สวัสดีทุกคน
   แมว
โดย: pegasus_k5@windowslive.com [15 มิ.ย. 54 17:33] ( IP A:202.28.51.72 X: )
Add to Facebook  Add to Twitter  Add to Multiply  Add to Google  Add to Blogger  Add to Live
ความคิดเห็นที่ 1
   ยินดีต้อนรับครับ ว่าแต่... จะไม่แนะนำตัวเองมากกว่านี้อีกสักนิดหรือครับ หุหุ ^^ blink
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [15 มิ.ย. 54 21:27] ( IP A:125.27.5.114 X: )
ความคิดเห็นที่ 2
   ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับอียิปมากเลย
โดย: pegasus [16 มิ.ย. 54 19:33] ( IP A:223.206.195.208 X: )
ความคิดเห็นที่ 3
   เรื่องราวที่ซับซ้อน แท้ที่จริงมันอยู่ใกล้เราแค่ลมหายใจ
โดย: pegasus [18 มิ.ย. 54 20:22] ( IP A:223.204.49.144 X: )
ความคิดเห็นที่ 4
   ถ้าเราอยู่ในยุคอียิป คุณอยากเป้นอะไรค่ะ
โดย: pegasus [21 มิ.ย. 54 18:52] ( IP A:223.207.105.167 X: )
ความคิดเห็นที่ 5
   

ในหลักฐานที่ค้นพบเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องที่มีบันทึกอยู่น้อยมาก บันทึกที่พบก็ไม่มีส่วนไหนที่เรียก “การแต่งงาน” โดยเฉพาะ มีแต่คำใกล้เคียงที่หมายถึง “สร้างภรรยา” “การยอมรับเป็นภรรยา” (‘making a wife' or 'taking a wife')

หลังจากยุดที่ 3 (the Third Intermediate period) เราได้พบคำในเอกสารที่เกี่ยวกับจัดการทรัพย์สินในการแต่งงานคือ shep en shemet หรือค่าสินสมรส แต่จะพบเอกสารที่เกี่ยวกับการจัดการสินสมรสหลังจากหย่าร้างมากกว่า (เหมือนการทุกที่ไม่ว่ายุคไหนแยกกันเรื่องเงินทองสำคัญมาก ...เหอะๆ)

มีการใช้คำว่า “hemet” ซึ่งน่าจะหมายถึง “ภรรยา” แต่จริงๆ แล้วคำแปลตรงตัวคือ “คู่ที่เป็นสตรี” และคำนี้น่าจะมาจากคำว่า hi ซึ่งหมายถึง “คู่ที่เป็นบุรุษ” คำนี้พบจากงานบันทึกเกี่ยวกับงานศพที่เรียกสตรีที่เคยอยู่กับผู้ตายว่า hemet และ hi หมายถึงสามีของเธอ

Hebswt มีความหมายว่า “คู่ที่เป็นสตรี” เช่นกัน แต่มีความหมายในเชิงของภรรยาอันดับรอง ในยุคราชวงศ์ใหม่คำว่า hemet และ hebswt อ้างอิงถึงบุคคลเดียวกัน นั่นหมายความว่า hebswt หมายถึงภรรยาคนถัดมาหลังจากที่ภรรยาคนแรกเสียชีวิตหรือหย่าร้างแล้ว



เราคิดว่าการแต่งงานต้องเกิดขึ้นจากความผูกพันและความรัก แต่ในความเป็นจริงแล้วในยุคนั้นผู้มีบทบาทในการตัดสินใจที่จะให้มีการแต่งงานเกิดขึ้นหรือไม่คือพ่อ(หรือลุง)และแม่ของฝ่ายเด็กหญิง พ่อแม่จะเป็นผู้หมั้นหมายเด็กหญิงกับว่าที่สามีของเธอในอนาคต (คลุมถุงชนว่างั้นเถอะ...)จนกระทั่งราชวงศ์ที่ 26 เด็กหญิงหรือเจ้าสาวถึงมีสิทธิมีเสียงในการเลือกสามีของตนบ้าง



ข้อมูลเฉลี่ยอายุของเด็กหญิงที่แต่งงานในยุคนั้นคือ 12-13 ปี เด็กชายจะมากกว่า 15 ปีและต้องมีความพร้อมในการเลี้ยงดูภรรยาและบุตรก่อนจึงจะได้รับอนุญาตให้แต่งงานได้ แต่ก็มีข้อยกเว้นบางกรณีอย่างเช่น ฟาโรห์ตุตันคาเมนซึ่งมีการอภิเษกตอนพระชันษา 9 ปี มีหลักฐานในยุคโรมันเข้ามาในอียิปต์อายุของเด็กหญิงที่แต่งงานลดเหลือเพียง 8 ปี (- -“ จะเร่งมีลูกไปขนาดไหนนี่) นักวิชาการพยายามชี้แจ้งว่าเป็นเพียงไม่กี่กรณีเท่านั้นส่วนใหญ่แล้วเด็กหญิงจะสมรสเมื่ออายุ 12-13 ปีเช่นเดิม แล้วก็พบหลักฐานที่ Qenherkhepeshef (คืออะไรอะไอ้นี่แปลไม่ออกจริงๆ) ที่ Deir El Medina ว่ามีการแต่งงานข้ามวัยโดยฝ่ายชายอายุ 54 และฝ่ายหญิงอายุ 12

ทางหลักฐานที่เหลืออยู่พิธีการแต่งงานของชาวอียิปต์โบราณมีความเรียบง่ายมาก เจ้าสาวแค่ออกจากบ้านของตนไปสู่บ้านสามีซึ่งสามีอาจจะอยู่คนเดียวหรืออยู่กับพ่อแม่ก็ได้ ชุดที่เจ้าสาวสวมนั้นจะสวมกระโปรงลินินยาวหรือกระโปรงแบบมีผ้าคลุมบ่ายาว คลุมด้วยแหลูกปัดตั้งแต่หัวจนเท้า ถ้าเป็นคนมีฐานะก็จะประดับด้วยเงินและไพฑูรย์ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานที่เป็นพิธีกรรมทางศาสนาหรือทางกฎหมายเลย มีแต่ทางสังคมซึ่งจะจัดการเลี้ยงฉลองอาหาร การเต้นรำ ร้องเพลงอวยพรเพื่อเป็นเกียรติสำหรับคู่บ่าวสาว



การใช้ชีวิตคู่ของคนอียิปต์โบราณสามัญชนเป็นแบบผัวเดียวเมียเดียวจนชั่วชีวิตหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไปก่อน หรือมีการหย่าร้าง แต่ในชนชั้นกษัตริย์พบว่าตั้งแต่ราชวงศ์ที่ 13 เป็นต้นมา ฟาโรห์จะมีสนมมากมายเป็นร้อยๆ คนเพื่อให้เกิดรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ เพื่อสมานไมตรีกับต่างประเทศ เพื่อฐานอำนาจทางศาสนา แต่จะยกสตรีเพียงคนเดียวขึ้นเป็นมเหสีหรือราชินีเป็นถูกดูแลสนมขึ้นอื่นๆ ทั้งหมด แต่ก็มีข้อยกเว้นในบางรัชสมัยที่มีการแต่งตั้งราชินีหลายองค์พร้อมกันและแนวปฏิบัติของฟาโรห์เช่นนี้ทำให้ขุนนางชั้นสูงบางคนรับพฤติกรรมนี้ไปด้วย

การแต่งงานในเครือญาติเช่น พี่น้อง พ่อลูก เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากความเชื่อทางศาสนาเฉพาะในเชื้อพระวงศ์เท่านั้น เนื่องจากมีตำนานการสมรสในวงศ์วานเดียวกันของเทพเจ้าทำให้ฟาโรห์จึงจำเป็นต้องรักษาสายเลือดของราชวงศ์ให้เข้มข้นที่สุด แต่ค่านิยมนี้ในหมู่ชาวบ้านเปลี่ยนแปลงไปมากในยุคที่กรีกเริ่มเข้ามามีบทบาทในอียิปต์พบการสมรสในหมู่เครือญาติสูงถึง 1 ใน 4 ของประชากร ทั้งที่ก่อนหน้านี้คนอียิปต์โบราณไม่ได้กีดกันเรื่องการสมรสข้ามเชื้อชาติหรือชนชาติเลยเพียงแต่ต้องแต่งงานในคนชนชั้นเดียวกันเท่านั้น



การหย่าร้างและสินสมรส ในแรกเริ่มฝ่ายชายต้องให้สินสมรสกับฝ่ายหญิงส่วนใหญ่จะเป็นทาสแรงงาน แต่ยุคต่อมากลับกันกลายเป็นพ่อของฝ่ายหญิงต้องให้ทาสไปอยู่รับใช้ที่บ้านฝ่ายชาย (- -“) การหย่าร้างจะกระทำเมื่อทั้งสองฝ่ายไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้เป็นการตกลงอย่างสมัครใจ ฝ่ายหญิงสามารถย้ายออกจากบ้านฝ่ายชายมาอยู่ที่บ้านตนเองได้ทันทีโดยที่ฝ่ายชายจะต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูฝ่ายหญิงเป็นจำนวน 1 ใน 3 ของทรัพย์สินที่เขามีทั้งหมด และฝ่ายหญิงสามารถแต่งงานใหม่ได้ทันทีโดยที่ไม่ถูกสังคมตำหนิ (ยุคนั้นสิทธิของสตรีดีกว่ายุคนี้จัง...)



ในพิพิธภัณฑ์ยังแสดงรูปปั้นและรูปวาดของสามีภรรยาที่โอบกอดกันและมอบดอกไม้อาหารให้อีกฝ่าย มีรูปปั้นของครอบครัวพ่อแม่ลูกที่แสดงความสัมพันธ์อันอบอุ่น การแต่งงานที่เกิดขึ้นจึงจากความรักและการให้เกียรติอีกฝ่าย

เรียบเรียง : lilypixel
อ้างอิง -
https://www.touregypt.net/featurestories/marriage.htm
https://www.historylink101.net/egypt_1/a-marriage.htm
โดย: pegasus [26 มิ.ย. 54 1:00] ( IP A:223.207.105.167 X: )
ความคิดเห็นที่ 6
   อ่า... ขอบคุณสำหรับเนื้อหานะครับ แต่คือ... คุณ Lilypixel หรือที่ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น Seal แล้วก็อยู่ในบอร์ดของเรานี่แหละครับ

และเนื้อหาเรื่องการแต่งงานที่นำมาลงนี้ก็อยู่ใน Exteen ของบอร์ดเราเช่นกันครับ

https://iyakoop.exteen.com/20080918/entry

เป็นการรวบรวมเรียบเรียงโดยคุณ Seal นั่นแหละครับ

แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่นำมาแชร์ blink
โดย: Detectiveoat13 (เจ้าบ้าน ) [26 มิ.ย. 54 10:07] ( IP A:124.121.228.5 X: )


คลิก เพื่อเปลี่ยนกลับไปแสดงความคิดเห็นแบบเดิม

ชื่อไฟล์รูปห้ามมีอักขระพิเศษ เช่น (#),(<),(>),(&) เป็นต้นค่ะ
ชื่อ / e-mail :    แทรกไอคอนน่ารักๆในข้อความ
e-mail :
ส่งอีเมลทุกครั้งที่มีการตอบกระทู้       (ใส่ Email เมื่อต้องการให้ส่ง Email เมื่อมีคนมาโพสในกระทู้)


CAPTCHA code



คลิกที่นี่เพื่อกลับหน้าบ้าน