแต่ยังไม่ 2 ขวบเลยค่ะ เขาป่วยบ่อยมากเหมือนกันค่ะ เรียกว่า ก่อนได้ 1 ขวบ ไปหาหมอเกือบทุกวันก็ว่าได้ค่ะ แต่โชคดีที่นี่ไม่เสียค่ารักษาพยาบาลค่ะ จนเด็กๆ อายุเกิน 5 ขวบไปแล้วค่ะ
    และการที่บอกมานั้น เวลากลางคืน ควรมีผ้าห่มหนาเรียกว่าให้เขาอุ่นมากๆไว้เป็นดีค่ะ หรือวิธีง่ายๆ ถ้าหน้าหนาว ก็ใช้ กระเป๋าน้ำร้อนใส่ไว้ในที่นอนก่อนที่นำเขาเข้านอนค่ะ ไว้ใต้ผ้าห่มสัก สิบนาทีก็เอาออกค่ะ อย่าให้ร้อนเกินไปน่ะคะ ก่อนให้เขานอนเราก็เช๊คดูว่า ร้อนไปมากไม๊ค่ะ
    ส่วนเรื่องไอ อันนี้เคยอ่านหนังสือพิมพ์ และ เจอมากับตัวเองด้วยค่ะ คือว่า การไอนี้ เด็กๆจะเป็นตลอดการเรียกว่า ไม่เกิน 10 วัน หรือ 2 อาทิตย์ขึ้นไปค่ะ พอเริ่มหายก็ไปติดจากโรงเรียน หรือ อนุบาล น่ะ และวิธีแก้ ก็ง่าย ค่ะ ยาแก้ไอใช้ได้ แต่ก็ไม่มากค่ะ แต่ให้ดี ก็คือ Dark Chocolate ให้ทานบ้าง แต่อย่ามากค่ะ เพราะว่ามีสารบางอย่างที่ช่วยการแก้ไอดีขึ้นค่ะ ลองสังเกตุเด็กๆที่ทานช๊อคคาแล็ตเก่งๆ ไม่ค่อยไอน่ะ
    ส่วนเรื่องการแพ้ เรื่องเกี่ยวกับขนสัตว์ หรือฝุ่นต่างๆ บางครั้ง ซ๊อฟทอย ที่เราไว้ข้างเตียงของเขา หรือ เขาเล่นบ่อยๆ อาจมีส่วนบ้าง แต่ไม่มากค่ะ ยังมีอีกเยอะ ไว้ถามมาค่ะ ก็ขอบอกไว้แค่นี้ก่อนค่ะ ไม่ได้สอนแต่ก็เคยผ่านมากับตัวเอง เวลาลูกป่วย เราผู้เป็นแม่นั้นป่วยยิ่งกว่าลูกเสียอีก แล้ว ทำให้เราบั่นทอน หรือ เหนื่อย และทำให้เราหงุดหงิดอีก และทำให้เราเสียสุขภาพจิตค่ะ สารพัดค่ะ เดี๋ยวบ่นให้เพื่อนๆฟังแล้วจะเบื่อซะก่อนค่ะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ คุณนก และ เพื่อนๆค่ะ
    โดย: ขิงดิ้น [19 ม.ค. 49 12:58] ( IP A:219.88.58.43 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 9
    สวัสดีคุณนกและเพื่อนๆทุกคน
    อ่านกระทู้คุณนกแล้วเห็นใจจริงๆ ที่เพื่อนๆแนะนำมาก็ดีทั้งนั้นเลยค่ะ
    โดยเฉพาะเรื่องออกกำลัง อย่างไรก็ขอให้ค้นพบทางแก้ไขเร็วๆนะคะ
    ลูกดิฉันเขาเริ่มเป็นวัยรุ่นกันแล้ว ไม่ป่วยแล้วค่ะแต่ปวดหัวเรื่องอื่นแทน
    โดย: เนย [19 ม.ค. 49 16:01] ( IP A:61.91.139.193 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 10
    ...สวัสดีทุกท่านครับ แวะเข้ามาทักทายครับ และให้กำลังใจในการต่อสู้และแก้ไขด้วยครับ ผมเคยแนะนำคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ไปหลายๆคนให้ดื่มน้ำต้มเห็ดหลินจือ ผลที่ได้คือหายจากอาการภูมิแพ้ทุกคนครับ "เห็ดหลินจือ" เป็นพืชสมุนไพรมีสรรพคุณในการขับของเสียที่เป็นพิษกับร่างกายออกมาครับ คือร่างกายของคนเราจะมีขีดความสามารถในการขับของเสียออกจากร่างได้เพียงระดับหนึ่ง ส่วนที่เหลือจากการขับก็จะถูกเก็บสะสมเอาไว้ในร่างกายจนถึงระดับหนึ่งก็จะส่งผลต่อร่างกายในทางลบ ตัวผมเองเป็นโรคเก๊า(ไขข้ออักเสบ)ก็อาศัยเห็ดหลินจือนี่แหละช่วยบรรเทาอาการปัจจุบันก็ยังดื่มเป็นประจำครับ
    โดย: จินจง [19 ม.ค. 49 17:06] ( IP A:125.24.39.127 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 11
    สวัสดีค่ะทุกๆคน โดยเฉพาะเพื่อนๆที่เป็นแม่ๆกันอ่ะค่ะ ถ้าพุดถึงเรื่องการเจ็บไข้ไม่สบายของลูกละก็ต้องขอถอนหายใจเฮือกใหญ่เลยอ่ะคะ ก็ตัวเล็กๆสองคนที่บ้านเพิ่งอาการดีขึ้นเมื่อวันสองวันนี้เอง หลังจากที่คนโตอายุยี่สิบสองเดือนป่วยเป็นไข้ ไม่ยอมทานนมและอะไรๆเลย เอาแต่งอแงจะเอาแต่แม่อย่างเดียว บวกกะคนเล็กหกเดือนไออีก เราคนเป็นแม่ก็สงสารลูก เครียดก็เครียดเพราะที่นี่ถ้าลูกป่วยไม่ถึงอาทิตย์ก็ยังพาไปหาหมอไม่ได้ ต้องคอยดูอาการที่บ้าน เหนื่อยมากๆเพราะไม่มีคนคอยช่วย เนี่ยถ้าอยู่บ้านก็ยังพอมีป้าๆน้าๆคอยดู แต่พอมาอยู่ที่นี่อะไรๆก็คนเดียวเลย ชนมันปั้งคนเดียวเหนื่อยพอดู เนี่ยเค้าทั้งคู่ก็ดีขึ้นแระ โชคดีที่ลูกทานนมของเราเพราะเค้าว่าเด็กที่ทานนมแม่มักไม่ค่อยเจ็บไข้ แต่ก็ต้องระวังเหมือนกันเพราะที่บ้านลูกห่างกันไม่กี่เดือนเค้าเล่นกันเลยทำให้ติดกันง่าย พูดมาก็เยอะแล้ว อย่างที่คุณขิงฯว่านั่นละคะลูกป่วย แม่ก็ป่วยยิ่งกว่าเป็นเท่าตัว ยังไงคนเป็นแม่ต้องรักษาสุขภาพกันนะคะ เพราะคนเป็นแม่ลาป่วยก็ไม่ได้ ลากิจยิ่งแล้วใหญ่ ยังไงก็ลองให้ลูกทำกิจกรรมนอกบ้าน เล่นกีฬาที่เด็กเล็กๆสามารถทำได้ หรือชวนเค้าวิ่งเล่นให้ได้เหงื่อบ้างน่าจะทำให้เค้าสดชื่นอ่ะค่ะ ตัวเองคงแนะอะไรได้ไม่มากเหมือนกันอิอิ แต่ความรักความห่วงใยของแม่เป็นยาขนานเอกเลยค่ะ


    โดย: ซาน่า [19 ม.ค. 49 17:50] ( IP A:213.112.234.161 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 12
    มาให้กำลังใจคุณแม่ทุกๆคนเลยคะ เจนนี่ยังไม่มีเจ้าตัวเล็ก แล้วก็ไม่เป็นภูมิแพ้ด้วยก็เลยไม่มีประสบการณ์มาแชร์ด้วย แต่ต้องปรบมือให้แม่ๆทุกคนเลย ผู้หญิงเราเนี่ยหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่และน่าภูมิใจที่สุดก็คือการได้ทำหน้าที่แม่ที่ดีนั้นเอง สู้ต่อไปนะคะ
    อย่างเป็นคุณแม่บ้างจัง ฮือๆ
    โดย: เจนนี่ [19 ม.ค. 49 19:59] ( IP A:58.147.15.26 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 13
    เข้ามาอ่านแล้วค่ะ ... ขอค้างเอาไว้ก่อนน่ะค่ะ ...ขอบคุณทุกๆความเห็นน่ะค่ะ

    เอาตรงคห.คุณซาน่า มาพูดนิดนึงน่ะค่ะ ไอ้บ้านนี้เมืองนี้มันไม่เหมือนเมืองไทยค่ะ เมื่อลูกป่วย (หรือแม้กระทั่งเราเอง)
    เค้าจะไม่ไปหาหมอกันทันที เค้าจะดูอาการกันที่บ้านก่อน ถ้ามีไข้ก็ให้ยาพาราฯกันไป ถ้าไอก็มียาแก้ไอที่ร้านขายยา
    (ซื้อเองอีก...ได้ผลน้อยเข้าไปอีก ....ขอถอนหายใจใหญ่สักครั้งเถอะ ...เฮ้อ...)
    เคยน่ะ ลูกไม่สบาย ไข้สูงมากสำหรับคนไทยเราหน่ะ 39 กว่า ก็โทรหาหมอ ... ขอนัด ... อจจะได้วันนั้น หรือวันถัดไปด้วยอ่ะ
    โอเค ...ได้ไปหาหมอแล๊ว ...หมอบอกให้แค่พาราเซตามอล ... นึกในใจตรูก็เป็นหมอที่นี่ได่ฟ่ะ ... แค้นมาก

    หมอบางคนมาว่าเราอีกว่า เค้ารู้จักคนไทยน่ะ เมื่อลูกเป็นอะไรนิด ก็วิ่งหาหมอกัน... ก็บอกหมอคนนั้นไปว่า
    ก็ใช่อ่ะดิ เพราะ เราไม่ใช่หมอนี่(หว่า) จะรู้เหรอ อันไหนกรณีเร่งด่วน หรือไม่เร่งด่วน นี่ลูกอ่ะ แล้วโดยเฉพาะลูกที่ยังเล็กๆเนี่ย
    พูดไม่ได้ บอกไม่ได้น่ะ เราเป็นแม่น๊ะ จะนอนหลับตาได้ลงเหรอ ... แหม๊ นึกในใจน่ะ เออ เค้าพูดไม่นึกถึงคนที่เค้าไม่รู้เรื่องหมอเล๊ย ไม่มีมเตตาเลยหมอคนนี้ ...ตอนนี้ไม่เจอหมอคนนั้นอีกแล้ว
    ก็สบายใจขึ้นมานิด แต่ก็นั่นแหละ ลักษณะ การทำงานของหมอที่นี่เป็นอย่างนี้

    แล้วยังมาเจอกับนักศึษาไทยที่มาศึกษาด้านการแพทย์ที่นี่อีก เค้าบอกเลยว่า การแพทย์ที่นี่ ขี้เหนียวมาก
    ตอนนี้พยายามลดเตียงคนไข้ที่ รพ. พยายามหายาที่คุณภาพใกล้เคียงกัน แต่ ราคาถูกกว่า เออ เอากะพวกเค้ากันซิ
    รวยก็รวยอยู่น่ะประเทศนี้ แต่ทำไมขี้เหนียวจัง

    ทุกวันนี้เวลาเราจะต้องไปหาหมอบ่อยๆ เราต้องออกตัวเอาไว้ก่อนเสมอเลยว่า เราต้องพึ่งเค้าน่ะ เพราะเราไม่อยากเห็นลูกเป็นมาก

    ทำไมต้องพูดอย่างนั้นล่ะ ... เผื่อมีใครสงสัย

    ก็เพราะว่า ... 3-4 อาทิตย์ที่ผ่านมานั่นแหละ ทั้งหมอทั้งพ่อบ้าน ก็ว่าลูกไม่เป็นอะไรหรอก แต่ไหงได้ ผ่านไปตั้ง 2 อาทิตย์
    ลูกยังคงไข้สูง ผอมๆๆๆๆๆๆ พอหลังปีใหม่ก็เลยบอกกับพ่อบ้านว่า เราจะพาลูกไปหาหมอ เราจะโทรไปเอง และจะเอานัดให้ได้ในวันนี้
    เมื่อได้นัดมาแล้ว ปรากฏว่าลูกหูอักเสบทั้ง 2 ข้าง เออ...น่าจะโดน ตบ ทั้งหมอทั้งพ่อบ้านฉันไม่ล่ะ

    ด้วยเหตุนี้แหละ แล้วครั้งที่ 2 แล้วตั้งแต่ลูกเกิดมา เลยทำให้ไม่ค่อยไว้ใจหมอที่นี่เลย
    โดย: นก [19 ม.ค. 49 20:35] ( IP A:82.101.199.151 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 14
    มาร่วมคุยด้วยคนค่ะ น่าเห็นใจจังค่ะหัวอกคนเป็นแม่อย่างเราๆก็กลุ้มและเป็นห่วง
    เขามากเป็นพิเศษ อ่านจากที่คุณนกว่าน้องเป็นหวัดบ่อยพอควรนะคะ ไขุ่นุ้ยว่า
    คุณนกลองพาลูกสาวเปลี่ยนหมอดูบ้างดีไหมคะ เผื่อว่าหมออีกคนอาจจะวินิจฉัย
    แตกต่างกันออกไปและอาจจะช่วยให้ดีขึ้นก็ได้ค่ะ และอย่างที่เพื่อนๆว่าค่ะเห็นด้วย
    ว่าให้ลองสังเกตดูว่าข้าวของที่ลูกสาวใช้มีส่วนทำให้แพ้หรือเปล่าคะ เด็กต้องไปโรงเรียน
    ก็มีส่วนได้เหมือนกันค่ะที่ติดหวัดจากเพื่อนๆที่โรงเรียน ช่วงนี้อากาศแถวบ้านคุณนกเย็น
    หรือเปล่าคะก็มีส่วนได้เหมือนกัน ยังไงก็อวยพรให้ลูกสาวคุณนกหายป่วยเร็วๆกลับมา
    แข็งแรงๆและเป็นภูมิแพ้เลยค่ะ

    ส่วนลูกชายไข่นุ้ยยังเล็กอยู่มากเลยค่ะตอนนี้ก็ 1ขวบกับอีก 4เดือนค่ะ
    เคยไม่สบายมากๆครั้งหนึ่งคือท้องเสียติดต่อกัน 3วันทานอะไรก็ไม่ได้
    ้คือเขาไม่ทานและยังอ้วกออกมาอีกไขุ่นุ้ยแทบจะบ้าตายเลยค่ะ
    หมอบอกว่าเขายังเล็กนักให้ทานยาอะไรไม่ได้ แค่สังเกตอาการถ้า
    ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้ก็แค่รอให้หายท้องเสียไปเองแล้วเขาจะกลับมาทานได้เอง
    สรุปว่าครั้งนั้นกว่าจะเข้าปกติก็เป็นอยู่ 5 วันเต็มๆคนเป็นแม่แทบจะบ้าตายค่ะคือ
    เป็นห่วง กังวล สงสารอยากหอบลูกกลับเมืองไทยไปเลยค่ะ

    โดยส่วนใหญ่ที่ผ่านมาก็เป็นหวัดประมาณ 2 ครั้งค่ะแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าพอโตขึ้น
    ต้องไปเข้าโรงเรียนเจอคนเยอะแยะก็ยังไม่รู้ว่าเขาจะเป็นแบบลูกสาวคุณนกหรือเปล่า
    ตอนนี้อยู่บ้านกับแม่สองคนแทบทุกวันก็เลยไม่มีโอกาสได้ไปติดหวัดจากเด็กอื่นๆด้วย
    น่ะค่ะ ที่บ้านอยู่บ้านห่างจากเพื่อนบ้านพอสมควรในบ้านไม่มีต้นไม้เลยค่ะ หมาก็เคยมี
    แต่ตอนนี้ไม่มีแล้วก็เลยยังไม่มีอะไรมาก่อเหตุมากนักน่ะค่ะ แต่ว่านานๆทีก็จะมีบ้างที่
    เอาหมามาเลี้ยงชั่วคราววันหยุดเสาร์อาทิตย์ลูกชายก็ชอบไปกอดๆซบๆ คลุกเล่นกับหมา
    อยู่เรื่อยเลยค่ะห้ามไม่ได้เลยแต่ส่วนใหญ่แล้วน้องหมาจะไม่ได้อยู่ที่บ้านน่ะค่ะก็เลยไม่ต้อง
    ระวังเขามากนักน่ะค่ะ

    พึ่งกลับไปอ่านคคห.13 ที่คุณนกเล่าว่าถ้าป่วยจะกินยาดูอาการอยู่ที่บ้านก่อน ไข่นุ้ยนึกว่าเป็นแต่ที่บ้านไขุ่นุ้ยคนเดียว เป็นเหมือนกันค่ะโชคดีที่ไขุ่นุ้ยสมบุกสมบันไม่ค่อย
    ได้เจ็บป่วยเป็นอะไรนักแต่ช่วงที่ลูกชายมีไข้ไข่นุ้ยก็จะคอยวัดไข้และก็เคยขึ้นสูง 39องศา
    เหมือนกันค่ะที่นี่เขาดูแลแตกต่างกับเมืองไทยเหมือนกันค่ะ ต้องเอาลูกชายอาบน้ำเลยค่ะ
    น้ำอุณหภูมิห้องเพื่อช่วยลดไข้และก็ให้กินยาลดไข้ควบคู่ไปค่ะและต้องหมั่นวัดไข้และคอย
    สังเกตว่าเขามีอะไรแปลกไปไหมแต่ที่เคยๆทำมาก็ยังไม่เคยไข้เกิน 39ก็เลยดูแลเองให้ยา
    ลดไข้หมั่นเช็ดตัวหรืออาบน้ำ(ถ้าตัวร้อนนัก)ก็ผ่านมาได้ดีค่ะ

    เอาใจช่วยคุณนกนะคะ ขอให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีและดีขึ้นเรื่อยๆค่ะ
    โดย: kainui_rica [19 ม.ค. 49 21:10] ( IP A:71.56.85.110 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 15
    แวะมาเยี่ยม พูดคุยอีกรอบ แฮะ..แฮะ..ทางโรงเรียนเพิ่งโทรฉับมาบอกให้ไปรับคุณลูกกลับบ้าน...เพราะอาการ บ่ดีขึ้น พ่อ-แม่ก็ไม่ได้นอนมาสองคืนติดๆ กัน ไม่รู้ว่าที่บ้านอื่น-เมืองอื่นเป็นแบบนี้มั๊ย คือถ้าเด็กไม่สบาย ทางโรงเรียนจะเรียกผู้ปกครองไปรับกลับบ้าน แต่ว่าก่อนที่จะโทรเรียกให้ไปรับนั้น เขาจะให้พักที่ห้องพยาบาลก่อน(มีพยาบาลดูแล) ถ้าอาการดีขึ้นก็ให้กลับไปเรียนต่อได้ แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีไข้สูง เขาจะเรียกให้ไปรับลูกกลับทันที

    เรื่องการไปหาหมอตรวจอาการนั้นที่เมกาก็มีปัญหาเหมือนกัน คือเวลาลูกป่วยหรือใครป่วยก็ตาม ส่วนใหญ่ก็จะซื้อยาตาม Grocery พวกยาแก้ไข้ แก้ปวดมากินเพื่อดูอาการไปก่อน ถ้าไม่ดีขึ้นถึงต้องไปหาหมอ แต่ต้องโทรนัดก่อน บางทีให้รอเป็นอาทิตย์กว่าจะได้พบหมอ หรือถ้ารอไม่ได้ต้องไปแบบ Emergency ซึ่งเสียเงินแพงมากๆ ตอนมาเมืองไทยเห็นญาติๆ สามีพาลูก-หลานไปหาหมอกันเป็นว่าเล่น เห็นแล้วอิจฉาอยากกลับมาอยู่เมืองไทย และก็อิจฉาหมอที่ได้เงินตุงกระเป๋าทุกวัน

    เห็นคุณนกบอกว่าลูกเป็นหูอักเสบ อันนี้แพทอ่านแล้วรีบไปถามลูกทันทีว่าเจ็บหูป่าว เพราะเคยเหมือนกันที่ลูกป่วยมีไข้อยู่หลายวัน กินยายังงัยก็ไม่หาย พาไปหาหมอๆ ตรวจดู หู คอ จมูกและปาก ปรากฏว่าหูอักเสบ อย่างไรอย่าลืมดูที่ช่องปากด้วยนะคะ บางทีก็คออักเสบได้เหมือนกันค่ะ

    คุณนกลองให้ลูกดื่มน้ำอุ่นๆ แทนน้ำเย็นนะคะ เพราะเท่าที่สังเกตุดู เวลาที่หายใจไม่ออก คัดจมูก พอดื่มน้ำเย็นแล้วยิ่งแย่ใหญ่ หายใจหายคอไม่ออก แต่พอดื่มน้ำร้อนหรือน้ำอุ่นค่อยดีขึ้น วันนี้แพทก็เลยได้หยุดงานหนึ่งวัน ทำหน้าที่เป็น DR. MOM ค่ะ
    โดย: แพท [20 ม.ค. 49] ( IP A:70.117.10.2 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 16
    เข้ามาอ่านอีกรอบ อิอิอิ มาเก็บประสบการณ์จากคุณแม่ๆทั้งหลาย
    ด้วยคนค่ะ
    สวัสดีค่ะคุณแพทตำลึงก็อยู่อเมริกา เรื่องลูกป๋วยที่โรงเรียน
    และไปหาหมอเป็นแบบเดียวกันที่คุณแพทบอกเลยค่ะ
    จะไปหาหมอทีนัดนานมาก จนหายป๋วยก่อนเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ
    ส่วนมากชาวต่างชาติ เวลาเขาไม่สบายเขาจะรักษากันเอง
    ที่บ้านก่อน จนไม่ใหวจริงๆนั้นแหละถึ่งยอมไปหาหมอกัน อิอิอิ
    พ่อบ้านเป็นเหมื่อนกันเลยค่ะ ไม่สบายทีไรไม่ชอบไปหาหมอเลย
    เขาจะรักษาซื้อยากินเอง
    โดย: ผักตำลึง [20 ม.ค. 49 1:27] ( IP A:69.12.140.183 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 17
    สวัสดีค่ะ เพื่อนๆทุกคน และ คุณนก ค่ะ
    ได้ฟังการเล่าของคุณนกอีก ก็เข้าใจค่ะ ที่นี่ก็เหมือนกันค่ะ แต่เด็กนี้มาก่อนค่ะ ยามดึกคำคืน หรือ เวลาไหน เขาต้องการรักษาเด็กก่อนค่ะ และที่บอก ว่า หมอให้ พาราฯ หรือ พามอล นั้น ก็จริงค่ะ ขิงดิ้นเคยโมโหเหมือนคุณนกค่ะ ถามต่อหน้าฝามีและก็หมอ ว่า ทำไมให้แต่ยาพามอล เขาบอกว่า มีทางเดียว เพราะว่า เด็กยังไม่เกิน 5 ขวบขึ้นไปให้อะไรไม่ได้นอกจากตัวนี้ค่ะ แล้วเวลาเราให้น่ะ เราให้ทุกๆ 4 ชั่วโมง อย่าให้ขาดน่ะคะ ขิงดิ้นเคยหนหนึ่ง ลูกอาการดีแล้วก็เลยเผลอหลับไปเกินชั่วโมงหนึ่ง ตื่นมาลูกอาการไข้ขึ้นสูงมาก ก็เลยรีบกรอกยาให้ต่อ ได้ไม่ถึง ชั่วโมง อาการก็ดีขึ้นค่ะ เรานี้เสียใจมากเกือบฆ่าลูกทางอ้อมค่ะ แต่โชคดีค่ะ และอีกอย่างที่หมอให้ได้ก็คือ ยาแก้อักเสบ ค่ะ แอนตี้ไบโอติค ค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ ลูกๆโตขึ้นมากแล้วค่ะ การมีลูกเล็กๆนี้ เหนื่อยแสนเหนื่อยค่ะ แต่เราทนเพื่อลูกเราจริงๆค่ะ คนไทยน่ะคะ ทนจริงๆค่ะ คนที่นี่ ไม่ทนเท่ากับคนไทยเราเลยค่ะ
    และเรื่องที่ลูกหูอักเสบ ลูกเราก็เป็นค่ะ เพราะว่ามันจะติดต่อกัน หู , คอ , ตา , จมูก ค่ะ แล้วเวลาลูกร้องน่ะคะ คือร้องปวดหูน่ะ ควรเอาผ้าหนุนหมอนให้สูงกว่าธรรมดานิดนึงค่ะ เพราะว่าจะช่วยบรรเทาแก้ปวดเขาได้และทำให้เขาร้องน้อยลง หรือร้องจนหลับไปค่ะ เวลาลูกเราร้องกระดูกที่แก้วหู มันเขกกัน หรือ ตีกัน ก็เลยยิ่งทำให้ปวดมากค่ะ มีทางเดียว จับลูกนอนให้หมอนสูงหน่อยค่ะ ทำไมเวลาเขาร้องแล้วเราอุ้ม เขากับหยุดร้อง เพราะว่าเราอุ้ม แล้วหัวหรือศรีษะ เขาสูงหรือตั้งน่ะ ก็เลยลดผ่อนการปวดไปได้บ้างค่ะ ถ้าอย่างไรแล้วจะเข้ามาอ่านและมาตอบอีกค่ะ ถ้าไม่เบื่อกับการแนะนำของขิงดิ้นค่ะ รักษาสุขภาพน่ะคะ คุณนก เราเข้าใจว่าการแม่ นั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่บางคนคิดค่ะ เป็นห่วงค่ะ คุณนก
    โดย: ขิงดิ้น [20 ม.ค. 49 3:42] ( IP A:219.88.58.43 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 18
    เข้ามาอ่านอีกรอบด้วยความเอาใจช่วยค่ะ พอดีนึกขึ้นได้ว่า หมอเคยพูดว่า ที่หลานแพ้อะไรนี่ พอเด็กโตหน่อยจะหายเองได้ในบางคน คิดว่าน้องนกคงสบายใจขึ้นอีกนิดนะ
    โดย: ผักชี [20 ม.ค. 49 17:54] ( IP A:61.92.23.252 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 19
    หวัดดีคะคุณนกและเพื่อนๆทุกๆคนคะ ขอโทษที่เข้ามาช้ากว่าใครเลย

    จากประสบการณ์ที่เลี้ยงลูกมาด้วย2มือนี้คนเดียวจริงๆ ก็ต้องขอบอกว่าลูกตอนช่วงเข้าอนุบาลจะเป็นช่วงที่ลูกไม่สบายและเป็นหวัดบ่อยมากๆ บางทีก็ไปติดหิดที่มือกลับมาอีก เพราะที่ รร.อนุบาล มีเด็กมากมายที่เป็นตัวแพร่เชื้อโรคเป็นอย่างดี หวัดเอย เหาเอย และสารพัด
    ขอบอกว่าช่วงนี้ให้ลูกกินผักผลไม้ให้มากๆ และให้ลูกออกกำลังกายให้เหงื่อ ออก สำหรับสาเช่นช่วงนี้อากาสหนาว เช่นวันนี้ลบ10 ก็จะให้ลูกออกไปเล่นกระดานลื่นหิมะข้างนอกสัก30นาที แต่ถ้าบางช่วงไม่มีหิมะก็จะวิ่งไล่จับลูกในบ้านให้เค้าได้ออกเหงื่อ(หมายถึงช่วงตอนเล็กๆ)
    และจะให้ลูก นอนให้เต็มที่ เมื่อได้เวลานอนก็จะไม่ให้เกินเวลาที่กำหนดเพราะเด็กจะได้มีสุขภาพที่ดี การกินอิ่มนอนอิ่มและ ร่างกายได้ออกเหงื่อ มันก็ทำให้เด็กมีภูมิต้านทานโรคได้อย่างดีเลย(ในความคิดของตัวเอง) และเรื่องไปหาหมอก็เจอมาคะ เสียค่าหมอแล้วหมอบอกว่า กลับไปบ้านกินน้ำให้เยอาะๆก็จะหายเอง ไปเจออย่างนี้มาหลายครั้ง ก็เลยตัดสินใจว่า ถ้าไม่หนักหนาสาหัสก็ไม่พาลูกไปคะ
    หมอที่นี่ถ้าอาการไม่น่ากลัว(แบบเราว่าน่ากลัว หมอบอกว่าธรรมดา)
    ก็ไม่มีการออกหรือจัดยาให้หรอกคะ เรื่องภูมิแพ้ ถ้าบางบ้านไม่เลี้ยงสัตว์ก็เป็นภูมิแพ้ได้เหมือนกัน เพราะตอนลูกได้ไม่กี่เดือน ก็ไปซื้อพรมของมาจากเมืองจีนมา ปรากฏว่า ขนมันกระจายมาทุกๆวัน แรกๆก็มีอาการนิดหน่อย พอเลยไป1ปี ต้องรีบเอาพรมยกไปให้คนอื่นเลยคะ เพราะเริ่มหายใจไม่ออกกัน แล้วโรคภูมิแพ้ก็ตามมาเป็นระยะๆ ยิ่งช่วง ฝนตกนี่ หายใจแทบไม่ออกเลยคะ แต่ไม่ใช้พรมแบบนั้นมาร่วม10ปี อาการตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้น (เคาะโต๊ะ3ที) ที่บ้านจะไม่มีพรมที่ห้องนอนเลยคะ แต่ก่อนมีทุกๆห้องเว้นห้องน้ำกับห้องครัว นอกนั้นมีหมดคะเพราะเป็นคนขี้เหงา เอ้ย ขี้หนาว แต่หลังจากไม่มีพรม อาการหลายๆอย่างก็ ค่อยๆหายไป ยังไงคุณนกก็ลองดูที่บ้านนะคะว่ามีพรมบ้างไหม?
    เด็กๆไม่สบายนี่คนเป็นแม่จะเหนื่อยและกังวลใจเป็นที่สุด
    ยังไงสาก็ขอให้คุณนกและน้องธัญญา และครอบครัวคุณนก ขอให้ มีสุขภาพที่ดีนะคะ อโรคยา ปรมาลาภา
    โดย: ชมพู่ [20 ม.ค. 49 21:33] ( IP A:213.114.231.248 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 20
    มาสนับสนุนด้วยคนค่ะ เรื่องพรมตำลึงก็เป็นค่ะ แพ้พรมปูพื้นบ้าน
    เป็นขนาดหน้าแดงเป็นตุ้มแดงๆเต็มหน้าเต็มตัวเลยค่ะ
    ไปหาหมอ เขาบอกแพ้พรม(ขนสัตว์ก็แพ้) พอเอาพรมออกก็หายจริงๆ
    โดย: ผักตำลึง [21 ม.ค. 49] ( IP A:69.12.140.183 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 21
    เข้ามาอ่านรอบที่ 2 แล้วค่ะ ... ตอนนี้ลูกเจ็บหู ให้ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบที่พึ่งจะได้จากหมอเมื่อวานนี้เอง
    เวลาลูกนอนสงสารลูกจังเลยเห็นเค้านอนคราง ฮือๆๆ เพราะว่าปกติเราไม่เห็นลูกเป็นอย่างนี้เลย
    เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ก็เดาออกว่าลูกคงเจ็บมาก หรือไม่ก็คงรำคาญอะไรในหูเป็นอย่างมาก
    แต่เรื่องเจ็บนี่น่าจะเป็นอันดับแรก ... หลังจากทานยาแก้หูอักเสบไปแล้ว ดูท่าทางลูกจะดีขึ้น
    ก็โชคดีที่ลูกเป็นคนทานยาได้ง่าย ทั้งยาน้ำและยาเม็ด

    แล้วจะแวะมาคุยใหม่น่ะค่ะ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งน่ะค่ะ ได้อะไรมากมายเลยจากการอ่านข้างบนนี้
    อย่างน้อยก็รู้ว่าแม่ๆเรานี้เจออะไรกันมาบ้าง อดทนกันแค่ไหน ตั้งตัวรับมือกันยังไงกับเหตุการณ์ต่างๆ
    รู้กระทั่งว่าแม่เราก็เหนื่อยแสนสาหัสครั้งเมื่อเรายังเล็กๆ ป่วยชักแล้วชักอีก สมัยนั้นเด็กชักกันบ่อย ก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร
    วิ่งหาหมอกันดึกๆดื่นๆ มีตั้งค์ได้ไม่เท่าไหร่ ก็เอาไปจ่ายค่ายาซ๊าๆๆๆบ่อยครั้ง วันไหนไม่มีตั้งค์ก็วิ่งขายพัดลม
    ขายทอง เอามารักษาลูกๆ ........ เน๊าะ กว่าจะได้เติบโตมาได้นี่ ไม่ใช่สนุกเน๊าะ อิอิอิอิ
    เอ๊านั่น จากลูกนี่ยาวไปถึงคุณยายแล๊ว เดี๋ยวคุยกันใหม่น่ะค่ะ
    โดย: นก [22 ม.ค. 49 2:53] ( IP A:82.101.199.151 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 22
    ไม่มีลูกคะ เเต่ว่าตัวเองก็เป็นภูมิเเพ้เหมือนกันตั้งเเต่เด็ก อาการออกตั้งเเต่คันหูคันตา บางทีเกาจนลูกตาเเทบจะควักออกมาค่ะ บางทีออกโดยคันที่ผิวหนัง ก็เกาจนผิวถลอกเหมือนกัน บางทีก็ออกโดยเจ็บคอก่อน คัดจมูกน้ำมูกไหล เเล้วกลายเป็นหวัดไปค่ะ โดยเฉพาะถ้าเจอบุหรี่หรือน้ำหอมกลิ่นเเรงๆค่ะ

    คุณนกต้องระวังเรื่องผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆด้วยค่ะ บางทีกลิ่นหอมดี เเต่ว่าเราหรือลูกเเพ้ค่ะ รวมไปถึงกลิ่นสบู่ เเละผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่ม ต้องลองสังเกตดูค่ะ สินค้าเเพงเเต่เราอาจเเพ้น้ำหอมหรือสารเคมีค่ะ

    เรื่องออกกำลังกาย คิดว่าดีค่ะ ขี่จักรยานว้นที่ฝนไม่ตก หรือให้ลูกเล่นนอกบ้าน อากาศดีกว่าในบ้านที่ปิดตลอดฤดูหนาวค่ะ เเล้วยิ่งเราเปิดเครื่องทำความร้อน จะมีอาการโรคนี้ด้วยค่ะ จะเจ็บคอ วิงเวียนค่ะ นี่ทราบจากโทรท้ศน์ที่เขาส่งเสริมให้เปิดหน้าต่างเอาอากาศหมุนเวียน วันละครึ่งชม หน้าหนาวค่ะ

    หวังว่าน้องตาลำใย จะหายเร็วๆนะคะ
    โดย: ปลาหวาน [22 ม.ค. 49 23:48] ( IP A:86.80.54.92 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 23
    เอาใจช่วยขอให้ลูกสาวคุณนกหายป่วยเร็วๆ กลับมามีสุขภาพแข็งแรงดังเดิม มีคำแนะนำโดยตรงจากผู้มีประสบการณ์แยอะแยะเลย ช่วยใด้มากๆ วรรณขออ่านเอาความรู้ด้วยคนค่ะ
    โดย: กวีวรรณ [24 ม.ค. 49 23:47] ( IP A:205.188.117.8 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------
    ความคิดเห็นที่ 24
    ตามมาเก็บข้อมูลจ้า ได้ยินมาว่าให้ทาน วิตามินซี เยอะๆๆ
    จะช่วยให้ไม่เป็นหวัดบ่อยจ้า
    โดย: nid-nid [25 ม.ค. 49 19:21] ( IP A:61.90.123.208 X: )

    --------------------------------------------------------------------------------

    ดำ ขาว น้ำเงิน แดง เขียว เหลือง ส้ม น้ำตาล ม่วง ฟ้า เขียวมะนาว

    รายละเอียด :
    ชื่อ / e-mail : แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
    รูปประกอบ :
    .jpg .bmp .gif < 100K
    จัดตำแหน่งรูป :

    ชิดซ้าย กึ่งกลาง ชิดขวา

    เสียงประกอบ : .wav .mp3 .wma .ogg < 300K




    ติดต่อ : นก [ 9 มี.ค. 49 3:24 ]
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live

คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน